ญาติของสาวดูดไขมันเสริมหน้าอก ติดเชื้อในกระแสเลือด ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต เผย คลินิกเสนอเงินเยียวยา 2 ล้าน - ตรวจสอบพบหมอ - คลินิก ไม่มีใบอนุญาต
จากกรณีที่ นายพลชนะ จันทร์เกษม ออกมาระบุว่าภรรยาของตนทำศัลยกรรมดูดไขมันขาและแขน เพื่อนำไขมันมาเติมหน้าอก แต่สุดท้ายกลับติดเชื้อในกระแสเลือด เสียชีวิต ต่อมาตัวแทนของคลินิกดังกล่าวได้เดินทางมาร่วมงานศพ และมอบพวงหรีดให้กับญาติ พร้อมกับพูดคุยเรื่องเงินเยียวยา ด้านกระทรวงสาธารณสุขได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปดำเนินการตรวจสอบคลินิกดังกล่าวเพิ่มเติม
อ่านข่าว : สามีสาวดูดไขมัน ติดเชื้อในกระแสเลือดดับ เผยคลินิกส่งตัวแทนเจรจา - สธ. สั่งสอบ
ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 31 สิงหาคม 2563 ไทยพีบีเอส รายงานว่า ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
(สบส.)
และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เดินทางเข้าตรวจสอบภายในคลินิกดังกล่าวเป็นเวลากว่า
1 ชั่วโมง
โดย ทันตแพทย์อาคม เผยว่า คลินิกจดทะเบียนถูกต้อง เครื่องมือได้มาตรฐาน แต่ไม่ได้แจ้งจดทะเบียนขออนุญาตโฆษณาบริการดูดไขมัน ซึ่งมีโทษปรับ 20,000 บาท และจำคุกไม่เกิน 3 ปี ส่วนแพทย์ที่รักษาผู้เสียชีวิต พบว่าเป็นแพทย์จริง แต่ไม่มีใบ สพ.6 หรือใบอนุญาตปฏิบัติงานในสถานพยาบาลดังกล่าว
ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตของผู้ตายนั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเกิดจากความผิดพลาดระหว่างการให้บริการหรือไม่ เพราะการดูดไขมันมีความเสี่ยง 2 กรณี ดังนี้
- เครื่องมืออุปกรณ์ห้องผ่าตัดไม่มีมาตรฐานก่อให้เกิดการติดเชื้อ
- ความผิดพลาดในระหว่างการรับบริการ ทำให้เกิดภาวะไขมันเข้าไปอุดตันในเส้นเลือด
โดยญาติผู้เสียชีวิตได้ขอให้ชันสูตรพลิกศพซ้ำอีกครั้ง คาดว่าจะทราบผลภายใน 3 วัน เบื้องต้น คลินิกดังกล่าวยังสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติในส่วนบริการเวชกรรมรักษาโรคทั่วไปและบริการอื่น ๆ ที่มีการแจ้งขออนุญาตไว้ ขณะที่คลินิกได้แจ้งปิดบริการชั่วคราว 26-31 สิงหาคม 2563
ด้าน นายพลชนะ ระบุว่า ตนเองยังติดใจขั้นตอนการศัลยกรรมเพราะไม่เคยได้พบแพทย์ โดยเฉพาะหลังมีอาการผิดปกติแล้วกลับเข้าไปที่คลินิกก็ไม่มีแพทย์ศัลยกรรมมาให้คำปรึกษา มีแต่เจ้าหน้าที่ของคลินิกที่มาฉีดยาแก้ปวดและให้น้ำเกลือ ทางครอบครัวจึงตั้งข้อสังเกตว่าการให้ยาแก้ปวดต้องผ่านการตรวจรักษา หรือพิจารณาอาการของผู้ป่วยก่อนหรือไม่ รวมถึงการย้ายโรงพยาบาลตามสิทธิ์ประกันสังคม ซึ่งมีเจ้าหน้าที่สมอ้างเป็นพี่สาว ทั้งที่พี่สาวนั่งรออยู่นอกห้องรักษา แต่กลับไม่ได้รับทราบก่อนมีการย้ายโรงพยาบาล
กระทั่งเสียชีวิต ส่งศพชันสูตรที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งแพทย์นิติเวชระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่ามาจากการติดเชื้อในกระแสเลือด แต่ไม่ได้ระบุว่าเกิดการติดเชื้อได้อย่างไร แต่เมื่อครอบครัวตัดสินใจดำเนินคดีกับคลินิก จึงนำศพผู้เสียชีวิตผ่าชันสูตรโดยละเอียดอีกครั้งที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ
นายพลชนะ เผยอีกว่า หลังจากแจ้งความแล้วก็มีคนอ้างว่าเป็นเจ้าของคลินิกโทร. มาหาและเสนอเงิน 2 ล้าน รวมถึงค่ารักษา และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แต่ทางครอบครัวยังไม่ขอรับ และไม่มั่นใจว่าคนดังกล่าวเป็นเจ้าของคลินิกจริงหรือไม่
