คนขับรถตู้ วัย 40 เข้ามอบตัวกลางดึก หลังคลิปฉาวว่อนเน็ต ยกเท้าถีบหน้าแม่ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล เจ้าตัวสารภาพไม่พอใจอีกฝ่ายต่อปากต่อคำ หลังบอกจะแจ้งจับปมขายเกินราคา เบื้องต้นถูกแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย
เรียกได้ว่าเป็นคลิปวิดีโอที่สังคมให้ความสนใจอย่างมาก หลังมีการเผยแพร่ออกไปได้เพียงไม่นาน กับเหตุการณ์คนขับรถตู้สายสุราษฎร์ธานี-อำเภอท่าชนะ ก่อเหตุใช้เท้าถีบเข้าที่ใบหน้าแม่ค้าขายสลากกินแบ่งรัฐบาล จนกระเด็นล้มลง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวถูกบันทึกได้จากกล้องวงจรปิด ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น
อ่านข่าว : คนขับรถตู้ หัวร้อน ถีบหน้าแม่ค้าขายลอตเตอรี่ ปมฉุนเรื่องขายเกินราคา
อ่านข่าว : คนขับรถถีบแม่ค้าลอตเตอรี่ เจอยกเลิกร่วมสัมปทานรถตู้ หมดช่องทางทำกินเซ่นคลิปฉาว
ล่าสุด (1 กรกฎาคม 2563) สปริงนิวส์ รายงานความคืบหน้าว่า นายมนตรี บุญปล้อง อายุ 40 ปี ผู้ก่อเหตุ ได้เดินทางเข้ามอบตัวเพื่อรับทราบข้อหาแล้ว ตั้งแต่ตอน 3 ทุ่มกว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา (30 มิถุนายน) โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น
โดย นายมนตรี ให้การรับสารภาพว่า สาเหตุที่ถีบหน้าแม่ค้า เพราะไม่พอใจที่อีกฝ่ายต่อปากต่อคำ หลังจาากตนบอกอีกฝ่ายว่าจะแจ้งจับว่าขายเกินราคา เพื่อเอาเงินรางวัลนำจับ แต่อีกฝ่ายกลับย้อนกลับว่ามันไม่ง่ายแบบนั้นหรอกที่จะแจ้งจับเพื่อเอารางวัลนำจับ จึงทำให้ตนโมโหและก่อเหตุดังกล่าว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการปล่อยตัวชั่วคราวนายมนตรี เนื่องจากเจ้าตัวมามอบตัวเอง ซึ่งหลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะรอใบรับรองแพทย์เพิ่ม เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาว่าจะมีการเปรียบเทียบปรับที่สถานีตำรวจภูธร หรือส่งฟ้องศาลต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก สปริงนิวส์
เรียกได้ว่าเป็นคลิปวิดีโอที่สังคมให้ความสนใจอย่างมาก หลังมีการเผยแพร่ออกไปได้เพียงไม่นาน กับเหตุการณ์คนขับรถตู้สายสุราษฎร์ธานี-อำเภอท่าชนะ ก่อเหตุใช้เท้าถีบเข้าที่ใบหน้าแม่ค้าขายสลากกินแบ่งรัฐบาล จนกระเด็นล้มลง ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวถูกบันทึกได้จากกล้องวงจรปิด ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น
อ่านข่าว : คนขับรถตู้ หัวร้อน ถีบหน้าแม่ค้าขายลอตเตอรี่ ปมฉุนเรื่องขายเกินราคา
อ่านข่าว : คนขับรถถีบแม่ค้าลอตเตอรี่ เจอยกเลิกร่วมสัมปทานรถตู้ หมดช่องทางทำกินเซ่นคลิปฉาว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการปล่อยตัวชั่วคราวนายมนตรี เนื่องจากเจ้าตัวมามอบตัวเอง ซึ่งหลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะรอใบรับรองแพทย์เพิ่ม เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาว่าจะมีการเปรียบเทียบปรับที่สถานีตำรวจภูธร หรือส่งฟ้องศาลต่อไป