x close

อัยการชี้ความยากคดีน้องชมพู่ มีแค่ปลายทาง - คนเข้าถึงที่เกิดเหตุ ร่องรอยสำคัญอาจเสียหาย

          อธิบดีอัยการ มองคดีน้องชมพู่มีความยาก ชี้เด็กหายแล้วตายโดยไม่มีต้นสายปลายเหตุ ไม่ปิดกั้นพื้นที่เกิดเหตุ คนเข้าถึงมากเกินไป อาจทำลายร่องรอยสำคัญ ผลชันสูตร ไม่บอกชัดสาเหตุการตาย

คดีน้องชมพู่

          วานนี้ (11 กรกฎาคม 2563) รายการทุบโต๊ะข่าว ช่องอมรินทร์ ทีวี มีรายงานความคืบหน้าในกรณีการเสียชีวิตของ น้องชมพู่ ซึ่งแม้เวลาจะผ่านไปนานกว่า 2 เดือนแล้ว แต่สังคมก็ยังคงไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนว่าแท้จริงแล้ว น้องชมพู่เสียชีวิตจากสาเหตุใด หรือใครที่มีส่วนนำไปสู่โศกนาฏรรมดังกล่าว

          โดย อ.ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาธนบุรี เปิดเผยว่า คดีของน้องชมพู่ค่อนข้างจะยาก เพราะเป็นคดีความที่ไม่มีต้นน้ำ มีแต่ปลายน้ำ คืออยู่ดี ๆ มีเด็กสูญหาย แล้วทุกคนก็ช่วยกันออกค้นหาจนเจอศพ

          อย่างไรก็ตาม การที่ให้ชาวบ้านเดินค้นหาร่วมกับเจ้าพนักงาน อาจจะไปทำลายร่องรอยหลักฐานที่สำคัญได้ ทั้งญาติพี่น้อง หรือชาวบ้าน อาจะเข้าใกล้ที่เกิดเหตุเกินไป แม้จะเป็นไปด้วยความหวังดีก็ตาม ซึ่งโดยปกติจะต้องมีการนำเส้นมากั้นในจุดที่พบหลักฐาน อย่างไรก็ตาม ตนไม่อยากกล่าวโทษใคร

          นอกจากนี้ความสำคัญยังอยู่ที่ผลการชันสูตรพลิกศพน้องชมพู่ ว่าถูกบีบคอหรือล่วงละเมิด จนตอนนี้ยังไม่มีใครทราบว่าน้องเสียชีวิตจากสาเหตุใด

          อ.ปรเมศวร์ ยังมองอีกว่า เรื่องเริ่มจะไปคนละทาง มีการตรวจดีเอ็นเอทั้งสุนัข แมว หรือแม้แต่นักข่าว แต่ก็เชื่อว่าเจ้าหน้าที่อาจพุ่งเป้าไปที่อะไรบางอย่าง และน่าจะมีแนวทางที่คิดไว้อยู่ แต่ยังไม่ชัดเจน เพราะยังต้องเรียกมาสอบอีกหลายครั้ง ทั้งที่หากมีพยานหลักฐานชี้เป้าเกิน 40% ก็อาจจะออกหมายจับได้แล้ว

          นอกจากนี้ความยากอีกอย่างหนึ่งคือ ในคดีนี้มีทั้งพระสงฆ์ หมอดู หมอผี ออกมาพูดกันคนละทิศ ทำให้พยานเกิดความไขว้เขว ตลอดจนการนำเสนอข่าวอาจมีส่วนทำลายสมาธิของเจ้าพนักงานและพยาน ตนมองว่าหากครบ 60 วันแล้วยังไม่พบ อยากแนะนำให้สื่อมวลชนหยุดนำเสนอ เพื่อให้ตำรวจมีสมาธิในการทำงาน

คดีน้องชมพู่

          อย่างไรก็ตาม ตนไม่รู้ว่าทางตำรวจมีหลักฐานอะไร ในอีกมุมมองหนึ่งก็อาจเป็นลูกหลอกเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เพื่อทำให้คนร้ายชะล่าใจก็เป็นได้ และเชื่อว่าจะไม่มีการจับแพะเด็ดขาด

          ขณะที่ นายพิเชษฐ์ สุขสบาย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูผายล ได้เปิดเผยกับทีมข่าวเรื่องระยะทางที่แท้จริงจากบ้านของน้องชมพู่ ไปยังจุดพบศพบนภูเหล็กไฟ ซึ่งก่อนหน้านี้มีข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ว่าระยะทาง 5 กิโลเมตร แต่ชาวบ้านมองว่าอาจไม่ถึง ซึ่ง นายพิเชษฐ์ ชี้ว่า จุดพบศพน้องชมพู่ ถ้าวัดพิกัดจากจีพีเอสจากบ้านของน้อง มีระยะทาง 1.2 กิโลเมตร แต่จีพีเอสเป็นการวัดระยะทางแนวราบจากแผนที่ ส่วนภูเหล็กไฟมีลักษณะสูงชันสลับขึ้น-ลง ดังนั้น ระยะทางการเดินเท้าจึงอยู่ที่ประมาณ 2 กิโลเมตร

          โดยลักษณะของภูเหล็กไฟที่ขึ้นไป เป็นภูเขาหินลาดชันที่มีทางราบเป็นจุดพักประมาณ 6 ชั้น จุดที่พบศพน้องชมพู่อยู่ชั้นที่ 4 ซึ่งจากการประเมินสภาพพื้นที่ภูเหล็กไฟ ยืนยันว่าเด็กไม่สามารถเดินขึ้นมาเองได้แน่นอน เพราะแม้แต่ผู้ใหญ่ก็ยังขึ้นลำบาก
ขอบคุณข้อมูลจาก รายการทุบโต๊ะข่าว

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
อัยการชี้ความยากคดีน้องชมพู่ มีแค่ปลายทาง - คนเข้าถึงที่เกิดเหตุ ร่องรอยสำคัญอาจเสียหาย อัปเดตล่าสุด 13 กรกฎาคม 2563 เวลา 11:23:00 19,279 อ่าน
TOP