เจอเสื้อส้มปริศนาซ่อนไว้ในป่า พ่อแม่น้องชมพู่ รับ มีเหมือนกัน
แต่คนละยี่ห้อ ก่อนเจอเจ้าของตัวจริง ยันชัด ไม่เกี่ยวคดีน้องชมพู่
แจงสาเหตุที่ถอดทิ้งเพราะเสื้อสกปรก ระคายผิว ตำรวจนำไปตรวจดีเอ็นเอแล้ว
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
คดีน้องชมพู่ ผ่านมามากกว่า 2
เดือนแล้ว แต่ยังจับคนร้ายไม่ได้ โดยในช่วงแรกของเหตุการณ์นั้น
มีพยานให้การว่า มีชายเสื้อส้มอุ้มน้องชมพู่ ปิดบังใบหน้า ซึ่งอาจจะเป็นคนร้าย
ทำให้ตำรวจต่างตามหาคนเสื้อส้มนี้กันทั้งหมู่บ้าน เจอผู้ต้องสงสัยหลายคนแต่ก็หลุดพ้นข้อหาไปได้
ล่าสุด วันที่ 22 กรกฎาคม 2563 รายการทุบโต๊ะข่าว รายงานว่า มีการพบเสื้อส้มในสวนของนายตุง อวนวัง ที่ดินติดกับห้วยบุง ห่างจากบ้านน้องชมพู่ 500 เมตร ถนนทางเข้าต้องผ่านบ่อเลี้ยงหนูที่ดินของแม่น้องชมพู่ที่ตอนนี้ไม่ได้เลี้ยงแล้ว เพียงแต่ปลูกผักหวาน อยู่ใกล้กับสวนยางพาราที่เจอเสื้อ ห่างประมาณ 50 เมตร เสื้อส้มตัวนี้ถูกยัดไว้ใต้ขอนไม้ลักษณะม้วนไว้ ใกล้กันมีเสื้อยืดสีขาวถูกรัดเอาไว้กับกิ่งไม้ที่ติดกับพื้น
ล่าสุด วันที่ 22 กรกฎาคม 2563 รายการทุบโต๊ะข่าว รายงานว่า มีการพบเสื้อส้มในสวนของนายตุง อวนวัง ที่ดินติดกับห้วยบุง ห่างจากบ้านน้องชมพู่ 500 เมตร ถนนทางเข้าต้องผ่านบ่อเลี้ยงหนูที่ดินของแม่น้องชมพู่ที่ตอนนี้ไม่ได้เลี้ยงแล้ว เพียงแต่ปลูกผักหวาน อยู่ใกล้กับสวนยางพาราที่เจอเสื้อ ห่างประมาณ 50 เมตร เสื้อส้มตัวนี้ถูกยัดไว้ใต้ขอนไม้ลักษณะม้วนไว้ ใกล้กันมีเสื้อยืดสีขาวถูกรัดเอาไว้กับกิ่งไม้ที่ติดกับพื้น
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
นางชนาภา เชื้อคมตา เมียของนายนริน หนึ่งในคนที่เจอเสื้อส้ม กล่าวว่า ตนมาเจอเสื้อนี้ที่เป็นเสื้อแจกอุปกรณ์การเกษตร เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เวลาบ่าย 3 เริ่มต้นนั้น มีตน เมียผู้ใหญ่ ป้าเอม แหลม และอีกคนไม่ขอเปิดชื่อ นัดกันไปหาหน่อไม้ทำกับข้าวต้อนรับ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ก่อนพบกับเสื้อที่อยู่ในกอหน่อไม้ ต้องลอดช่องเข้าไม้ไปถึงจะเห็น
อย่างไรก็ตาม ตนไม่ค่อยได้มาที่จุดนี้ หากจะมาก็หาใกล้ ๆ บ้าน จุดพบเสื้อส้มถือเป็นจุดลับตาคน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเสื้อถูกยัดเอาไว้แบบนี้ หากจะมีคนทิ้ง คนทำสวนก็คงทิ้งเลย ไม่จำเป็นต้องยัดไว้แบบนี้ ตนได้นำเรื่องมาปรึกษาผู้ใหญ่บ้านก่อน และแจ้งเจ้าหน้าที่ช่วงเช้า เพราะคิดว่า อาจจะเป็นหลักฐานอะไรได้ แต่ไม่รู้ว่าเสื้อมีอะไรอยู่ใกล้ ๆ ไหม เพราะตอนเจอเสื้อก็ตกใจออกมาเลย ไม่ได้เอาหน่อไม้ที่จุดนั้น และไม่รู้ว่าเสื้อเป็นของใคร
