กัปตัน ผันจากขับเครื่องบิน มาขับแกร็บ ลุกจากเซฟโซน ได้ 500 คือดีใจมาก

          กัปตันการบินไทย เผยชีวิตในวันลมเปลี่ยนทิศ เปลี่ยนจากการขับเครื่องบิน มาขับแกร็บ ในวันที่ได้เงินก้อนแรก ก็ดีใจ เงินที่ได้คือโบนัส แต่การเอาชนะความกลัวของตัวเองนั้น สำคัญยิ่งกว่า

            คงปฏิเสธไม่ได้ว่า อาชีพกัปตันขับเครื่องบินนั้น เป็นหนึ่งในอาชีพในฝันของหลาย ๆ คน แต่ความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอน เมื่อวิกฤต โควิด 19 ปะทุเข้ามา อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวถือว่าได้รับผลกระทบมากที่สุด และส่งผลให้คนที่เป็นกัปตัน แอร์โฮสเตส ต้องมองหาอาชีพสำรอง หรือมิเช่นนั้นก็อาจต้องหันไปทำอย่างอื่นแทน

            ล่าสุด เฟซบุ๊ก Mahesak Wongpa กัปตันการบินไทย ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ได้วางหมวกกัปตันไว้ชั่วครู่ และหันมาขับรถแกร็บเลี้ยงชีพ พร้อมกับบอกเล่าประสบการณ์ดี ๆ ในวันที่ลุกออกจากเซฟโซนของตัวเอง

            ทั้งนี้ คุณมเหศักดิ์ เผยว่า ในวันที่ท้องฟ้าอึมครึม ตนในฐานะที่เป็นนักบินก็รู้สึกว่า ต้องการทำอะไรที่เป็นประโยชน์ และด้วยความที่ตนมีทักษะการขับรถอยู่แล้ว ตนเลยจะลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ

            กัปตันมเหศักดิ์ ได้ไปลองขับแกร็บ ซึ่งนั่นก็มีพร้อมคำถามเช่น คนจะดูถูกเราไหมว่าเป็นนักบินตกอับมาขับแกร็บ ถ้าเจอคนรู้จักคงอายแย่ แต่เมื่อสมัครเสร็จแล้ว ตนก็ได้เป็นคนขับรถของแกร็บคาร์

            ตนรอประมาณ 1 สัปดาห์ กว่าจะเริ่มหาลูกค้าจริง ๆ จัง ๆ ความรู้สึกในการขับแกร็บครั้งแรก มันคล้ายกับความรู้สึกตอนขับเครื่องบินครั้งแรก ในตอนแรกเปิดแอปฯ Grab driver ทุกอย่างก็นิ่งสนิท ตนเลยตัดสินใจขับรถเข้าไปในเมือง ไปถึงหน้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ก็ได้ลูกค้าคนแรก

            ด้วยความที่ไม่ชิน ตนก็เลยขับเลยลูกค้าไป แต่โชคดีที่ลูกค้าไม่บ่น และมีการขอโทษขอโพยกัน ลูกค้าคนนั้นต้องการไปกินสุกี้แถวนั้น แต่ตนก็ขับผิดทางไปนิด และต้องเลี้ยวรถกลับมาอีกครั้ง ซึ่งเหมือนกับการขับรถรับน้อง จนถึงที่หมาย ค่าโดยสารคือ 59 บาท

            แม้เงินก้อนนี้จะไม่มากมาย แต่มีคุณค่าทางจิตใจกับตนมาก ตนก็เลยขับรถไปรับลูกค้าย่านใจกลางเมือง ลัดเลาะไปเรื่อย ๆ และเงินก็เข้ามาเรื่อย ๆ การขับแกร็บทำให้ตนรู้จักถนนหนทางในเมือง พอจะรู้ว่าเส้นไหนรถติดเมื่อไร ตรงไหนลูกค้าเรียกเยอะ วันแรกตนขับ 3 ชม. ได้ลูกค้า 5 ราย ทำเงินได้ประมาณ 500 บาท ก็ถือว่าดีมากแล้วในวันแรก

            สิ่งที่ได้จากการขับแกร็บคือ นอกจากเงินในกระเป๋าแล้ว ยังเป็นการที่ตนเอาชนะใจตัวเอง เอาชนะความกลัว เอาชนะความขี้ขลาด

            "ที่บ้านผมดีใจไปกับผมด้วยที่กล้าหาญกับจริตตัวเอง หลุดออกมาจาก safe zone ได้ในระดับหนึ่ง ทำให้ผมมีกำลังใจที่จะขับ Grab ต่อไป

            เป็นกำลังใจให้กับคนที่ยากลำบากในตอนนี้นะครับ ลงมือทำเลย อะไรที่ดีที่ทำเงินได้ ทำเลย อย่ามัวแต่คิดนานอย่างผม ก้าวออกจาก comfort zone แล้วลงมือกันเลยครับ"

            ด้านสำนักข่าวไทย ได้เผยว่า บทเรียนที่คุณมเหศักดิ์ วงษ์ปา นักบินของการบินไทย ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบ รายได้หดหาย ซึ่งบทเรียนที่ได้รับจากเรื่องนี้คือ อย่ายึดติด เพราะไม่มีอะไรแน่นอน เมื่อก่อนนั้นไม่เคยคิดเหมือนกันว่าจะทำอาชีพอื่นได้ เพราะเป็นนักบินมานานกว่า 20 ปีแล้ว

            ขณะเดียวกัน เมื่อสังเกตที่ท้ายรถ พบว่า หมวกกัปตันถูกวางไว้หลังรถ ซึ่งคุณมเหศักดิ์ ระบุว่า เอาไว้ดูทุกวันที่คิดถึง มองเครื่องบินบนฟ้าก็รอวันที่จะได้กลับไปทำงานที่รักเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ ต้องหาอาชีพสำรองเอาไว้ด้วย


ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าวไทย, เฟซบุ๊ก Mahesak Wongpa