ทนายเดชา รับทำคดี พี่เลี้ยงจุ๋ม ฟ้องผู้ปกครอง - โรงเรียนสารสาสน์ งานนี้ ทนายตั้ม เผยมีตัวแทนมาหา ชี้ราดน้ำมันลงกองเพลิง ด้าน อัจฉริยะ เตือนเพื่อน อย่าเห็นแก่เงิน
ภายหลังจากที่ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ไลฟ์ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก ทนายคลายทุกข์ กรณีรับเป็นทนายความให้ครูจุ๋ม จนเกิดเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในสังคมขณะนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้มีการโพสต์ชี้แจงเบื้องต้นว่า "กราบเรียน FC ทนายคลายทุกข์ ผม ประกอบวิชาชีพทนายความ มา 35 ปี ไม่เคยทำผิดกฎหมายหรือศีลธรรม ขอให้มั่นใจได้ ขอบคุณครับ"
อ่านข่าว : ทนายเดชา ไม่ง้อแฟนคลับเลิกติดตาม ปมว่าความให้ครูจุ๋ม ลั่นผู้ปกครองบางคนก็เกินไป !
วันที่ 5 ตุลาคม 2563 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้โพสต์เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า "ทุกวันนี้ผมได้รับข้อเสนอที่น่าสนใจเยอะมากนะครับ แต่หลายครั้งผมตัดสินใจปฏิเสธทั้งที่ถ้าเลือกงานนี้ผลตอบแทนก็เป็นเงินมากโข แต่ด้วยถ้าทำแล้วไม่สบายใจ ขอไม่ทำดีกว่า แน่นอนครับ ทนายเลือกงานได้ ทั้งเป็นทนายโจทก์และทนายจำเลย คดีแบบเด็กอนุบาลถูกทารุณกรรม ผมขอผ่าน ได้กี่บาทก็ขอไม่รับ แต่ขอเสนอแนะในฐานะที่เป็นทนายให้ลูกเพจอ่านดูแล้วกันนะครับว่าถ้าผมเป็นทนายคดีครูจุ๋ม ผมจะทำแบบนี้
1. ออกแถลงขอโทษผู้ปกครองและสังคม โดยปราศจากข้อแก้ตัว รวมถึงเลิกโทษคนอื่น เก็บความเฟียร์ซความกร้าวใส่ลิ้นชักชั้นลึกที่สุด ผลร้ายมีมากกว่าผลเสียถ้าใช้อารมณ์
2. หาทางเยียวยาตามกฎหมาย ไม่ปกป้องคนกระทำผิด ปฏิรูปโรงเรียน เสนอมาตรการที่จะมีในอนาคต เพื่อยืนยันว่าเด็กนักเรียนจะมีสวัสดิภาพที่ดี ไม่ถูกทำร้ายแบบที่ผ่านมา
3. ไม่แจ้งความผู้ปกครอง ควรเข้าใจว่าเป็นลูกใคร ใครก็โกรธ แน่นอนว่าการทำร้ายร่างกายกันในที่สาธารณะ มันผิดกฎหมาย แต่อย่าลืมว่าฝั่งโรงเรียนเป็นฝ่ายผิด แต่หาทางเจรจา ให้ครูนำดอกไม้ ของขวัญไปขอขมาผู้ปกครองรายคนโดยนอบน้อมที่สุด เขาจะรับหรือปฏิเสธไม่ใช่สาระที่สำคัญ แต่ผิดแล้วต้องรับผิดและแก้ไขไม่ใช่แก้ตัว
4. ให้ลูกความสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เพื่อลดโทษ และเป็นการสำนึกผิด หลักฐานมันชัดเจนขนาดนี้ ไม่มีประโยชน์ที่จะแถ เสียทั้งภาพลักษณ์โรงเรียน และไม่แฟร์กับเด็กและผู้ปกครอง
สำหรับผมการพาลูกความไปแจ้งความ เหมือนราดน้ำมันลงกองไฟ ทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้น เสียชื่อโรงเรียนไม่พอ จากฝ่ายโจทก์อาจจะเห็นความสำนึกผิด จะยิ่งโกรธแค้น และทำให้คดีอื่น ๆ อีกเป็นพรวนเสียไปหมด ทนายมืออาชีพที่ว่าความที่ศาลจริง ไม่ใช่ศาลโซเชียล เขาไม่ทำกันหรอกครับ"
ขณะที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้โพสต์ถึงเรื่องนี้ว่า "#ดังได้ก็ดับได้ 35 ปี ไม่มีความหมาย หากไปฟ้องผู้ปกครอง ชมรมไม่เห็นด้วย อย่าเห็นแก่เงินจนลืมคุณธรรม ถึงจะเป็นเพื่อนกันก็เตือนด้วยความหวังดี โรงเรียนค่าเทอมแพง จ้างครูไม่มีคุณภาพทำร้ายเด็ก แทนที่จะสำนึกแสดงความรับผิดชอบ บัดซบจริง ๆ"
![ทนายเดชา รับคดี พี่เลี้ยงจุ๋ม ทนายเดชา รับคดี พี่เลี้ยงจุ๋ม]()
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ
![ทนายเดชา รับคดี พี่เลี้ยงจุ๋ม ทนายเดชา รับคดี พี่เลี้ยงจุ๋ม]()
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ
![ทนายเดชา รับคดี พี่เลี้ยงจุ๋ม ทนายเดชา รับคดี พี่เลี้ยงจุ๋ม]()
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ทนายคลายทุกข์
![ทนายเดชา รับคดี พี่เลี้ยงจุ๋ม ทนายเดชา รับคดี พี่เลี้ยงจุ๋ม]()
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม
ภายหลังจากที่ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ไลฟ์ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ก ทนายคลายทุกข์ กรณีรับเป็นทนายความให้ครูจุ๋ม จนเกิดเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในสังคมขณะนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวได้มีการโพสต์ชี้แจงเบื้องต้นว่า "กราบเรียน FC ทนายคลายทุกข์ ผม ประกอบวิชาชีพทนายความ มา 35 ปี ไม่เคยทำผิดกฎหมายหรือศีลธรรม ขอให้มั่นใจได้ ขอบคุณครับ"
อ่านข่าว : ทนายเดชา ไม่ง้อแฟนคลับเลิกติดตาม ปมว่าความให้ครูจุ๋ม ลั่นผู้ปกครองบางคนก็เกินไป !
