ศรีสุวรรณ จรรยา ร้องศาลยุติธรรม ระงับการเพิกถอนหมายจับ บอส วรยุทธ อยู่วิทยา เตรียมจี้ ป.ป.ช. ไต่สวนเอาผิดคนที่เกี่ยวข้อง หลังอัยการไม่สั่งฟ้องและตำรวจไม่คัดค้าน เข้าข่ายผิดวินัย-อาญาหรือไม่
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ศรีสุวรรณ จรรยา
วันที่ 25 กรกฎาคม 2563 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาแถลงยืนยันว่า นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทผู้ก่อตั้งเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง หลุดพ้นจากข้อกล่าวหาทั้งหมดในคดีขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตเมื่อปี 2555 หลังจากพนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายแล้วนั้น
ถึงแม้ข้อกล่าวหาต่าง ๆ ของนายวรยุทธ จะหมดอายุความไปเกือบหมดแล้วก็ตาม แต่ทว่าข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มีอายุความถึง 15 ปี โดยจะขาดอายุความในปี 2570 ซึ่งยังมีระยะเวลาอีกหลายปีที่ตำรวจจะต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อนำคนผิดมาลงโทษให้ได้
แม้พนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องในข้อหาดังกล่าวแล้ว แต่มิได้หมายความว่ามูลคดีจะจบลงไปโดยปริยายหาได้ไม่
ทั้งนี้ การเพิกถอนหมายจับ เป็นอำนาจหน้าที่และดุลยพินิจของศาลที่อนุมัติการออกหมายจับดังกล่าว นั่นก็คือ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ได้อนุมัติหมายจับนายวรยุทธใน 2 ข้อหา คือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และข้อหาไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควร ทำให้นายวรยุทธมีสถานะเป็น "ผู้ต้องหาหนีหมายจับของศาล" ด้วย
ภาพจาก ไทยพีบีเอส
คดีดังกล่าวถือได้ว่าเป็นคดีอาญาของแผ่นดิน เกี่ยวข้องกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน การที่อัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องในข้อหาสำคัญดังกล่าว และตำรวจก็มิได้คัดค้านแต่อย่างใด การกระทำดังกล่าวของอัยการและตำรวจเจ้าของคดี จึงอาจเข้าข่ายความผิดทางวินัยและความผิดอาญา ซึ่งสมาคมจะนำความไปร้อง ป.ป.ช. เพื่อให้ไต่สวนและสอบสวนเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในสัปดาห์หน้าต่อไป
แต่สำหรับการอนุมัติการเพิกถอนหมายจับของศาลนั้น เป็นดุลยพินิจของศาลอาญากรุงเทพใต้ ดังนั้น เพื่อความยุติธรรมและเพื่อรักษาบรรทัดฐานทางกฎหมาย สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงใคร่ขอเรียกร้องไปยังศาลยุติธรรมดังกล่าว เพื่อขอให้ระงับการอนุมัติให้อัยการเพิกถอนหมายจับดังกล่าวไว้ จนกว่าคดีนี้จะหมดอายุความในอีก 7 ปีข้างหน้า เพื่อรอเวลาว่า ณ วันหนึ่งภายใต้อายุความ เมื่อนายวรยุทธเดินทางกลับมาภายในประเทศไทย ประชาชนที่พบเห็นสามารถแจ้งตำรวจให้สามารถดำเนินการจับกุมตัว เพื่อนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามครรลองของกฎหมายตามหลักนิติรัฐได้ต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก ศรีสุวรรณ จรรยา