แม่ใจสลาย...เผยลูกไม่กลับบ้าน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนพบจมน้ำดับจริง ๆ ขณะเข้าค่าย ด้านครูคุมฐานยังช็อก เสียใจมาก ไม่พร้อมให้ปากคำ
จากกรณีที่ น้องปอน อายุ 15 ปี นักเรียนในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.กาฬสินธุ์ เกิดอุบัติเหตุจมน้ำเสียชีวิตขณะเข้าค่ายลูกเสือ ซึ่งทางโรงเรียนใช้หนองน้ำเป็นหนึ่งในฐานลูกเสือ ซึ่งครูจะบังคับให้เด็กมุดน้ำ และครูจะโยนหินลงไป จำลองว่าเด็กอยู่ในสงคราม และหินคือระเบิด แต่น้องปอนบอกกับเพื่อนว่าว่ายน้ำไม่เป็น ไม่ต้องการมุดน้ำ และพยายามหลบเลี่ยง แต่ในที่สุดผู้ปกครองก็เห็นว่าน้องปอนไม่กลับบ้าน จึงแจ้งทางโรงเรียน และพบว่าน้องปอนจมน้ำเสียชีวิตแล้ว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
อ่านข่าว : เด็ก 15 ตายคาค่ายลูกเสือ พบครูสั่งให้มุดน้ำ จำลองตอนเกิดสงคราม ทั้งที่ว่ายน้ำไม่เป็น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 17 มีนาคม 2564 สำนักข่าว INN รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ได้สอบปากคำกลุ่มเพื่อน พ่อและแม่ของน้องปอน ผู้เสียชีวิต รวมทั้งผู้บริหารและครูของโรงเรียน เพื่อหาสาเหตุในการเสียชีวิต โดยส่วนใหญ่เพื่อน ๆ ของน้องปอนระบุว่า การเข้าร่วมกิจกรรมค่ายลูกเสือ ทุกคนจะถูกสั่งให้เข้าฐานหนีสงครามหลบระเบิดมุดน้ำ โดยที่ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันและช่วยเหลือจมน้ำ เช่น เสื้อชูชีพ หรือห่วงยาง รวมทั้งไม่มีการกั้นแนวเขตน้ำตื้นและน้ำลึก ส่วนทางผู้อำนวยการและคณะครู เบื้องต้นยังไม่พร้อมที่จะให้ปากคำ เนื่องจากอยู่ในอาการเสียใจและช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ด้าน นายสุนทรา กุลาสา ผู้อำนวยการโรงเรียน ต.กุดโดน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า วันเกิดเหตุทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือ โดยใช้สถานที่สาธารณะหมู่บ้าน ซึ่งมีสระน้ำสาธารณะอยู่ด้านข้างทางทิศเหนือ มีถนนคั่นกลางจากโรงเรียนประมาณ 20 เมตร ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ในการจัดกิจกรรมค่ายลูกเสือทุกปี โดยในการจัดกิจกรรมได้ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มกัน กลุ่มละ 13-15 คน เข้าร่วมกิจกรรมฐานต่าง ๆ รวม 6 ฐาน แต่ละฐานจะมีครูควบคุมดูแล 2 คน
ภาพจาก สำนักข่าว INN
สำหรับฐานที่เกิดเหตุเด็กนักเรียนจมน้ำนั้นเป็นฐานที่ 6 ฐานสุดท้าย ได้ให้นักเรียนลงไปในน้ำเพื่อล้างเนื้อล้างตัว ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุทางคณะครูก็ได้มีการเฝ้าระวังและเช็กจำนวนนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมทุกฐาน ส่วนกรณีนักเรียนที่จมน้ำเสียชีวิตนั้น คาดว่าไม่มีใครสังเกตเห็น เนื่องจากก่อนเกิดเหตุมีเด็กนักเรียนคนหนึ่งไม่ได้มาร่วมกิจกรรมในช่วงเช้า แต่กลับมาเข้าร่วมในช่วงบ่าย ซึ่งทางคณะครูผู้ควบคุมได้เช็กจำนวนนักเรียนหลังจากทุกคนขึ้นมาจากหนองน้ำก็พบว่าครบจึงไม่ได้เอะใจ กระทั่งมาทราบทีหลังว่าหายตัวไปและจมน้ำเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งทางโรงเรียนและคณะครูก็รู้สึกเสียใจอย่างมาก ยืนยันว่าไม่ได้บังคับให้เด็กลงน้ำ
ขณะที่รายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ช่อง 3 รายงานว่า แม่ของผู้เสียชีวิต ระบุว่า เพื่อน ๆ เห็นลูกครั้งสุดท้ายตอนที่ลงสระน้ำตอนเข้าฐาน คาดว่าน่าจะจมน้ำ จึงประสานเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ กระทั่งพบว่าลูกชายจมน้ำเสียชีวิตจริง ๆ
แม่ผู้เสียชีวิต บอกอีกว่า อยากให้ครูดูแลเด็กให้ดีกว่านี้ รอบคอบกว่านี้ ถ้าเป็นไปได้เข้าค่ายอย่าให้เด็ก ๆ ลงน้ำ โดยเฉพาะคนที่ว่ายน้ำไม่เป็น เช่นลูกชายของตน ทางครอบครัวเสียใจมากที่ต้องสูญเสียลูกชายกะทันหันเช่นนี้ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตรวจสอบและดำเนินการอย่างถึงที่สุด เพื่อให้ความเป็นธรรมกับลูกชายของตนด้วย
ภาพจาก สำนักข่าว INN
