แพทย์สาวโรงพยาบาลวิภารามฯ ท้อใจ ทุ่มเทรักษาคนไข้จนแทบไม่มีเวลากินข้าว แต่กลับถูกวัยรุ่น แก๊งมหาวงษ์ บุกทำร้ายถึงในโรงพยาบาล เปรยอาจไม่กลับมาทำงานอีก หวั่นไม่ปลอดภัย ล่าสุดตำรวจนำตัวผู้ต้องหาฝากขัง
จากกรณีที่เกิดเหตุการณ์ แก๊งวัยรุ่นบุก 2 โรงพยาบาลในเมืองสมุทรปราการ มีการทำร้ายหมอ บุรุษพยาบาล และบุกไปทำร้ายคู่อริต่อ จนกลายเป็นเรื่องสะเทือนใจที่สังคมรับไม่ได้
อ่านเพิ่มเติม : เผยคำพูดโจ๋พระประแดงสุดเดือด ด่าหมอลั่นก่อนต่อยน่วม ไม่สนแม้เป็นผู้หญิง
ล่าสุดวันที่ 21 กรกฎาคม 2563 One31 รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงใต้ ได้คุมตัวผู้ต้องหาแก๊งมหาวงษ์ รวม 14 คนที่ก่อเหตุยกพวกทำร้ายหมอ และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง ไปฝากขังผลัดแรก ที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการ ส่วนด้านของคู่อริคือ แก๊งซอยโรงเหล็ก มีรายงานว่าขณะนี้มีผู้ต้องหา 1 คนเข้ามอบตัวกับทางตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ แล้ว
โดยนายนทีธร วรวทิน หรือ ตูน อายุ 27 ปี หนึ่งในผู้ต้องหา เปิดเผยเพียงสั้น ๆ ว่า ตนอยากขอโทษทุกคน และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้ตั้งใจ และรู้เท่าไม่ถึงการณ์
นอกจากนี้ทาง พลตำรวจตรี ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้ระบุว่า เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 แก๊ง ที่ก่อเหตุความวุ่นวายได้แล้วทั้งหมด 15 คน เหลืออีก 3 คนที่อยู่ระหว่างการติดตามตัว
ด้านพลอากาศโท นายแพทย์ ชูพันธ์ ชาญสมร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิภาราม-ชัยปราการ เปิดเผยถึงกรณีที่วัยรุ่นแก๊งมหาวงษ์บอกว่า ทางโรงพยาบาลรักษา นายรัชต์พงษ์ วาสนา หรือ คิว อายุ 23 ปี ล่าช้าจนเสียชีวิตว่า ทางโรงพยาบาลมีหลักฐานกล้องวงจรปิดทั้งหมด และสามารถจับเวลาได้อย่างชัดเจน วันที่ผู้ตายเข้ามารักษาที่โรงพยาบาล ไม่มีคนไข้ที่รักษาใช้บริการ 30 บาท และประกันสังคมเลย จึงนับเป็นเคสแรกของทางโรงพยาบาลในวันนั้น ทำให้แพทย์มีความพร้อมเต็มที่ในการรักษาหลังรถฉุกเฉินมาถึง แต่อาการของผู้ป่วยที่มาถึง ไม่สามารถวัดชีพจรได้แล้ว ประกอบกับผู้ตายก็มีอาการเลือดออกในทรวงอก หมอพยายามยื้อชีวิตช่วยแล้ว แต่ก็ไม่สามารถทำได้ และได้ทำการพยายามช่วยปั๊มหัวใจนานถึง 50 นาที ตามที่ญาติร้องขอ โดยใช้เวลาในการรักษาโดยสรุปแล้ว 2.20 ชั่วโมง
ซึ่งขณะนี้ ทางโรงพยาบาลเป็นห่วงเรื่องจิตใจของหมอหญิง วัย 40 ปี ที่ถูกต่อย เพราะหลังเกิดเหตุหมอหญิงรู้สึกขวัญเสีย และบอกตนว่าอาจจะไม่กลับมาทำงานต่อได้อีก เพราะมีความกังวลเรื่องความปลอดภัย ทำให้ทางโรงพยาบาลมีกังวล เนื่องจากหมอหญิงรายดังกล่าว ทำงานมานานกว่า 10 ปี แล้ว และเป็นหมอที่เอาใจใส่คนไข้ โดยในวันเกิดเหตุ คุณหมอก็ทำงานอย่างหนักจนข้าวปลาไม่ได้กิน แต่กลับเจอเรื่องเช่นนี้ รวมถึงทางแม่ของหมอก็รู้สึกสงสาร และเป็นห่วงลูกเพราะมีลูกสาวคนเดียว
