เจ้าของร้านชาบู เปิดใจ ที่ผ่านมาสู้จนไม่มีแรงสู้แล้ว หลังโควิด 19 ระบาดรอบแรกก็ช้ำหนัก มารอบนี้ไม่มีทางปิดร้านแน่ ยอมโดนจับ เพราะอยู่ไปก็อดตาย ขอรัฐบาลมองเห็นความเดือดร้อนบ้าง
จากกรณีที่ร้านชาบูชื่อดังร้านหนึ่ง ได้ออกมาเผยว่า หากรัฐบาลสั่งให้มีการปิดร้านครั้งนี้ อย่างไรเสียร้านของตนก็จะไม่ปิด หนี้เก่าก็ยังเคลียร์ไม่หมด นี่ไม่ใช่ความผิดของประชาชน แต่เป็นความผิดของคนที่รับเงินแล้วเอาคนติดเชื้อเข้ามา คนเหล่านี้ได้เงิน แล้วประชาชนได้อะไร ถ้าหากปิดผู้ประกอบการก็ตาย มีแต่คำสั่งให้ปิดแต่ไม่มีมาตรการช่วยเหลือ หากปิดแล้วจะเอาอะไรกิน อยากจับก็มาจับ ยังไงก็ไม่ปิดร้าน อยู่ไปก็อดตาย
วันที่ 3 มกราคม 2564 ข่าวช่อง 3 รายงานว่า เจ้าของร้านโกดังชาบู เผยว่า ที่โพสต์ข้อความแบบนั้นเพราะรู้สึกโกรธแล้วก็เสียใจมาก ตนสู้จนไม่มีแรงสู้แล้ว ก่อนหน้านี้โควิด 19 แพร่ระบาด เราก็ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลตลอด สั่งให้ปิดเราก็ปิด กว่าจะสามารถฟื้นตัวได้มันใช้ระยะเวลามาก ตอนนี้โควิด-19 ระบาดรอบ 2 มีกระแสข่าวว่าร้านอาจจะถูกปิดหรือสั่งกินที่บ้าน เราก็กังวลแล้วก็เครียดมาก สภาพการเงินยังไม่ฟื้น ไปกู้ยืมเงินมา ยังมีหนี้สินเก่าที่ต้องเคลียร์ หากมีคำสั่งให้ปิดกลัวว่าจะกลับไปเป็นแบบเดิม จะหาเงินที่ไหนไปใช้หนี้
เจ้าของร้านเผยต่อว่า ก่อนหน้านี้ร้านปิดก็ไม่มีออร์เดอร์เลย มันหนักหนาสาหัสมาก ไม่มีเงินแม้กระทั่งเงินจะซื้อนมให้ลูกกิน ต้องโทร. ขอแม่ที่ต่างจังหวัดยืมมาซื้อนมลูก พอร้านเปิดก็ยังพอขายได้แบบวันต่อวัน หากสั่งปิด ขายไม่ได้ต้องตาย ไม่รอดแน่ ๆ ผู้ประกอบการทุกร้านก็ได้รับผลกระทบเหมือนกัน อยากให้หน่วยงานรัฐมองเห็นความเดือดร้อนของประชาชนบ้าง ที่ผ่านมาเราสู้จนแทบจะไม่มีแรงแล้ว เคยพูดกับเพื่อนว่าถ้าหากไม่มีลูกก็อาจจะไม่มีเราในวันนี้ก็ได้ สู้กันต่อไปได้ก็เพราะรอยยิ้มของลูก
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ทุกวันนี้ขายบุฟเฟ่ต์ชาบูเพียงให้มีรายได้จ่ายพนักงาน 4-5 คน และเพียงพอสำหรับซื้อของมาลงขายวันต่อไป กำไรแทบไม่เหลือ ตนยินดีให้ความร่วมมือ แต่จะให้ปิดร้านปิดไม่ได้จริง ๆ ยืนยันที่จะขายต่อ ถ้าจะจับก็ยินดี จับครอบครัวของตนไปด้วย เพราะอยู่ก็อดตาย ตนเข้าใจมาตรการของรัฐ ปฏิบัติตามทุกอย่าง แต่ครั้งนี้ตนท้อมาก ๆ แต่ก็สู้
ขอบคุณข้อมูลจาก