วันที่ 5 ตุลาคม 2563 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ได้โพสต์เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า "ทุกวันนี้ผมได้รับข้อเสนอที่น่าสนใจเยอะมากนะครับ แต่หลายครั้งผมตัดสินใจปฏิเสธทั้งที่ถ้าเลือกงานนี้ผลตอบแทนก็เป็นเงินมากโข แต่ด้วยถ้าทำแล้วไม่สบายใจ ขอไม่ทำดีกว่า แน่นอนครับ ทนายเลือกงานได้ ทั้งเป็นทนายโจทก์และทนายจำเลย คดีแบบเด็กอนุบาลถูกทารุณกรรม ผมขอผ่าน ได้กี่บาทก็ขอไม่รับ แต่ขอเสนอแนะในฐานะที่เป็นทนายให้ลูกเพจอ่านดูแล้วกันนะครับว่าถ้าผมเป็นทนายคดีครูจุ๋ม ผมจะทำแบบนี้
1. ออกแถลงขอโทษผู้ปกครองและสังคม โดยปราศจากข้อแก้ตัว รวมถึงเลิกโทษคนอื่น เก็บความเฟียร์ซความกร้าวใส่ลิ้นชักชั้นลึกที่สุด ผลร้ายมีมากกว่าผลเสียถ้าใช้อารมณ์
2. หาทางเยียวยาตามกฎหมาย ไม่ปกป้องคนกระทำผิด ปฏิรูปโรงเรียน เสนอมาตรการที่จะมีในอนาคต เพื่อยืนยันว่าเด็กนักเรียนจะมีสวัสดิภาพที่ดี ไม่ถูกทำร้ายแบบที่ผ่านมา
3. ไม่แจ้งความผู้ปกครอง ควรเข้าใจว่าเป็นลูกใคร ใครก็โกรธ แน่นอนว่าการทำร้ายร่างกายกันในที่สาธารณะ มันผิดกฎหมาย แต่อย่าลืมว่าฝั่งโรงเรียนเป็นฝ่ายผิด แต่หาทางเจรจา ให้ครูนำดอกไม้ ของขวัญไปขอขมาผู้ปกครองรายคนโดยนอบน้อมที่สุด เขาจะรับหรือปฏิเสธไม่ใช่สาระที่สำคัญ แต่ผิดแล้วต้องรับผิดและแก้ไขไม่ใช่แก้ตัว
4. ให้ลูกความสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เพื่อลดโทษ และเป็นการสำนึกผิด หลักฐานมันชัดเจนขนาดนี้ ไม่มีประโยชน์ที่จะแถ เสียทั้งภาพลักษณ์โรงเรียน และไม่แฟร์กับเด็กและผู้ปกครอง
สำหรับผมการพาลูกความไปแจ้งความ เหมือนราดน้ำมันลงกองไฟ ทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้น เสียชื่อโรงเรียนไม่พอ จากฝ่ายโจทก์อาจจะเห็นความสำนึกผิด จะยิ่งโกรธแค้น และทำให้คดีอื่น ๆ อีกเป็นพรวนเสียไปหมด ทนายมืออาชีพที่ว่าความที่ศาลจริง ไม่ใช่ศาลโซเชียล เขาไม่ทำกันหรอกครับ"
ขณะที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้โพสต์ถึงเรื่องนี้ว่า "#ดังได้ก็ดับได้ 35 ปี ไม่มีความหมาย หากไปฟ้องผู้ปกครอง ชมรมไม่เห็นด้วย อย่าเห็นแก่เงินจนลืมคุณธรรม ถึงจะเป็นเพื่อนกันก็เตือนด้วยความหวังดี โรงเรียนค่าเทอมแพง จ้างครูไม่มีคุณภาพทำร้ายเด็ก แทนที่จะสำนึกแสดงความรับผิดชอบ บัดซบจริง ๆ"

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ทนายคลายทุกข์

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม









