ศาลอาญาฯ สั่งจำคุก ศุภฤกษ์ อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา 5 ปี ไม่รอลงอาญา ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ทุจริตลดค่าปรับบริษัทคู่สัญญา กรณีจัดซื้อคอมพิวเตอร์ไม่ตรงสเปก จาก 300 ล้าน เหลือเพียง 4 ล้าน
วันที่ 30 กันยายน 2563 เดลินิวส์ รายงานว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนนครไชยศรี ได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายศุภฤกษ์ ตันศรีรัตนวงศ์ อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
โดยคดีดังกล่าวสืบเนื่องจากกรณีที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดไปยังเจ้าหน้าที่กรมอุตุนิยมวิทยา กรณีร่วมกันตรวจรับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ไม่ตรงตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้ในสัญญา ทำให้ทางกรมอุตุนิยมวิทยา ยื่นฟ้องบริษัท เทคโนโลยี โอเปอร์เรชั่น กรุ๊ป จำกัด ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2546 ฐานผิดสัญญา และเรียกค่าปรับเป็นเงิน 242,519,845 บาท 20 สตางค์ พร้อมดอกเบี้ย 70,064,979 บาท 44 สตางค์ รวมทั้งสิ้น 312,584,825 บาท
แต่ในระหว่างการพิจารณาของศาล จำเลยกลับมอบหมายให้นายเฉลิมชัย เอกก้านตรง อดีตรองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความตกลงให้บริษัท เทคโนโลยี โอเปอร์เรชั่น กรุ๊ป จำกัด ทำการชำระเบี้ยปรับเป็นเงินเพียง 4,327,045 บาท 20 สตางค์ เท่านั้น ซึ่งเป็นการกระทำที่ส่งผลให้ราชการเสียหาย
ซึ่งหลังจากทาง ป.ป.ช. ไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วพบว่าการกระทำดังกล่าวมีเจตนาเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท เทคโนโลยี โอเปอร์เรชั่น กรุ๊ป จำกัด เป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย สำหรับตนเองหรือผู้อื่น ทำให้กรมอุตุนิยมวิทยาได้รับความเสียหาย และการกระทำของจำเลยมิใช่เป็นเพียงการละเว้นไม่ปฏิบัติตามระเบียบเท่านั้น แต่ย่อมเล็งเห็นได้ว่า การที่จำเลยลดค่าปรับเป็นจำนวนมากเกินกว่าระเบียบและกฎหมายให้อำนาจไว้ ย่อมไม่อาจกระทำได้
ทาง ป.ป.ช. จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า การกระทำของจำเลย มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายต่อกรมอุตุฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เหตุเกิดที่แขวงบางนา เขตพระโขนง และแขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
ทั้งนี้ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า แม้ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับผลประโยชน์ใดก็ตาม แต่พฤติการณ์ที่จำเลยใช้ดุลพินิจปรับลดค่าปรับให้แก่บริษัท เทคโนโลยี โอเปอร์เรชั่น กรุ๊ป จำกัด จากค่าปรับรวมกว่า 312,584,825 บาท เหลือเพียง 4,327,045.20 บาท ไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งกรมอุตุนิยมวิทยา ตกลงคืนหนังสือค้ำประกันให้แก่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นพฤติการณ์ที่บ่งชี้ชัดเจนว่า จำเลยมีเจตนาเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัท เทคโนโลยี โอเปอร์เรชั่น กรุ๊ป จำกัด และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) การกระทำของจำเลยจึงเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ตามที่โจทก์ฟ้อง
ศาลจึงพิพากษาให้จำเลยมีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดิม) วางโทษจำคุก 5 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยก่อให้เกิดความเสียหายแก่กรมอุตุนิยมวิทยาเป็นเงินจำนวนมาก กรณีเป็นเรื่องร้ายแรง ไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลาต่อมา นายศุภฤกษ์ อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ได้มีการยื่นเรื่องขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ประกันตัวได้ พร้อมตีราคาหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 300,000 บาท
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์
วันที่ 30 กันยายน 2563 เดลินิวส์ รายงานว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนนครไชยศรี ได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายศุภฤกษ์ ตันศรีรัตนวงศ์ อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
โดยคดีดังกล่าวสืบเนื่องจากกรณีที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดไปยังเจ้าหน้าที่กรมอุตุนิยมวิทยา กรณีร่วมกันตรวจรับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ไม่ตรงตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้ในสัญญา ทำให้ทางกรมอุตุนิยมวิทยา ยื่นฟ้องบริษัท เทคโนโลยี โอเปอร์เรชั่น กรุ๊ป จำกัด ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2546 ฐานผิดสัญญา และเรียกค่าปรับเป็นเงิน 242,519,845 บาท 20 สตางค์ พร้อมดอกเบี้ย 70,064,979 บาท 44 สตางค์ รวมทั้งสิ้น 312,584,825 บาท
แต่ในระหว่างการพิจารณาของศาล จำเลยกลับมอบหมายให้นายเฉลิมชัย เอกก้านตรง อดีตรองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความตกลงให้บริษัท เทคโนโลยี โอเปอร์เรชั่น กรุ๊ป จำกัด ทำการชำระเบี้ยปรับเป็นเงินเพียง 4,327,045 บาท 20 สตางค์ เท่านั้น ซึ่งเป็นการกระทำที่ส่งผลให้ราชการเสียหาย
ซึ่งหลังจากทาง ป.ป.ช. ไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วพบว่าการกระทำดังกล่าวมีเจตนาเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท เทคโนโลยี โอเปอร์เรชั่น กรุ๊ป จำกัด เป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย สำหรับตนเองหรือผู้อื่น ทำให้กรมอุตุนิยมวิทยาได้รับความเสียหาย และการกระทำของจำเลยมิใช่เป็นเพียงการละเว้นไม่ปฏิบัติตามระเบียบเท่านั้น แต่ย่อมเล็งเห็นได้ว่า การที่จำเลยลดค่าปรับเป็นจำนวนมากเกินกว่าระเบียบและกฎหมายให้อำนาจไว้ ย่อมไม่อาจกระทำได้
ทาง ป.ป.ช. จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า การกระทำของจำเลย มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายต่อกรมอุตุฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เหตุเกิดที่แขวงบางนา เขตพระโขนง และแขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
ทั้งนี้ ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า แม้ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับผลประโยชน์ใดก็ตาม แต่พฤติการณ์ที่จำเลยใช้ดุลพินิจปรับลดค่าปรับให้แก่บริษัท เทคโนโลยี โอเปอร์เรชั่น กรุ๊ป จำกัด จากค่าปรับรวมกว่า 312,584,825 บาท เหลือเพียง 4,327,045.20 บาท ไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งกรมอุตุนิยมวิทยา ตกลงคืนหนังสือค้ำประกันให้แก่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นพฤติการณ์ที่บ่งชี้ชัดเจนว่า จำเลยมีเจตนาเอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัท เทคโนโลยี โอเปอร์เรชั่น กรุ๊ป จำกัด และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) การกระทำของจำเลยจึงเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ตามที่โจทก์ฟ้อง
ศาลจึงพิพากษาให้จำเลยมีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดิม) วางโทษจำคุก 5 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยก่อให้เกิดความเสียหายแก่กรมอุตุนิยมวิทยาเป็นเงินจำนวนมาก กรณีเป็นเรื่องร้ายแรง ไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลาต่อมา นายศุภฤกษ์ อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ได้มีการยื่นเรื่องขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ประกันตัวได้ พร้อมตีราคาหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 300,000 บาท
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์