ข้อมูลจาก สำนักข่าว INN
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเด่นเย็นนี้ ช่อง 3
จากกรณีที่ น้องปอน อายุ 15 ปี นักเรียนในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.กาฬสินธุ์ เกิดอุบัติเหตุจมน้ำเสียชีวิตขณะเข้าค่ายลูกเสือ ซึ่งทางโรงเรียนใช้หนองน้ำเป็นหนึ่งในฐานลูกเสือ ซึ่งครูจะบังคับให้เด็กมุดน้ำ และครูจะโยนหินลงไป จำลองว่าเด็กอยู่ในสงคราม และหินคือระเบิด แต่น้องปอนบอกกับเพื่อนว่าว่ายน้ำไม่เป็น ไม่ต้องการมุดน้ำ และพยายามหลบเลี่ยง แต่ในที่สุดผู้ปกครองก็เห็นว่าน้องปอนไม่กลับบ้าน จึงแจ้งทางโรงเรียน และพบว่าน้องปอนจมน้ำเสียชีวิตแล้ว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
อ่านข่าว : เด็ก 15 ตายคาค่ายลูกเสือ พบครูสั่งให้มุดน้ำ จำลองตอนเกิดสงคราม ทั้งที่ว่ายน้ำไม่เป็น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 17 มีนาคม 2564 สำนักข่าว INN รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ได้สอบปากคำกลุ่มเพื่อน พ่อและแม่ของน้องปอน ผู้เสียชีวิต รวมทั้งผู้บริหารและครูของโรงเรียน เพื่อหาสาเหตุในการเสียชีวิต โดยส่วนใหญ่เพื่อน ๆ ของน้องปอนระบุว่า การเข้าร่วมกิจกรรมค่ายลูกเสือ ทุกคนจะถูกสั่งให้เข้าฐานหนีสงครามหลบระเบิดมุดน้ำ โดยที่ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันและช่วยเหลือจมน้ำ เช่น เสื้อชูชีพ หรือห่วงยาง รวมทั้งไม่มีการกั้นแนวเขตน้ำตื้นและน้ำลึก ส่วนทางผู้อำนวยการและคณะครู เบื้องต้นยังไม่พร้อมที่จะให้ปากคำ เนื่องจากอยู่ในอาการเสียใจและช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ด้าน นายสุนทรา กุลาสา ผู้อำนวยการโรงเรียน ต.กุดโดน อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า วันเกิดเหตุทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือ โดยใช้สถานที่สาธารณะหมู่บ้าน ซึ่งมีสระน้ำสาธารณะอยู่ด้านข้างทางทิศเหนือ มีถนนคั่นกลางจากโรงเรียนประมาณ 20 เมตร ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ในการจัดกิจกรรมค่ายลูกเสือทุกปี โดยในการจัดกิจกรรมได้ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มกัน กลุ่มละ 13-15 คน เข้าร่วมกิจกรรมฐานต่าง ๆ รวม 6 ฐาน แต่ละฐานจะมีครูควบคุมดูแล 2 คน
ภาพจาก สำนักข่าว INN
สำหรับฐานที่เกิดเหตุเด็กนักเรียนจมน้ำนั้นเป็นฐานที่ 6 ฐานสุดท้าย ได้ให้นักเรียนลงไปในน้ำเพื่อล้างเนื้อล้างตัว ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุทางคณะครูก็ได้มีการเฝ้าระวังและเช็กจำนวนนักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมทุกฐาน ส่วนกรณีนักเรียนที่จมน้ำเสียชีวิตนั้น คาดว่าไม่มีใครสังเกตเห็น เนื่องจากก่อนเกิดเหตุมีเด็กนักเรียนคนหนึ่งไม่ได้มาร่วมกิจกรรมในช่วงเช้า แต่กลับมาเข้าร่วมในช่วงบ่าย ซึ่งทางคณะครูผู้ควบคุมได้เช็กจำนวนนักเรียนหลังจากทุกคนขึ้นมาจากหนองน้ำก็พบว่าครบจึงไม่ได้เอะใจ กระทั่งมาทราบทีหลังว่าหายตัวไปและจมน้ำเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งทางโรงเรียนและคณะครูก็รู้สึกเสียใจอย่างมาก ยืนยันว่าไม่ได้บังคับให้เด็กลงน้ำ
ขณะที่รายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ช่อง 3 รายงานว่า แม่ของผู้เสียชีวิต ระบุว่า เพื่อน ๆ เห็นลูกครั้งสุดท้ายตอนที่ลงสระน้ำตอนเข้าฐาน คาดว่าน่าจะจมน้ำ จึงประสานเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ กระทั่งพบว่าลูกชายจมน้ำเสียชีวิตจริง ๆ
แม่ผู้เสียชีวิต บอกอีกว่า อยากให้ครูดูแลเด็กให้ดีกว่านี้ รอบคอบกว่านี้ ถ้าเป็นไปได้เข้าค่ายอย่าให้เด็ก ๆ ลงน้ำ โดยเฉพาะคนที่ว่ายน้ำไม่เป็น เช่นลูกชายของตน ทางครอบครัวเสียใจมากที่ต้องสูญเสียลูกชายกะทันหันเช่นนี้ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตรวจสอบและดำเนินการอย่างถึงที่สุด เพื่อให้ความเป็นธรรมกับลูกชายของตนด้วย
ภาพจาก สำนักข่าว INN
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเด่นเย็นนี้ ช่อง 3