BTS อาจคิดค่าเดินรถใหม่ ทวงหนี้ กทม. 8,000 ล้าน-ตอบลดได้ไหม คนโอดค่าโดยสารแพง

 
 
            บีทีเอส สวน อย่าเทียบค่าโดยสารสายสีเขียว - น้ำเงิน หลังตั้งธงค่าโดยสาร 65 บาท ยืนยัน เป็นคนละสาย ต้นทุนต่างกัน ส่วนจะราคาถูกกว่านี้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการต่อสัมปทานอีก 30 ปี

              จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่า กรุงเทพมหานคร (กทม.) อาจจะงดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย เนื่องจากถูกทวงหนี้จำนวน 8,000 ล้านบาท แต่ไม่มีเงินจ่าย ต้องรอเงินสนับสนุนจากรัฐบาล

              อ่านข่าว : BTS สายสีเขียว ส่อเดินรถไม่ได้ หลัง กทม. เจอทวงหนี้ค่าบริการ 8 พันล้าน แต่ไม่มีเงินจ่าย

              วันที่ 20 ธันวาคม 2563 ฐานเศรษฐกิจ รายงานว่า นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า BTS เปิดเผยว่า ในเดือนธันวาคมนี้ รถไฟฟ้าสายสีเขียวเตรียมเปิดสถานีเพิ่มอีก 7 สถานี ได้แก่ สถานีพหลโยธิน 59, สายหยุด, สะพานใหม่, โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช, พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ, แยก คปอ. และคูคต ทำให้การเดินทางครอบคลุมทั้ง 3 จังหวัด คือ ปทุมธานี, กรุงเทพฯ และสมุทรปราการ รวมระยะทาง 68 กิโลเมตร


             ทั้งนี้ บีทีเอส เป็นผู้รับจ้างเดินรถ ดังนั้นการเปิดบริการส่วนต่อขยายวันไหน จะให้บริการหรือไม่ ต้องรอให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นผู้พิจารณา ส่วนเรื่องการทวงถามหนี้ 8,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าจ้างเดินรถ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องจริง หลังจากนี้หาก กทม. จะเปิดเดินรถส่วนขยาย ทางบีทีเอสก็ต้องเดินรถ แต่อาจจะต้องคำนวณค่าจ้างเดินรถใหม่ และแจ้งให้ กทม. ทราบเป็นระยะ ๆ

             ส่วนเรื่องอัตราค่าโดยสาร จะปรับให้ต่ำกว่า 65 บาทได้หรือไม่ ขอให้ ครม. เป็นคนพิจารณาเรื่องต่อสัญญาสัมปทานการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง อีก 30 ปี จากเดิมสิ้นสุดสัญญาปี 2572 ให้ถึงปี 2602 เสร็จสิ้น

             อย่างไรก็ดี สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เคยศึกษาว่า ราคาตลาดสายจะอยู่ที่ 158 บาท ซึ่งเป็นราคาที่คิดค่าแรกเข้าส่วนต่อขยายหลายครั้ง แต่ของ กทม. ที่เก็บไม่เกิน 65 บาท เป็นค่าแรกเข้าเพียงครั้งเดียว ส่วนประเด็นที่รถไฟฟ้าสีน้ำเงิน ที่วิ่งไกลกว่า แต่เก็บค่าโดยสารถูกกว่านั้น ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบได้ เพราะนอกจากระยะทางการให้บริการจะต่างกัน ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็แตกต่างกันด้วย อย่างสายสีน้ำเงินรัฐลงทุนงานโยธาให้ทั้งหมด


ขอบคุณข้อมูลจาก ฐานเศรษฐกิจ