ทั้งนี้ ครอบครัวตัดสินใจฝากศพไว้ที่โรงพยาบาลตำรวจ จนกว่าจะได้รับผลการผ่าชันสูตร เพื่อป้องกันความผิดพลาดทางคดี โดยแพทย์แจ้งว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 45 วันในการออกผลการผ่าชันสูตรพลิกศพ
จากกรณีที่ นายพลชนะ จันทร์เกษม ออกมาระบุว่าภรรยาของตนทำศัลยกรรมดูดไขมันขาและแขน เพื่อนำไขมันมาเติมหน้าอก แต่สุดท้ายกลับติดเชื้อในกระแสเลือด เสียชีวิต ต่อมาตัวแทนของคลินิกดังกล่าวได้เดินทางมาร่วมงานศพ และมอบพวงหรีดให้กับญาติ พร้อมกับพูดคุยเรื่องเงินเยียวยา ด้านกระทรวงสาธารณสุขได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปดำเนินการตรวจสอบคลินิกดังกล่าวเพิ่มเติม
อ่านข่าว : สามีสาวดูดไขมัน ติดเชื้อในกระแสเลือดดับ เผยคลินิกส่งตัวแทนเจรจา - สธ. สั่งสอบ
โดย ทันตแพทย์อาคม เผยว่า คลินิกจดทะเบียนถูกต้อง เครื่องมือได้มาตรฐาน แต่ไม่ได้แจ้งจดทะเบียนขออนุญาตโฆษณาบริการดูดไขมัน ซึ่งมีโทษปรับ 20,000 บาท และจำคุกไม่เกิน 3 ปี ส่วนแพทย์ที่รักษาผู้เสียชีวิต พบว่าเป็นแพทย์จริง แต่ไม่มีใบ สพ.6 หรือใบอนุญาตปฏิบัติงานในสถานพยาบาลดังกล่าว
ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตของผู้ตายนั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเกิดจากความผิดพลาดระหว่างการให้บริการหรือไม่ เพราะการดูดไขมันมีความเสี่ยง 2 กรณี ดังนี้
- เครื่องมืออุปกรณ์ห้องผ่าตัดไม่มีมาตรฐานก่อให้เกิดการติดเชื้อ
- ความผิดพลาดในระหว่างการรับบริการ ทำให้เกิดภาวะไขมันเข้าไปอุดตันในเส้นเลือด
โดยญาติผู้เสียชีวิตได้ขอให้ชันสูตรพลิกศพซ้ำอีกครั้ง คาดว่าจะทราบผลภายใน 3 วัน เบื้องต้น คลินิกดังกล่าวยังสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติในส่วนบริการเวชกรรมรักษาโรคทั่วไปและบริการอื่น ๆ ที่มีการแจ้งขออนุญาตไว้ ขณะที่คลินิกได้แจ้งปิดบริการชั่วคราว 26-31 สิงหาคม 2563
ด้าน นายพลชนะ ระบุว่า ตนเองยังติดใจขั้นตอนการศัลยกรรมเพราะไม่เคยได้พบแพทย์ โดยเฉพาะหลังมีอาการผิดปกติแล้วกลับเข้าไปที่คลินิกก็ไม่มีแพทย์ศัลยกรรมมาให้คำปรึกษา มีแต่เจ้าหน้าที่ของคลินิกที่มาฉีดยาแก้ปวดและให้น้ำเกลือ ทางครอบครัวจึงตั้งข้อสังเกตว่าการให้ยาแก้ปวดต้องผ่านการตรวจรักษา หรือพิจารณาอาการของผู้ป่วยก่อนหรือไม่ รวมถึงการย้ายโรงพยาบาลตามสิทธิ์ประกันสังคม ซึ่งมีเจ้าหน้าที่สมอ้างเป็นพี่สาว ทั้งที่พี่สาวนั่งรออยู่นอกห้องรักษา แต่กลับไม่ได้รับทราบก่อนมีการย้ายโรงพยาบาล
กระทั่งเสียชีวิต ส่งศพชันสูตรที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งแพทย์นิติเวชระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่ามาจากการติดเชื้อในกระแสเลือด แต่ไม่ได้ระบุว่าเกิดการติดเชื้อได้อย่างไร แต่เมื่อครอบครัวตัดสินใจดำเนินคดีกับคลินิก จึงนำศพผู้เสียชีวิตผ่าชันสูตรโดยละเอียดอีกครั้งที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ
นายพลชนะ เผยอีกว่า หลังจากแจ้งความแล้วก็มีคนอ้างว่าเป็นเจ้าของคลินิกโทร. มาหาและเสนอเงิน 2 ล้าน รวมถึงค่ารักษา และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แต่ทางครอบครัวยังไม่ขอรับ และไม่มั่นใจว่าคนดังกล่าวเป็นเจ้าของคลินิกจริงหรือไม่
ทั้งนี้ ครอบครัวตัดสินใจฝากศพไว้ที่โรงพยาบาลตำรวจ จนกว่าจะได้รับผลการผ่าชันสูตร เพื่อป้องกันความผิดพลาดทางคดี โดยแพทย์แจ้งว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 45 วันในการออกผลการผ่าชันสูตรพลิกศพ