แม่น้องชมพู่
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ส่วนเหตุผลที่เสื้อจะพัดไหลลงมาจากภูเหล็กไฟ ผ่านร่องน้ำจนมาถึงจุดพบเสื้อ ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะฝนยังไม่ตกหนักถึงขนาดน้ำจะไหลหลากสูงถึงระดับพื้นดิน
พ่อน้องชมพู่
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ตอนแรกที่เจอเสื้อส้มซุกไว้ ตนตกใจนึกว่ามีคนนำเสื้อตนไปซุกหรือไม่ แต่พอดูชัด ๆ ก็มีความแตกต่างกัน เสื้อตนซื้อจาก อ.ดงหลวง เสื้อที่ซุกเป็นเสื้อคนละอำเภอ หลังจากนั้นปล่อยให้เป็นกระบวนการของตำรวจต่อไป ส่วนปลอกหมอนสีขาวที่ตั้งใกล้ ๆ ตนไม่มั่นใจว่าจะเกี่ยวข้องหรือไม่ ตำรวจเอาไปตรวจแล้ว
ลุงพล
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ส่วนนายไชย์พล วิภา ลุงของน้องชมพู่ กล่าวว่า เสื้อส้มนั้นเหมือนเสื้อที่แถมมาจากการซื้อรถไถ คนที่จะมีเสื้อนี้ได้ต้องเป็นคนที่มีรถไถเท่านั้น หลังจากนี้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะพิสูจน์ต่อไปว่า เกี่ยวข้องกับคดีน้องชมพู่หรือไม่ ยืนยันตนไม่มีเสื้อแบบนี้ แม้จะพบเสื้อจะห่างจากบ้านตนประมาณ 200 เมตรก็ตาม
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้ตระเวนถามคนที่มีรถไถไปทั่วหมู่บ้านหลายคน กระทั่งเจอกับนายจ่อย เจ้าของรถไถนาคูโบต้า เปิดเผยว่า รถตนนั้นเป็นรถรุ่น L47045SP ซื้อมาจากร้านอาร์เอ็มจี จ.สกลนคร และได้รับเสื้อแจก 1 ตัว พอทีมข่าวนำเสื้อส้มที่พบมาให้ดู นายจ่อยก็ยอมรับว่า เป็นเสื้อของตนจริง
ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ตนมั่นใจว่าตนไม่ได้ก่อเหตุคดีน้องชมพู่ เพราะตนไปจุดนั้นก่อนเกิดเหตุน้องชมพู่หลายเดือน ถ้าหากคนร้ายเอาเสื้อตนไปก่อเหตุ ตนก็ไม่รู้สึกกังวล ตอนที่มีข่าวว่าพบเสื้อส้ม ตนก็คิดอยู่ในใจแล้วว่าเป็นเสื้อตน แต่ก็ไม่ได้บอกใคร ตั้งใจจะบอกตำรวจด้วยตัวเอง แต่เมื่อเสื้อตนถูกเอาไปตรวจ ตนก็กลัวว่าจะเป็นแพะ
เบื้องต้น ตำรวจนำหลักฐานไปตรวจหาดีเอ็นเอแล้วว่ามีของใครติดไปหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อกับเศษผ้าสีขาวที่เป็นปลอกหมอน คาดว่า เสื้อส้มน่าจะถูกซุกซ่อนเกิน 15 วัน และไม่ได้ถูกน้ำพัดมา

ภาพจาก รายการทุบโต๊ะข่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก รายการทุบโต๊ะข่าว







