คดีสะพรึง แม่เข้าร่วมลัทธิคลั่งศาสนา ต่อมาสามีถูกยิงตาย จึงย้ายไปอยู่กับสามีใหม่ ก่อนลูก 2 คนหายตัวปริศนา แต่กลับพากันบินไปแต่งงานที่ฮาวาย ตำรวจสืบสวนนานกว่า 7 เดือน จนในที่สุด พบศพเด็กถูกฝังใกล้บ้านสามีใหม่
- เริ่มจาก ไทลี่ ไรอัน วัย 17 ปี หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2562 หลังจากไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน กับน้องชาย แม่ และลุง
- ต่อมา โจชัว วาลโลว์ น้องชายวัย 7 ขวบ ซึ่งมีอาการออทิสติก ก็หายตัวตามไป
- มีคนพบเด็กชายครั้งสุดท้ายที่โรงเรียน วันที่ 23 กันยายน แม่ของเขาไปรับ และบอกว่าจะให้ลูกเรียนที่บ้านหลังจากนั้น
- จริง ๆ แล้วโจชัวไม่ใช่ลูกแท้ ๆ แต่ ลอรี วาลโลว์ แม่วัย 46 ปี กับสามีเก่า รับเขามาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม
- ผ่านไป 2 เดือน ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน เจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่งทำการตรวจสอบ ภายหลังจากญาติของโจชัวร้องเรียนว่าไม่ได้เจอโจชัวมานาน
ภาพจาก Madison County Sheriff's Office
ลอรี วาลโลว์
- จากนั้นในเดือนมกราคม 2563 วาลโลว์และเดย์เบลก็หายไป ก่อนจะทราบว่าทั้งคู่บินไปทำพิธีแต่งงานกันที่ฮาวาย
- เจ้าหน้าที่ส่งหมายศาล สั่งให้วาลโลว์พาลูก ๆ ไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ แต่เธอก็ผิดนัด
- เจ้าหน้าที่สงสัยในพฤติกรรมของสองสามีภรรยา แถมยังพบว่า แทมมี่ ภรรยาเก่าวัย 30 ปี ของเดย์เบล เพิ่งจะเสียชีวิตเมื่อไม่กี่เดือนก่อน
- ศพของแทมมี่ถูกพบที่บ้าน ซึ่งตอนแรกสรุปว่าเป็นการเสียชีวิตตามธรรมชาติ แต่หลังจากมีข้อสงสัย ก็รื้อคดีมาสอบสวนใหม่อีกครั้ง และดำเนินการชันสูตรพลิกศพ
-
ด้านสามีเก่าของวาลโลว์ที่มีเรื่องบาดหมางกัน
ก็ถูกยิงเสียชีวิตในเดือนกรกฎาคม 2562 ที่บ้านในรัฐแอริโซนา
หลังการวิวาทกับพี่ชายของเธอ ซึ่งต่อมาเธอได้ย้ายบ้านและมาพบรักกับเดย์เบล
- เพื่อนและครอบครัวของเดย์เบลและวาลโลว์ เผยว่า พวกเขามีความเชื่อทางศาสนาที่แตกต่างหลากหลาย
- เดย์เบลแต่งหนังสือเกี่ยวกับวันสิ้นโลกหลายเล่ม เขาเชื่อเรื่องลี้ลับ และเคยเล่าว่ามีประสบการณ์เฉียดตาย สามารถสื่อสารกับโลกวิญญาณ หยั่งรู้โลกอนาคต
- ขณะที่วาลโลว์ เข้าร่วมลัทธิความเชื่อเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดโต่ง เธอเชื่อว่าพระเจ้าได้มอบหมายหน้าที่ให้เธอทำ และเคยบอกว่าจะฆ่าสามีหากเขามาขวางทางเธอ ทั้งยังบอกว่า มีทูตสวรรค์ช่วยเธอกำจัดศพ
- ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 วาลโลว์ถูกควบคุมตัวในฮาวาย จากนั้นในเดือนมีนาคม ก็ถูกส่งตัวกลับมายังรัฐไอดาโฮ
