ไผ่ ดาวดิน เปิดใจหลังดีเบต อุ๊ หฤทัย งงใจ อีกฝ่ายจะตะโกนทำไม คุยกันอยู่ 3 คน พูดแทรกตลอด เสียใจมีอีกหลายประเด็นที่ไม่ได้พูด ซัด เรื่องมารยาทสอนกันไม่ได้
จากกรณีที่ไผ่ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน หนึ่งในแกนนำคณะราษฎร 2563 ได้ออกมาดีเบตกับ อุ๊ หฤทัย ม่วงบุญศรี นักร้องชื่อดัง ในรายการถามตรง ๆ กับจอมขวัญ ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีการแลกเปลี่ยนข้อมูล และแสดงความคิดเห็นทางการเมืองอย่างดุเดือด โดยเฉพาะท่าที่ของ อุ๊ หฤทัย ที่มีการใช้เสียงค่อนข้างดัง ทำให้หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่า อุ๊ มักจะพูดแทรก ไม่ฟังสิ่งที่ไผ่ พูด มีการขึ้นเสียง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
อ่านข่าว : พ่อไผ่ ดาวดิน ขอพูดบ้าง หลังมีคนบอก ไผ่ไม่ควรออกรายการทีวี ดีเบต อุ๊ หฤทัย
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 ไผ่ ดาวดิน ได้ออกมาไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก วงสามัญชน เพื่อพูดถึงความรู้สึกหลังดีเบตว่า ตนไม่ได้รู้สึกปวดหัวอะไร แต่แค่รู้สึกว่าการที่ตนพยายามมาอยู่ในเวทีนี้ ซึ่งเป็นเวทีเปิดกว้างสำหรับความคิดเห็นที่หลากหลายภายใต้กติกา ตนคาดหวังในการมาออกรายการนี้ แต่สิ่งที่ตนเสียใจที่สุดคือ อีกฝ่ายไม่ฟังตนเลย ไม่ต้องเชื่อ ไม่ต้องคิดก็ได้ แค่ฟังเฉย ๆ เขาไม่ฟังเลย เถียงตลอด พูดแทรกตลอด ทำให้ตนเสียสมาธิ
ตนอยากพูดหลายเรื่องทั้งเรื่องรัฐธรรมนูญ และ 3 ประเด็นหลักที่เป็นข้อเสนอของผู้ชุมนุม อยากสื่อสารตรงนี้ การที่ตนได้ดีเบตในครั้งนี้ ก็จะเก็บเป็นบทเรียนว่า การคุยกับคนลักษณะนี้ ต้องคุยอย่างไร และจะพัฒนาตัวเองต่อไป ยอมรับว่าสิ่งที่เจอตอนดีเบตนั้นหนักจริง ๆ ตนตกใจว่าเขาจะตะโกนทำไม เสียงดังทำไม อยู่กัน 3 คน งงจริง ๆ
ไผ่ เผยว่า ตนก็เป็นคนเสียงดังเหมือนกันเวลาอยู่บนเวทีไฮปาร์ค อยู่บนเวทีชุมนุม ซึ่งการพูดแต่ละที่แตกต่างกันในการเลือกใช้น้ำเสียง แต่การดีเบตนั้น เป็นการคุยกันแต่ 3 คน เขาตะโกนมา ตนก็ตกใจ ก่อนจะมา ตนเข้าใจแค่ว่าเราอยากจะมาตรวจสอบวิธีคิดของอีกฝ่าย และพูดกันด้วยความจริง เราจะเห็นวิธีคิดของเขาซ่อนอยู่ในการพูดคุย แต่เขาไม่เปิดช่องให้ตนพูดเลย เวลาตนพูด เขาจะพูดแทรกตลอดเวลา ในขณะที่เวลาเขาพูด เราฟัง เพราะเราอยากจับประเด็นว่าประเด็นไหนควรตอบโต้ ซึ่งเราก็พยายามฟังทั้งที่ตนก็ไม่ได้ชอบ บางอย่างก็ผิดเพี้ยน ตนก็รู้สึกได้ แต่เราก็พยายามฟังเขา เพื่อรับรู้ว่าเขาคิดอย่างนี้จริง ๆ ใช่ไหม