ขอบคุณข้อมูลจาก One31
จากกรณีที่เกิดเหตุการณ์ แก๊งวัยรุ่นบุก 2 โรงพยาบาลในเมืองสมุทรปราการ มีการทำร้ายหมอ บุรุษพยาบาล และบุกไปทำร้ายคู่อริต่อ จนกลายเป็นเรื่องสะเทือนใจที่สังคมรับไม่ได้
อ่านเพิ่มเติม : เผยคำพูดโจ๋พระประแดงสุดเดือด ด่าหมอลั่นก่อนต่อยน่วม ไม่สนแม้เป็นผู้หญิง
ล่าสุดวันที่ 21 กรกฎาคม 2563 One31 รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สำโรงใต้ ได้คุมตัวผู้ต้องหาแก๊งมหาวงษ์ รวม 14 คนที่ก่อเหตุยกพวกทำร้ายหมอ และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง ไปฝากขังผลัดแรก ที่ศาลจังหวัดสมุทรปราการ ส่วนด้านของคู่อริคือ แก๊งซอยโรงเหล็ก มีรายงานว่าขณะนี้มีผู้ต้องหา 1 คนเข้ามอบตัวกับทางตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ แล้ว
โดยนายนทีธร วรวทิน หรือ ตูน อายุ 27 ปี หนึ่งในผู้ต้องหา เปิดเผยเพียงสั้น ๆ ว่า ตนอยากขอโทษทุกคน และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้ตั้งใจ และรู้เท่าไม่ถึงการณ์
นอกจากนี้ทาง พลตำรวจตรี ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้ระบุว่า เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 แก๊ง ที่ก่อเหตุความวุ่นวายได้แล้วทั้งหมด 15 คน เหลืออีก 3 คนที่อยู่ระหว่างการติดตามตัว
ด้านพลอากาศโท นายแพทย์ ชูพันธ์ ชาญสมร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิภาราม-ชัยปราการ เปิดเผยถึงกรณีที่วัยรุ่นแก๊งมหาวงษ์บอกว่า ทางโรงพยาบาลรักษา นายรัชต์พงษ์ วาสนา หรือ คิว อายุ 23 ปี ล่าช้าจนเสียชีวิตว่า ทางโรงพยาบาลมีหลักฐานกล้องวงจรปิดทั้งหมด และสามารถจับเวลาได้อย่างชัดเจน วันที่ผู้ตายเข้ามารักษาที่โรงพยาบาล ไม่มีคนไข้ที่รักษาใช้บริการ 30 บาท และประกันสังคมเลย จึงนับเป็นเคสแรกของทางโรงพยาบาลในวันนั้น ทำให้แพทย์มีความพร้อมเต็มที่ในการรักษาหลังรถฉุกเฉินมาถึง แต่อาการของผู้ป่วยที่มาถึง ไม่สามารถวัดชีพจรได้แล้ว ประกอบกับผู้ตายก็มีอาการเลือดออกในทรวงอก หมอพยายามยื้อชีวิตช่วยแล้ว แต่ก็ไม่สามารถทำได้ และได้ทำการพยายามช่วยปั๊มหัวใจนานถึง 50 นาที ตามที่ญาติร้องขอ โดยใช้เวลาในการรักษาโดยสรุปแล้ว 2.20 ชั่วโมง
ซึ่งขณะนี้ ทางโรงพยาบาลเป็นห่วงเรื่องจิตใจของหมอหญิง วัย 40 ปี ที่ถูกต่อย เพราะหลังเกิดเหตุหมอหญิงรู้สึกขวัญเสีย และบอกตนว่าอาจจะไม่กลับมาทำงานต่อได้อีก เพราะมีความกังวลเรื่องความปลอดภัย ทำให้ทางโรงพยาบาลมีกังวล เนื่องจากหมอหญิงรายดังกล่าว ทำงานมานานกว่า 10 ปี แล้ว และเป็นหมอที่เอาใจใส่คนไข้ โดยในวันเกิดเหตุ คุณหมอก็ทำงานอย่างหนักจนข้าวปลาไม่ได้กิน แต่กลับเจอเรื่องเช่นนี้ รวมถึงทางแม่ของหมอก็รู้สึกสงสาร และเป็นห่วงลูกเพราะมีลูกสาวคนเดียว
ขอบคุณข้อมูลจาก One31
