อาจารย์วาสนา วงศ์สุรวัฒน์ เผย อย่าเทียบม็อบนักศึกษา กับ ยุวชนเรดการ์ด ที่ออกมาต่อต้านความเชื่อเดิม ๆ จนนองเลือดที่จีน ชี้ปัจจัยต่างกันคนละขั้ว วัยรุ่นยุคใหม่เข้าถึงข้อมูลได้มาก ยากจะถูกล้างสมอง
จากกรณีที่มีนักวิชาการรายหนึ่ง ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า
โมเดลการเมืองที่เข้ามาปั่นให้คนเกลียดชัง ดูถูก เหยียดหยาม
ปลุกปั่นให้มวลชนคิดว่าตัวเองเป็นคนหัวก้าวหน้ากว่าคนอื่นในประเทศ
แล้วคิดว่าประเทศไม่ก้าวหน้าเพราะมีพวกคนแก่ฉุดรั้ง ต้องจัดการทิ้งให้หมด
มีการปั่นให้เด็กวัยรุ่นเกลียดชังผู้ใหญ่ ครูบาอาจารย์
เพราะมองว่าเป็นคนจากโลกเก่า เป็นโมเดลที่จีนใช้ในช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรม
ซึ่งพอผ่านพ้นไปก็ตาสว่าง วัยรุ่นในยุคนั้นต่างพยายามลืม ๆ
ไม่พูดถึงความผิดพลาดที่เคยตกหลุมพรางแกนนำในช่วงนั้น
พร้อมกันนั้นยังชี้ว่า การเคลื่อนไหวของเยาวชนจีน ในช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรม เป็นสิ่งที่รัฐปลุกปั่นขึ้นมาอย่างเป็นระบบ ล่วงหน้ายาวนานมาเป็นปี เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้สถาบันการศึกษา มีกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่รัฐเป็นสปอนเซอร์ต่อเนื่องมาโดยตลอด
ถ้าจะเทียบกับของไทยนั้น มันต้องออกมาในม็อบค่านิยม 12 ประการ ซึ่งไม่มี เพราะเด็กรุ่นใหม่เข้าถึงข้อมูลข่าวสารทางอินเทอร์เน็ตได้กว้างขวางกว่ายุคสงครามเย็น เลยถูกล้างสมองได้ยาก
นอกจากนี้ต้องยอมรับว่า หน่วยโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลไทยคุณภาพต่ำลงมาก เมื่อเทียบกับนักโฆษณาชวนเชื่อรุ่นก่อน ๆ อย่าง ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช หรือ ทมยันตี

กลุ่มยุวชนเรดการ์ดเติบโตอย่างรวดเร็วจนเกินความควบคุม จนกลายมาเป็นความขัดแย้งระหว่างกลุ่มยุวชนกับเจ้าหน้าที่ และคุกคามความปลอดภัยของประชาชน จนกระทั่งรัฐบาลต้องเข้ามาควบคุม และเนื่องจากความขัดแย้งกันเอง ทำให้สุดท้ายแล้ว ทางกลุ่มก็ต้องสลายไป