ตนอยากทำความเข้าใจอีกฝ่ายว่าเขาเป็นอย่างไร และรู้ว่าเขาคิดแบบนี้จริง ๆ แต่ทั้งนี้ก็มีหลายประเด็นที่มีจุดร่วมกันอย่างเช่น ประเด็นเรื่องคอร์รัปชั่น แต่เขามองเรื่องอดีต เขาไม่มองปัจจุบันเลย ทั้งที่ผ่านมาประชาชนก็ตรวจสอบทุกรัฐบาล มีแต่รัฐบาลนี้ที่ตรวจสอบไม่ได้ ตนก็พยายามยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมที่เห็นชัด ๆ แต่เขาก็ลากไปเรื่องอื่น
ไผ่ บอกอีกว่า อย่างน้อยก็ต้องเคารพกันบ้าง เคารพความเป็นมนุษย์กัน มีมารยาทหน่อยเวลาพูดคุย ตนก็ไม่ได้เห็นด้วยกับอีกฝ่ายตลอด แต่ตนก็ไม่ได้ค้าน ตนก็อยากให้จบเพื่อที่จะได้พูดในประเด็นโต้แย้ง
ทั้งนี้ เมื่อพิธีกรถามว่าหากมีแมตช์หน้า จะเรียกร้องให้ อุ๊ หฤทัย มีมารยาทมากกว่านี้ไหม ซึ่งไผ่ ตอบว่า เรื่องแบบนี้มันสอนกันไม่ได้ ตนไม่อยากจะไปสอนใคร ไม่อยากทำตัวแบบที่ต้องไปสอนใคร แต่อยากบอกว่าควรให้เกียรติกันดีกว่า และนี่คือประเด็นปัญหาที่ผ่านมาคือการไม่ฟังกัน ไม่เปิดใจรับฟังเลย เมื่อไม่ฟังก็ไม่เข้าใจและตัดสินไปแล้ว ไม่รู้ถึงสิ่งที่พวกเราคิด และอยากทำเลย แถมยังโดนดูถูกเหยียดหยามไปแล้ว เราแค่ต้องการต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก วงสามัญชน
จากกรณีที่ไผ่ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน หนึ่งในแกนนำคณะราษฎร 2563 ได้ออกมาดีเบตกับ อุ๊ หฤทัย ม่วงบุญศรี นักร้องชื่อดัง ในรายการถามตรง ๆ กับจอมขวัญ ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีการแลกเปลี่ยนข้อมูล และแสดงความคิดเห็นทางการเมืองอย่างดุเดือด โดยเฉพาะท่าที่ของ อุ๊ หฤทัย ที่มีการใช้เสียงค่อนข้างดัง ทำให้หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่า อุ๊ มักจะพูดแทรก ไม่ฟังสิ่งที่ไผ่ พูด มีการขึ้นเสียง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
อ่านข่าว : พ่อไผ่ ดาวดิน ขอพูดบ้าง หลังมีคนบอก ไผ่ไม่ควรออกรายการทีวี ดีเบต อุ๊ หฤทัย
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 ไผ่ ดาวดิน ได้ออกมาไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊ก วงสามัญชน เพื่อพูดถึงความรู้สึกหลังดีเบตว่า ตนไม่ได้รู้สึกปวดหัวอะไร แต่แค่รู้สึกว่าการที่ตนพยายามมาอยู่ในเวทีนี้ ซึ่งเป็นเวทีเปิดกว้างสำหรับความคิดเห็นที่หลากหลายภายใต้กติกา ตนคาดหวังในการมาออกรายการนี้ แต่สิ่งที่ตนเสียใจที่สุดคือ อีกฝ่ายไม่ฟังตนเลย ไม่ต้องเชื่อ ไม่ต้องคิดก็ได้ แค่ฟังเฉย ๆ เขาไม่ฟังเลย เถียงตลอด พูดแทรกตลอด ทำให้ตนเสียสมาธิ
