หัวหน้าช่างภาพสถานีโทรทัศน์ ระบายถึงข่าวลุงพล ที่สังคมด่านั้นถูกทั้งหมด สื่อใช้เรตติ้งเป็นข้ออ้าง ขอโทษกับสิ่งนี้ ทนไม่ไหว ขอตัดสินใจเดินออกมา
ภาพจาก สปริงนิวส์
จากกระแสของ ลุงพล ไชย์พล วิภา แห่งบ้านกกกอก สืบเนื่องจากการเป็นผู้ต้องสงสัยในคดี น้องชมพู่ จนได้รับความเห็นใจ ก่อนจะกลายเป็นคนดังมีผลงานร้องเพลงและเดินแบบ รวมถึงได้รับการติดต่อเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้า ทำให้คนจำนวนไม่น้อยตั้งข้อสงสัยถึงความเหมาะสมจากสื่อบางช่อง ที่ยังคงเสนอข่าวอย่างต่อเนื่องจนเรื่องนี้มาไกลเกินไปหรือไม่ นำมาซึ่งแฮชแท็ก #แบนลุงพล ในทวิตเตอร์ ซึ่งหลายเสียงมองว่า ความโด่งดังนั้นไม่ควรมาจากความตายของเด็ก และควรจะใส่ใจไปที่การตามหาคนร้าย มากกว่ามาตามติดชีวิตของบางคนหรือไม่
ภาพจาก JINTARA CHANNEL OFFICIAL
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 9 กันยายน 2563 เฟซบุ๊กส่วนตัวของหัวหน้าช่างภาพสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง ได้โพสต์ข้อความระบายความในใจ เกี่ยวกับการทำข่าว ลุงพล ซึ่งกำลังถูกสังคมวิจารณ์จำนวนมาก ยอมรับว่า เป็นอีกหนึ่งคนที่ทนไม่ไหวกับเรื่องนี้ จนสุดท้ายจึงตัดสินใจเดินออกมา โดยมีใจความดังนี้
หัวหน้าช่างภาพท่านนี้เผยว่า ตนทำงานที่นี่มา 6 ปี แต่ไม่สามารถทนกับการเสนอข่าวลุงพลได้ ตนจึงขอเดินออกมา ตนยอมรับว่า ตนเป็นคนหนึ่งที่มีส่วนทำให้คดีน้องชมพู่ กลายเป็นเรียลลิตี้ ลุงพล-ป้าแต๋น เป็นเรียลลิตี้ความแตกแยกของครอบครัวครอบครัวหนึ่ง มุ่งเล่นไปที่เรื่องไสยศาสตร์และการมอมเมา จนถูกมองว่าหน้าไม่อาย ขายข่าวรายวัน ไม่สนผิดถูก ซึ่งก็ถูกทั้งหมด
เรายอมรับว่า เราได้นำเสนอเรื่องราวจนห่างไกลจากสิ่งที่ควรจะเป็นอย่างกู่ไม่กลับ เราหาประโยชน์ และมีการปล่อยให้คนที่ต้องการผลประโยชน์จากเรื่องนี้เข้ามารุมทึ้งสร้างกระแส เรียกยอดไลก์ ยอดแชร์ ยอดวิว สิ่งที่ทำล้วนแล้วแต่เป็นผลประโยชน์นั้น กระหายเรตติ้ง จนเรตติ้งกลายเป็นทุกอย่างที่ต้องทำ
ตนรู้เรื่องราวทุกอย่างที่ถูกปั้นแต่งและนำเสนอมาโดยตลอด จนเกิดคำถามว่า ตอนนี้เรากำลังทำอะไรกันอยู่ ตนคือหนึ่งในฟันเฟืองที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น และขอยอมแพ้กับความบิดเบี้ยวของระบบ ที่ตนไม่สามารถท้วงติงให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้
ผมขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด และหวังว่าเมื่อเหตุการณ์จบลง ทั้งเราและคนดูบางกลุ่มน่าจะได้บทเรียนจากเรื่องนี้บ้าง และขออย่าเหมารวมว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือภาพทั้งหมดของ "สื่อมวลชน" ผมยืนยันว่าในสภาวะที่มีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องเผชิญ
วันนี้ยังคงมีเพื่อนสื่อมวลชน ที่พยายามทำหน้าที่ของตัวเอง ทำหน้าที่ของสื่ออย่างที่ควรจะเป็นให้ได้ดีที่สุด ผมขอบคุณและขอให้กำลังใจเพื่อนสื่อมวลชนที่ยังยืนหยัดทำหน้าที่อย่างถูกต้องต่อไป
หลังการประชุมที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เรายอมรับว่า เราได้นำเสนอเรื่องราวจนห่างไกลจากสิ่งที่ควรจะเป็นอย่างกู่ไม่กลับ เราหาประโยชน์ และมีการปล่อยให้คนที่ต้องการผลประโยชน์จากเรื่องนี้เข้ามารุมทึ้งสร้างกระแส เรียกยอดไลก์ ยอดแชร์ ยอดวิว สิ่งที่ทำล้วนแล้วแต่เป็นผลประโยชน์นั้น กระหายเรตติ้ง จนเรตติ้งกลายเป็นทุกอย่างที่ต้องทำ
ตนรู้เรื่องราวทุกอย่างที่ถูกปั้นแต่งและนำเสนอมาโดยตลอด จนเกิดคำถามว่า ตอนนี้เรากำลังทำอะไรกันอยู่ ตนคือหนึ่งในฟันเฟืองที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น และขอยอมแพ้กับความบิดเบี้ยวของระบบ ที่ตนไม่สามารถท้วงติงให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้
ผมขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด และหวังว่าเมื่อเหตุการณ์จบลง ทั้งเราและคนดูบางกลุ่มน่าจะได้บทเรียนจากเรื่องนี้บ้าง และขออย่าเหมารวมว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือภาพทั้งหมดของ "สื่อมวลชน" ผมยืนยันว่าในสภาวะที่มีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องเผชิญ
วันนี้ยังคงมีเพื่อนสื่อมวลชน ที่พยายามทำหน้าที่ของตัวเอง ทำหน้าที่ของสื่ออย่างที่ควรจะเป็นให้ได้ดีที่สุด ผมขอบคุณและขอให้กำลังใจเพื่อนสื่อมวลชนที่ยังยืนหยัดทำหน้าที่อย่างถูกต้องต่อไป
หลังการประชุมที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง