ตำรวจรวบหนุ่มปลอมเป็นพนักงานธนาคาร หลอกขอรหัส OTP ฉกเงินเกลี้ยงบัญชี เหยื่อหลงเชื่อสูญเงินรวมกว่า 1 ล้านบาท

วันที่ 11 มิถุนายน 2563 พล.ต.ท. สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พร้อมด้วย พ.ต.อ. สถิตย์ พรมอุทัย รองผู้บังคับการสืบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แถลงข่าวจับกุมนายพนา (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสระบุรี ที่ จ.91/2563 และนายชูศักดิ์ อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสระบุรี ที่ จ.90/2563 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และร่วมกันลักทรัพย์
พล.ต.ท. สมพงษ์ ระบุว่า หลังจากเจ้าหน้าที่รับแจ้งจากทางธนาคาร ก็ทำการสืบสวนเส้นทางการเงินของผู้เสียหาย ซึ่งต่อมาพบว่า นายพนาใช้วิธีเข้าไปในเพจของธนาคารเพื่อดูคอมเมนต์จากผู้เสียหายที่ขัดข้องในการทำธุรกรรมทางการเงิน จากนั้นจะปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ SCB Connect ของธนาคาร และแอดไลน์ไปหาผู้เสียหาย เพื่อส่งข้อความหรือพูดจาหว่านล้อมขอรหัส OTP และข้อมูลส่วนตัว
พล.ต.ท. สมพงษ์ ระบุว่า หลังจากเจ้าหน้าที่รับแจ้งจากทางธนาคาร ก็ทำการสืบสวนเส้นทางการเงินของผู้เสียหาย ซึ่งต่อมาพบว่า นายพนาใช้วิธีเข้าไปในเพจของธนาคารเพื่อดูคอมเมนต์จากผู้เสียหายที่ขัดข้องในการทำธุรกรรมทางการเงิน จากนั้นจะปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ SCB Connect ของธนาคาร และแอดไลน์ไปหาผู้เสียหาย เพื่อส่งข้อความหรือพูดจาหว่านล้อมขอรหัส OTP และข้อมูลส่วนตัว
จากนั้นคนร้ายจะติดตั้งแอปพลิเคชันการทำธุรกรรมทางการเงินบนโทรศัพท์ของตนเอง แล้วทำการถอนเงินออกจากบัญชีผู้เสียหายแบบไม่ใช้บัตร ATM จากตู้ทันที หรือทำการโอนเข้าบัญชีของนายชูศักดิ์ นาคใหม่ ผู้เป็นพ่อ ซึ่งหลังสืบสวนทราบว่าคนร้ายพักอาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี จึงประสานตำรวจในพื้นที่เข้าจับกุม

เบื้องต้น นายพนา ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุดังกล่าว เนื่องจากเคยเปิดบัญชีแบบระบบดิจิทัลมาก่อน จึงทราบว่าหากนำรหัส OTP และข้อมูลส่วนตัวไปทำการเปิดบัญชีในโทรศัพท์อีกเครื่องได้ จึงลงมือก่อเหตุ เพื่อนำเงินไปซื้อรถและเล่นพนันออนไลน์ ส่วนนายชูศักดิ์ให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็น แต่ทางตำรวจมีพยานหลักฐาน ได้แจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และร่วมกันลักทรัพย์
โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามเงินคืนให้กับผู้เสียหายได้มากกว่า 97% แล้ว และได้นำเงินจำนวนดังกล่าวเฉลี่ยคืนให้กับผู้เสียหาย 5 ราย
โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามเงินคืนให้กับผู้เสียหายได้มากกว่า 97% แล้ว และได้นำเงินจำนวนดังกล่าวเฉลี่ยคืนให้กับผู้เสียหาย 5 ราย

ด้านตัวแทนจากธนาคารกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ พร้อมระบุว่า ผู้เสียหายหลายรายซึ่งเป็นลูกค้าที่เปิดบัญชีของธนาคาร แจ้งว่ามีเงินถูกถอนออกจากบัญชี ขณะนั้นสังเกตเห็นว่าเหตุเกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน ทำให้มั่นใจว่าเป็นการถูกหลอก จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ทำการสืบสวน
โดยยืนยันว่า ปกติแล้วการทำธุรกรรมทางการเงินด้วยระบบดิจิทัลนั้นปลอดภัย แต่สิ่งสำคัญคือ เราต้องไม่ให้ข้อมูลส่วนตัว รหัส OTP กับผู้อื่น แม้คนร้ายจะอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารก็ตาม แต่ธนาคารไม่เคยมีการโทร. ไปสอบถามรหัส OTP กับลูกค้าอย่างแน่นอน






