สรุป พ.ร.ก.เงินกู้ ฉบับเข้าใจง่าย รัฐบาลกู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท จริงหรือไม่ กู้เงินจากที่ไหนมาบรรเทาวิกฤต COVID-19 สภาวะหนี้ของไทยจะเป็นอย่างไร แล้วเมื่อไรจะใช้หนี้หมด ตอบทุกข้อข้องใจแล้ว
วันที่ 17 พฤษภาคม 2563 นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) อธิบายและชี้แจงเกี่ยวกับ พ.ร.ก.เงินกู้ ซึ่งมีการยื่นกู้ในช่วงวิกฤตโควิด 19 หลายคนเข้าใจว่ารัฐบาลกู้เงินจำนวน 1.9 ล้านล้านบาทนั้น ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร โดยอธิบายให้เข้าใจฉบับง่าย ๆ 6 ข้อ ดังต่อไปนี้...
1. รัฐบาลกู้ 1.9 ล้านล้านบาท จริงหรือไม่ ?
คำตอบ : ไม่จริง ทั้งนี้ พ.ร.ก. ที่รัฐบาลออกมามี 3 ฉบับ ได้แก่
1.1 พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท
1.2 พ.ร.ก.การสนับสนุนสินเชื่อใหม่ (Softloan) จำนวน 500,000 ล้านบาท
1.3 พ.ร.ก.การสนับสนุนสภาพคล่องเพื่อดูแลเสถียรภาพตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน (Bond Stabilization Fund BSF) จำนวน 400,000 ล้านบาท
แม้ว่าบวกกันจะมีมูลค่ารวม 1.9 ล้านล้านบาท แต่มีเพียง พ.ร.ก. ฉบับที่ 1 ฉบับเดียวเท่านั้น ที่จะใช้เงินกู้ ส่วนอีก 2 ฉบับ เป็นการใช้สภาพคล่องของธนาคารแห่งประเทศไทย ดังนั้น การบอกว่ารัฐบาลกู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท เป็นการเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง
2. รัฐบาลจะกู้เงินจากที่ไหน ?
คำตอบ : รัฐบาลมีเครื่องมือในการกู้เงินทั้งเครื่องมือระยะยาวและระยะสั้น
- ระยะยาว เช่น การขายพันธบัตร ตั้งแต่อายุ 5-50 ปี ให้นักลงทุนสถาบัน การขายพันธบัตรออมทรัพย์ให้ประชาชน การกู้จากองค์การระหว่างประเทศหรือสถาบันการเงินระหว่างประเทศ
- ระยะสั้น เช่น การออกตั๋วเงินคลัง การกู้เงินผ่านสถาบันการเงินในรูป PN หรือ Term loan
ซึ่งภายใต้ พ.ร.ก. กู้เงิน 1 ล้านล้านนี้ ก็จะกระจายการกู้เงินไม่ให้กระจุกตัวอยู่ในเครื่องมือใดเครื่องมือหนึ่งเป็นการเฉพาะ
3. รัฐบาลกู้เงินมา 1 ล้านล้านบาท แล้วหรือยัง ?
คำตอบ : ยังไม่ได้กู้ รัฐบาลจะทยอยกู้เงินตามความต้องการใช้เงิน ซึ่งในขณะนี้มีเพียง 2 โครงการเท่านั้น ที่ได้รับอนุมัติให้ใช้เงินกู้ คือ การเยียวยาประชาชนและเกษตรกร โดยข้อมูล ณ วันที่ 16 พฤษภาคม 2563 ได้ทำการกู้เงินไปแล้ว 170,000 ล้านบาท ผ่านตั๋วสัญญาใช้เงินและพันธบัตรออมทรัพย์ ส่วนเครื่องมืออื่นจะทยอยตามมา
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ไทยคู่ฟ้า
คำตอบ : อาจไม่จำเป็น ทั้งนี้ จะต้องกู้เท่าไร ขึ้นอยู่กับความจำเป็นในการใช้เงิน ถ้า COVID 19 ทำให้เศรษฐกิจทรุดนาน ประกอบกับงบประมาณปี 2564 ใช้ไม่เพียงพอในการดูแลประชาชนและเศรษฐกิจ ก็อาจจะต้องกู้จนครบจำนวน 1 ล้านล้านบาท แต่ถ้าพวกเราช่วยกันแล้วคุมโรคโควิด-19 อยู่ ทุกอย่างค่อย ๆ ผ่อนคลาย เศรษฐกิจเริ่มหมุน คนกลับมามีรายได้ เงินงบประมาณ 2564 ดูแลได้อย่างเพียงพอ ก็อาจจะไม่ต้องกู้จนครบ 1 ล้านล้านบาท ก็เป็นได้
5. เมื่อกู้ครบ 1 ล้านล้านบาทแล้ว สภาวะหนี้ของรัฐบาลจะเป็นอย่างไร ?