ตนอยากพูดหลายเรื่องทั้งเรื่องรัฐธรรมนูญ และ 3 ประเด็นหลักที่เป็นข้อเสนอของผู้ชุมนุม อยากสื่อสารตรงนี้ การที่ตนได้ดีเบตในครั้งนี้ ก็จะเก็บเป็นบทเรียนว่า การคุยกับคนลักษณะนี้ ต้องคุยอย่างไร และจะพัฒนาตัวเองต่อไป ยอมรับว่าสิ่งที่เจอตอนดีเบตนั้นหนักจริง ๆ ตนตกใจว่าเขาจะตะโกนทำไม เสียงดังทำไม อยู่กัน 3 คน งงจริง ๆ
ไผ่ เผยว่า ตนก็เป็นคนเสียงดังเหมือนกันเวลาอยู่บนเวทีไฮปาร์ค อยู่บนเวทีชุมนุม ซึ่งการพูดแต่ละที่แตกต่างกันในการเลือกใช้น้ำเสียง แต่การดีเบตนั้น เป็นการคุยกันแต่ 3 คน เขาตะโกนมา ตนก็ตกใจ ก่อนจะมา ตนเข้าใจแค่ว่าเราอยากจะมาตรวจสอบวิธีคิดของอีกฝ่าย และพูดกันด้วยความจริง เราจะเห็นวิธีคิดของเขาซ่อนอยู่ในการพูดคุย แต่เขาไม่เปิดช่องให้ตนพูดเลย เวลาตนพูด เขาจะพูดแทรกตลอดเวลา ในขณะที่เวลาเขาพูด เราฟัง เพราะเราอยากจับประเด็นว่าประเด็นไหนควรตอบโต้ ซึ่งเราก็พยายามฟังทั้งที่ตนก็ไม่ได้ชอบ บางอย่างก็ผิดเพี้ยน ตนก็รู้สึกได้ แต่เราก็พยายามฟังเขา เพื่อรับรู้ว่าเขาคิดอย่างนี้จริง ๆ ใช่ไหม
ตนอยากทำความเข้าใจอีกฝ่ายว่าเขาเป็นอย่างไร และรู้ว่าเขาคิดแบบนี้จริง ๆ แต่ทั้งนี้ก็มีหลายประเด็นที่มีจุดร่วมกันอย่างเช่น ประเด็นเรื่องคอร์รัปชั่น แต่เขามองเรื่องอดีต เขาไม่มองปัจจุบันเลย ทั้งที่ผ่านมาประชาชนก็ตรวจสอบทุกรัฐบาล มีแต่รัฐบาลนี้ที่ตรวจสอบไม่ได้ ตนก็พยายามยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมที่เห็นชัด ๆ แต่เขาก็ลากไปเรื่องอื่น
ไผ่ บอกอีกว่า อย่างน้อยก็ต้องเคารพกันบ้าง เคารพความเป็นมนุษย์กัน มีมารยาทหน่อยเวลาพูดคุย ตนก็ไม่ได้เห็นด้วยกับอีกฝ่ายตลอด แต่ตนก็ไม่ได้ค้าน ตนก็อยากให้จบเพื่อที่จะได้พูดในประเด็นโต้แย้ง
ทั้งนี้ เมื่อพิธีกรถามว่าหากมีแมตช์หน้า จะเรียกร้องให้ อุ๊ หฤทัย มีมารยาทมากกว่านี้ไหม ซึ่งไผ่ ตอบว่า เรื่องแบบนี้มันสอนกันไม่ได้ ตนไม่อยากจะไปสอนใคร ไม่อยากทำตัวแบบที่ต้องไปสอนใคร แต่อยากบอกว่าควรให้เกียรติกันดีกว่า และนี่คือประเด็นปัญหาที่ผ่านมาคือการไม่ฟังกัน ไม่เปิดใจรับฟังเลย เมื่อไม่ฟังก็ไม่เข้าใจและตัดสินไปแล้ว ไม่รู้ถึงสิ่งที่พวกเราคิด และอยากทำเลย แถมยังโดนดูถูกเหยียดหยามไปแล้ว เราแค่ต้องการต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก วงสามัญชน