- เธอถูกตั้งข้อหาเกี่ยวกับการทอดทิ้งลูก เพิกเฉยต่อการหายตัวไปของลูก และไม่ให้ความร่วมมือในการสอบสวน แต่ยังไม่พบหลักฐานชี้ชัดว่าเธอมีส่วนทำให้เด็กทั้ง 2 คนหายตัวไป
ภาพจาก Rexburg Police Department
แชด เดย์เบล
- วันที่ 9 มิถุนายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าพบศพของมนุษย์ 2 ศพ ในบริเวณพื้นที่บ้านของเดย์เบล และได้มีการนำศพไปชันสูตร
- ญาติของไทลี่ และโจชัว ต่างยืนยันว่าเป็นศพของเด็กทั้ง 2 คนที่หายตัวไป กระทั่งในวันที่ 10 มิถุนายน ทางอัยการของคดีได้ยืนยันเช่นเดียวกัน
- หลังจากนั้น เดย์เบล ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวในข้อหาปกปิดและทำลายหลักฐาน เจ้าหน้าที่ตั้งค่าประกันตัวที่ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ส่วนเรื่องสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กทั้ง 2 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด
ขอบคุณข้อมูลจาก edition.cnn.com, usatoday.com, dailymail.co.uk
- เพื่อนและครอบครัวของเดย์เบลและวาลโลว์ เผยว่า พวกเขามีความเชื่อทางศาสนาที่แตกต่างหลากหลาย
- เดย์เบลแต่งหนังสือเกี่ยวกับวันสิ้นโลกหลายเล่ม เขาเชื่อเรื่องลี้ลับ และเคยเล่าว่ามีประสบการณ์เฉียดตาย สามารถสื่อสารกับโลกวิญญาณ หยั่งรู้โลกอนาคต
- ขณะที่วาลโลว์ เข้าร่วมลัทธิความเชื่อเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดโต่ง เธอเชื่อว่าพระเจ้าได้มอบหมายหน้าที่ให้เธอทำ และเคยบอกว่าจะฆ่าสามีหากเขามาขวางทางเธอ ทั้งยังบอกว่า มีทูตสวรรค์ช่วยเธอกำจัดศพ
- ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 วาลโลว์ถูกควบคุมตัวในฮาวาย จากนั้นในเดือนมีนาคม ก็ถูกส่งตัวกลับมายังรัฐไอดาโฮ
- เธอถูกตั้งข้อหาเกี่ยวกับการทอดทิ้งลูก เพิกเฉยต่อการหายตัวไปของลูก และไม่ให้ความร่วมมือในการสอบสวน แต่ยังไม่พบหลักฐานชี้ชัดว่าเธอมีส่วนทำให้เด็กทั้ง 2 คนหายตัวไป
- ในเดือนเมษายน เจ้าหน้าที่หลายรัฐร่วมมือสืบคดีอย่างจริงจัง
ภาพจาก Rexburg Police Department
แชด เดย์เบล
- วันที่ 9 มิถุนายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าพบศพของมนุษย์ 2 ศพ ในบริเวณพื้นที่บ้านของเดย์เบล และได้มีการนำศพไปชันสูตร
- ญาติของไทลี่ และโจชัว ต่างยืนยันว่าเป็นศพของเด็กทั้ง 2 คนที่หายตัวไป กระทั่งในวันที่ 10 มิถุนายน ทางอัยการของคดีได้ยืนยันเช่นเดียวกัน
- หลังจากนั้น เดย์เบล ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวในข้อหาปกปิดและทำลายหลักฐาน เจ้าหน้าที่ตั้งค่าประกันตัวที่ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ส่วนเรื่องสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กทั้ง 2 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด
ขอบคุณข้อมูลจาก edition.cnn.com, usatoday.com, dailymail.co.uk