กรมศิลปากรลงพื้นที่ตรวจสอบวัดหมื่นล้าน ปมทาสีแดงทับภาพวาดลายรดน้ำ เตรียมดำเนินการทดสอบน้ำยาลอกสี แก้ไขบานประตูวิหารวัด
![วัดหมื่นล้าน ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่]( "วัดหมื่นล้าน ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่")
![วัดหมื่นล้าน ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่]( "วัดหมื่นล้าน ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่")
จากกรณีที่มีการบูรณะพระวิหารวัดหมื่นล้าน ประตูท่าแพชั้นใน จ.เชียงใหม่ โดยการทาสีแดงทับประตูที่มีภาพวาดลายรดน้ำ ซึ่งเป็นภาพวาดตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 หายวับไปกับตา จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่ายิ่งบูรณะยิ่งพังนั้น
อ่านข่าว : บูรณะวิหารวัดสมัย ร.6 เล่นง่าย ทาสีแดงทับภาพวาดลายรดน้ำ มรดกชาติหายวับ !
ล่าสุด (29 กรกฎาคม 2563) เฟซบุ๊ก สำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่ เปิดเผยว่า สำนักศิลปากรฯ พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญจากกลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบชั้นสีบานประตูวิหารวัดหมื่นล้าน ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งสามารถวิเคราะห์และสรุปได้ ดังนี้
อ่านข่าว : บูรณะวิหารวัดสมัย ร.6 เล่นง่าย ทาสีแดงทับภาพวาดลายรดน้ำ มรดกชาติหายวับ !
ล่าสุด (29 กรกฎาคม 2563) เฟซบุ๊ก สำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่ เปิดเผยว่า สำนักศิลปากรฯ พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญจากกลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบชั้นสีบานประตูวิหารวัดหมื่นล้าน ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งสามารถวิเคราะห์และสรุปได้ ดังนี้
ชั้นของสีที่ทาทับบนบานประตูวิหารวัดหมื่นล้าน มี 3 ชั้น คือ
- ชั้นที่ 1 เรซิน เพื่อปรับผิวให้เรียบมีความหนาบางต่างกัน
- ชั้นที่ 2 สีน้ำมันสีแดง มีลักษณะบาง
- ชั้นที่ 3 สีน้ำมันสีดำ ปิดทับเพื่อรอการเขียนลายรดน้ำใหม่
กระบวนการขัดลอกสีที่ทาทับ ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ ชั้นที่ 1 เพราะเป็นวัสดุที่ไม่มีตัวทำละลาย และหากปล่อยไว้จะทำปฏิกิริยากับอากาศ ทำให้แข็งตัว จับยึดแน่นกับภาพลายรดน้ำเดิม แต่ชั้นเรซินยังไม่เซตตัว มีการทาสีน้ำมันแดงและดำปิดทับ กลายเป็นฟิล์มไม่ให้เรซินถูกอากาศและแข็งตัว จึงพอที่จะลอกสีออกมาได้
เวลาดำเนินการจะต้องประคองการที่จะไม่ให้เรซินแข็งตัวเร็วขึ้น คือต้องค่อย ๆ ลอกสีที่ปิดทับอยู่ทีละส่วน ไม่ลอกออกทีเดียวทั้งหมด ซึ่งตอนนี้กำลังทดสอบน้ำยาเคมีหลาย ๆ ตัว เพื่อเลือกใช้ตัวที่มีประสิทธิภาพและป้องกันรักษาชั้นสีเดิมของลายรดน้ำบนบานประตูวิหารวัดหมื่นล้าน
- ชั้นที่ 2 สีน้ำมันสีแดง มีลักษณะบาง
- ชั้นที่ 3 สีน้ำมันสีดำ ปิดทับเพื่อรอการเขียนลายรดน้ำใหม่
กระบวนการขัดลอกสีที่ทาทับ ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ ชั้นที่ 1 เพราะเป็นวัสดุที่ไม่มีตัวทำละลาย และหากปล่อยไว้จะทำปฏิกิริยากับอากาศ ทำให้แข็งตัว จับยึดแน่นกับภาพลายรดน้ำเดิม แต่ชั้นเรซินยังไม่เซตตัว มีการทาสีน้ำมันแดงและดำปิดทับ กลายเป็นฟิล์มไม่ให้เรซินถูกอากาศและแข็งตัว จึงพอที่จะลอกสีออกมาได้
เวลาดำเนินการจะต้องประคองการที่จะไม่ให้เรซินแข็งตัวเร็วขึ้น คือต้องค่อย ๆ ลอกสีที่ปิดทับอยู่ทีละส่วน ไม่ลอกออกทีเดียวทั้งหมด ซึ่งตอนนี้กำลังทดสอบน้ำยาเคมีหลาย ๆ ตัว เพื่อเลือกใช้ตัวที่มีประสิทธิภาพและป้องกันรักษาชั้นสีเดิมของลายรดน้ำบนบานประตูวิหารวัดหมื่นล้าน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก คำโขก คำปรุง
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก สำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่
