คืบคดี แม่ปุ๊ก วางยาลูก ด้านอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน เผยแม่ปุ๊กพาลูกมาโรงพยาบาล บอกว่าแพ้อาหารทะเล แต่เมื่อหมอดูกลับพบว่า เด็กกินบางอย่างที่มีฤทธิ์กัดกร่อน จนนำมาสู่การแจ้งจับ
วันที่ 23 พฤษภาคม 2563 จากกรณีที่มีการเปิดเผยว่า แม่ปุ๊ก ซึ่งเคยเปิดรับบริจาคและขายของเพื่อหาเงินมารักษา เด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) แต่ปรากฏว่าต่อมา เด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) ได้เสียชีวิต และหลังจากนั้นไม่นาน เด็กชายบี (นามสมมุติ) ก็มีอาการคล้าย ๆ พี่สาว จนเกิดข้อสงสัยว่า แม่ปุ๊กพยายามวางยาลูกเพื่อที่จะเอาเงินบริจาคหรือไม่
อ่านเพิ่มเติม แม่ปุ๊ก ถูกสงสัย ฮุบเงินบริจาค 20 ล้าน หลังลูก 2 คน ป่วย
อย่างไรก็ตาม นางสุภัชชา สุทธิพล อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน เปิดเผยว่า บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดปทุมธานี ได้รับการประสานจากทีมแพทย์ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กรณีตรวจพบสารกัดกร่อน ผ่านทางช่องปาก เด็กชายบี (นามสมมุติ) อายุ 2 ขวบ ในระหว่างการรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน ณ ห้องพิเศษ (ICU) รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
ทั้งนี้ บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดปทุมธานี ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับทีมสหวิชาชีพ โดยเด็กชายบี (นามสมมุติ) เข้ามารักษาตัวที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ด้วยอาการแพ้และอาเจียนรุนแรง แม่เด็กสันนิษฐานว่าลูกแพ้ปลาหมึก
อย่างไรก็ตาม เมื่อแพทย์ทำการตรวจแล้วกลับพบว่าหลอดอาหารและกระเพาะอาหารของเด็กชายบี (นามสมมุติ) อักเสบรุนแรง น้องมีแผลในปาก ลำไส้ และกระเพาะอาหาร สาเหตุจากการกลืนสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อน แพทย์สงสัยพฤติกรรมแม่ ที่เชื่อมโยงกับเด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) พี่สาวของเด็กชายบี (นามสมมุติ) ซึ่งปัจจุบันเด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) เสียชีวิตแล้ว โดยเข้ามารักษาเมื่อปีก่อน ซึ่งมีอาการเช่นเดียวกันกับเด็กชายบี (นามสมมุติ) รวมถึงเรื่องขายของและรับบริจาคของแม่เด็กในเฟซบุ๊ก แพทย์สงสัยพฤติกรรมของแม่ จนนำไปสู่การแจ้งความและจับกุมในเวลาต่อมา
ส่วนกรณีที่มีข้อสงสัยว่าเด็กทั้ง 2 คน เป็นลูกแท้ ๆ ของแม่ปุ๊กหรือไม่ ทางช่อง 3 รายงานว่า เด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) ไม่น่าใช่ลูกแท้ ๆ ของแม่ปุ๊ก เพราะในใบแจ้งเกิดของน้อง ชื่อพ่อและแม่เป็นบุคคลอื่น ส่วนเด็กชายบี (นามสมมุติ) นั้น ในใบแจ้งเกิดเป็นชื่อแม่ปุ๊กจริง แต่ไม่มีการฝากท้อง เมื่อแพทย์ขอตรวจดีเอ็นเอ แม่ปุ๊กก็ไม่ยินยอม จึงต้องขออำนาจศาลเพื่อตรวจดีเอ็นเออีกครั้ง และยังพบว่า แม่ปุ๊กเปลี่ยนชื่อตัวเองไปถึง 4 ครั้ง
วันที่ 23 พฤษภาคม 2563 จากกรณีที่มีการเปิดเผยว่า แม่ปุ๊ก ซึ่งเคยเปิดรับบริจาคและขายของเพื่อหาเงินมารักษา เด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) แต่ปรากฏว่าต่อมา เด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) ได้เสียชีวิต และหลังจากนั้นไม่นาน เด็กชายบี (นามสมมุติ) ก็มีอาการคล้าย ๆ พี่สาว จนเกิดข้อสงสัยว่า แม่ปุ๊กพยายามวางยาลูกเพื่อที่จะเอาเงินบริจาคหรือไม่
อ่านเพิ่มเติม แม่ปุ๊ก ถูกสงสัย ฮุบเงินบริจาค 20 ล้าน หลังลูก 2 คน ป่วย
อย่างไรก็ตาม นางสุภัชชา สุทธิพล อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน เปิดเผยว่า บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดปทุมธานี ได้รับการประสานจากทีมแพทย์ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กรณีตรวจพบสารกัดกร่อน ผ่านทางช่องปาก เด็กชายบี (นามสมมุติ) อายุ 2 ขวบ ในระหว่างการรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน ณ ห้องพิเศษ (ICU) รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
ทั้งนี้ บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดปทุมธานี ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับทีมสหวิชาชีพ โดยเด็กชายบี (นามสมมุติ) เข้ามารักษาตัวที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ด้วยอาการแพ้และอาเจียนรุนแรง แม่เด็กสันนิษฐานว่าลูกแพ้ปลาหมึก
อย่างไรก็ตาม เมื่อแพทย์ทำการตรวจแล้วกลับพบว่าหลอดอาหารและกระเพาะอาหารของเด็กชายบี (นามสมมุติ) อักเสบรุนแรง น้องมีแผลในปาก ลำไส้ และกระเพาะอาหาร สาเหตุจากการกลืนสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อน แพทย์สงสัยพฤติกรรมแม่ ที่เชื่อมโยงกับเด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) พี่สาวของเด็กชายบี (นามสมมุติ) ซึ่งปัจจุบันเด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) เสียชีวิตแล้ว โดยเข้ามารักษาเมื่อปีก่อน ซึ่งมีอาการเช่นเดียวกันกับเด็กชายบี (นามสมมุติ) รวมถึงเรื่องขายของและรับบริจาคของแม่เด็กในเฟซบุ๊ก แพทย์สงสัยพฤติกรรมของแม่ จนนำไปสู่การแจ้งความและจับกุมในเวลาต่อมา
ส่วนกรณีที่มีข้อสงสัยว่าเด็กทั้ง 2 คน เป็นลูกแท้ ๆ ของแม่ปุ๊กหรือไม่ ทางช่อง 3 รายงานว่า เด็กหญิงเอ (นามสมมุติ) ไม่น่าใช่ลูกแท้ ๆ ของแม่ปุ๊ก เพราะในใบแจ้งเกิดของน้อง ชื่อพ่อและแม่เป็นบุคคลอื่น ส่วนเด็กชายบี (นามสมมุติ) นั้น ในใบแจ้งเกิดเป็นชื่อแม่ปุ๊กจริง แต่ไม่มีการฝากท้อง เมื่อแพทย์ขอตรวจดีเอ็นเอ แม่ปุ๊กก็ไม่ยินยอม จึงต้องขออำนาจศาลเพื่อตรวจดีเอ็นเออีกครั้ง และยังพบว่า แม่ปุ๊กเปลี่ยนชื่อตัวเองไปถึง 4 ครั้ง