คำตอบ : จากการประมาณการ หากต้องกู้เงินครบ 1 ล้านล้านบาท ภายใน 30 กันยายน 2564 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่จะสามารถกู้ได้ตาม พ.ร.ก. ฉบับนี้ คาดว่าหนี้สาธารณะของไทย ณ 30 กันยายน 2564 จะอยู่ที่ 57.96% ของ GDP ซึ่งยังอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลังที่ประกาศกำหนด Debt / GDP (อัตราส่วนระหว่างหนี้ภาครัฐของประเทศกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ) ไว้ที่ 60%
อย่างไรก็ดี Debt/GDP ที่ระดับ 60% นี้ เป็นระดับหนี้พึงมีในสภาวการณ์เศรษฐกิจที่ปกติ แต่ในสภาวการณ์ที่ไม่ปกติ หากมีความจำเป็นต้องมีเงินเพื่อดูแลประชาชนและเศรษฐกิจเพื่อให้เดินต่อไปได้ และสามารถกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว และอาจทำให้หนี้สาธารณะเกินระดับ 60% ไปบ้างก็ไม่ใช่เรื่องที่โลกจะถล่ม ประเทศจะทลาย ซึ่งเมื่อเศรษฐกิจกลับมาเจริญเติบโต สัดส่วนดังกล่าวก็จะกลับมาอยู่ในภาวะปกติ
สมัยวิกฤตต้มยำกุ้ง เป็นช่วงที่หนี้สาธารณะสูงที่สุด คือ 59.9% และเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ประกอบกับการมีวินัยเรื่องหนี้ที่ดี ทำให้ในปัจจุบัน หนี้สาธารณะอยู่ในระดับเพียง 41.4% ของ GDP
ภาพจาก Norbert Braun / Shutterstock.com
6. หนี้ก้อนนี้จะใช้หมดเมื่อไร ?
คำตอบ : อายุเฉลี่ยของหนี้สาธารณะในปัจจุบันอยู่ที่ 10 ปีกว่า ๆ โดยหนี้ที่อายุยาวที่สุดคืออายุ 50 ปี ทั้งนี้ การชำระหนี้ รัฐบาลได้ตั้งงบประมาณเพื่อชำระหนี้ไว้ในงบประมาณทุกปี ซึ่งจากการศึกษาพบว่าอัตราการชำระหนี้ที่เหมาะสมในแต่ละปี ควรจะจัดสรรงบประมาณไม่ต่ำกว่า 3% ของงบประมาณเพื่อใช้ในการชำระเงินต้น
ดังนั้น การจะตอบว่าประเทศไทยจะชำระหนี้ก้อนนี้หมดเมื่อไร มันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย คงไม่สามารถตอบเป็นจำนวนปีที่ชัดเจนได้ ซึ่งหากเศรษฐกิจดี ประเทศไทยจัดเก็บรายได้ได้มากขึ้น และได้รับการจัดสรรงบชำระหนี้อย่างเหมาะสม จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยทำให้ชำระหนี้ก้อนนี้ให้หมดได้เร็วขึ้น
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID-19 << ได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Patricia Mongkhonvanit