2 ตำนานมือปราบดัง วิเคราะห์เบื้องลึกปม แม่-ลุง น้องชมพู่
เปิดศึกสาดโคลนใส่กัน เพราะรู้ว่าตำรวจเริ่มรู้ตัวคนร้าย
เชื่อใกล้ปิดฉากคดี แนะคนร้ายรีบสารภาพ โทษหนักจะได้เป็นเบา
ภาพจาก อมรินทร์ ทีวี
จากกรณี น้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ หายจากบ้านใน อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร
ตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 กระทั่งไปพบศพกลางป่าบนเขาภูเหล็กไฟ
ห่างจากบ้าน 5 กิโลเมตร ซึ่งผลชันสูตรพบบาดแผลที่อวัยวะเพศ
ขณะที่ตำรวจกำลังเร่งหาหลักฐานเพื่อตรวจหาดีเอ็นเอแฝง
แต่ผ่านไปเดือนกว่าแล้วก็ยังไม่สามารถคลี่คลายคดีได้
โดยหนึ่งในผู้ต้องสงสัยคือ นายไชย์พล ลุงของน้องชมพู่
จนเกิดปัญหาระหว่างนายไชย์พล กับแม่ของน้องชมพู่
ตามที่ได้มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น
อ่านข่าว : ลุงพล ถึงคราวแตกหัก ครอบครัวน้องชมพู่ ซัดแรงใส่แม่ ทำไมไม่ขึ้นเขาตามหาลูก !
อ่านข่าว : ลุงพล ถึงคราวแตกหัก ครอบครัวน้องชมพู่ ซัดแรงใส่แม่ ทำไมไม่ขึ้นเขาตามหาลูก !
ภาพจาก อมรินทร์ ทีวี
ล่าสุด วันที่ 9 กรกฎาคม 2563 อมรินทร์ ทีวี รายงานว่า พล.ต.ต. วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เจ้าของฉายา มือปราบหูดำ ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับคดีน้องชมพู่ ว่า กรณีที่นางสาวิตรี แม่น้องชมพู่ และลุงพล ได้ออกมาตั้งข้อสงสัยของอีกฝ่ายจนเกิดความบาดหมางกันขึ้นนั้น ในมุมของการทำงานของตำรวจถือว่าเป็นผลดี ที่สามารถจำกัดวงแคบลง และสามารถตามหาตัวคนร้ายได้ง่ายขึ้น เพราะเนื่องจากมีคนออกมาแสดงตัวเหมือนลักษณะ "ร้อนตัว" เพราะกลัวว่าจะถูกจับ ทำให้ต้องออกมาปัดโยนความผิดไปที่คนอื่น หรือการเปิดประเด็นเปลี่ยนความสงสัยไปที่คนอื่น ซึ่งจะทำให้ทางตำรวจสามารถจับพิรุธและทำงานได้ง่ายขึ้น โดยการนั่งจับผิดการสงสัยของ 2 ฝ่าย แล้วหาพิรุธจุดเชื่อมโยงว่ามีมูลความจริงมากน้อยเพียงใด
จากนั้นเพียงแค่หาพยานหลักฐานเพิ่มก็จะสามารถชี้ชัดตัวคนร้ายได้ โดยขณะนี้ตนเชื่อว่าคนร้ายคือบุคคลที่ใกล้ชิด ขณะนี้ตำรวจต้องหาพยานหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นพยานบุคคล พยานนิติวิทยาศาสตร์ หลักฐานจากการสอบปากคำที่จะมุ่งหาความจริงไปถึงตัวผู้ร้าย แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายถึงว่าตำรวจจะตัดผู้ต้องสงสัยคนอื่น ๆ ก่อนหน้าออกไป โดยจะต้องมีการเชื่อมโยงความเกี่ยวข้อง และพยานหลักฐานตามวิธีการของตำรวจ เพียงแต่อาจจำกัดได้แคบมากขึ้น และจะต้องดำเนินการสอบสอนต่อไป
ภาพจาก อมรินทร์ ทีวี
พร้อมมองว่ากรณีนี้หากมีข้อพิรุธ หรือสามารถเปิดประเด็นความสงสัยใหม่ได้มากเท่าไร ก็จะยิ่งสามารถสนับสนุนการทำงานให้มีความแม่นยำมากขึ้นเท่านั้น โดยหลังจากที่ทราบพิรุธแล้ว เพียงตำรวจนำทุกคนเข้าเครื่องจับเท็จก็จะทราบข้อเท็จจริง ว่าอะไรโกหก หรืออะไรคือความจริง ซึ่งตำรวจมีอำนาจหน้าที่ที่จะเชิญผู้ต้องสงสัยเข้าเครื่องจับเท็จได้
ภาพจาก อมรินทร์ ทีวี
ทั้งนี้ ตนคิดว่าคนร้ายน่าจะรู้ตัวแล้วว่าตำรวจสาวใกล้ถึงตัวแล้ว จึงอยากให้มีความเป็นมนุษย์ ออกมารับผิด เพราะความจริงก็เป็นความจริง ไม่สามารถหนีพ้นได้ เชื่อว่าขณะนี้ตำรวจน่าจะทราบแล้วว่าใครเป็นคนร้าย ส่วนชาวบ้านที่อยู่ในละแวกที่เกิดเหตุ หากใครมีหลักฐานอะไรสาวถึงตัวคนร้ายได้ ให้หาทางติดต่อกับตำรวจทันที จนถึงตอนนี้ควรออกมาพูดความจริง ผู้คนจะได้ให้อภัย เพราะเรื่องนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ชาวกกกอก และชาวมุกดาหาร เสียหาย โดยจิตใจของพวกคุณรู้ดีว่าทำอะไรกันอยู่ ขอเพียงออกมาพูดความจริง ทุกคนจะให้อภัย โทษหนักจะได้เป็นเบา
ขอบคุณข้อมูลจาก อมรินทร์ ทีวี
