จากปากลูกสาวรีสอร์ต คดีไม้กวาดทิ่ม แจงเผาชุดชั้นในทำไม-ทำไมไม่รีบแจ้งความ

        วันที่ 27 มีนาคม 2564 เฟซบุ๊ก Piyatida Boonkit ของนางสาวปิยะธิดา บุญกิจ ลูกสาวเจ้าของรีสอร์ต ได้โพสต์ถึงกรณีนี้ว่า ตนอยากพูดเรื่องนี้ในมุมของรีสอร์ตซึ่งโดนตัดสินว่าเป็นคนไม่ดีและถูกวิจารณ์อย่างหนักบ้าง อยากให้คนมีวิจารณญาณในการเสพข่าวมากขึ้น โดยตอนนี้รีสอร์ตถูกกล่าวหาว่า รับสินบนเป็นแสน ๆ จากฝั่งเมียหลวง เป็นพรรคพวกเพราะกลัวอำนาจเมียหลวง และรีสอร์ตนี้ไม่มีความปลอดภัย

ยันชัด ไม่มีการรับเงินหรือช่วยเหลือฝั่งเมียหลวง

        เรื่องนี้ ตนอยากชี้แจงว่า ตนไม่รู้จัก ไม่รับรู้การมีตัวตน ไม่มีการรับเงิน และไม่ได้กลัวอำนาจเมียหลวง ส่วนการกล่าวหาว่ารีสอร์ตไม่มีความปลอดภัย ที่พักทั่วประเทศย่อมรู้ดีว่าหน้าที่ของรีสอร์ต คือ การอำนวยความสะดวกให้ที่พักเท่านั้น ไม่ได้มีหน้าที่เฝ้าระวังอะไรให้ใคร เราไม่มีสิทธิ์ และไม่เปิดเผยข้อมูลของลูกค้า

        ส่วนกรณีที่เกิดขึ้น มีการติดตั้งจีพีเอสตามตัว เมื่อมาถึงเมียหลวงก็ตะโกนว่า ไม่ต้องมาโกหกเลยนะ เห็นแล้วว่าอยู่ที่นี่ แล้วก็สำรวจจนเจอเอง เราไล่เขาก็ไม่ไป อีกฝั่งก็พูดแต่ว่า จะต้องเห็นหน้าคนในห้องให้ได้ ฉะนั้น ข้อสงสัยที่ว่า รีสอร์ตปกป้องฝั่งเมียหลวงจึงตกไป

สาเหตุที่ไม่แจ้งตำรวจ และเผาชุดชั้นใน

        ประเด็นทำไมไม่แจ้งตำรวจ คือ ตอนนั้นพอเปิดประตูก็มีคนเจ็บนอนอยู่ จึงคิดแค่ว่าต้องส่งโรงพยาบาล ฝั่งเมียหลวงกลับห้ามไว้ บอกว่าจะส่งลูกสาวไปตามญาติมา อ้างว่ารู้จักกัน แต่หลังจากออกไปตาม ก็โทรศัพท์กลับมาว่าเข้าใจผิด บ้านที่ไปไม่ใช่บ้านคนเจ็บ เจ้าของรีสอร์ตจึงโทรศัพท์เรียกกู้ภัยให้

        ในประเด็นการทำหลายหลักฐาน ปกติแล้ว มีการเผาทำลายขยะทุกวัน เสื้อในที่อยู่ในถังขยะ เราจึงต้องเผาทิ้ง และนี่ไม่ใช่เหตุการณ์แรก ๆ ทีมีคนมาทำแบบนี้ในห้องเรา ส่วนเรื่องเสื้อผ้าในท่อน้ำ จังหวะนั้นคือเจ้าของรีสอร์ตคุยโทรศัพท์ด้วย และคุยกับลูกเขยเมียหลวงด้วย มันจึงมีการชุลมุนวุ่นวาย ไม่สามารถสังเกตอะไรได้ทัน

จวกสื่อเสนอบิดเบือนทำเรื่องบานปลาย

        แต่สาเหตุที่ทำให้เรื่องบานปลาย คือสื่อหลักที่ทำข่าว หากนำเสนอตามความจริง รอให้ผลชันสูตรออกมาชัดก่อนที่จะโหมกระแส ไม่ชี้นำข้อสงสัยต่อสังคม ก็คงไม่มีปัญหา แต่การที่สื่อทำแบบนี้ ก็น่าจะรู้ตัวดีว่า การประกาศออกไป ทำให้คนที่ถูกกล่าวถึงได้รับผลกระทบด้วย อย่างกรณีที่สื่อบอกว่า ได้ภาพจากเจ้าของรีสอร์ต แต่ความจริงคือ ไม่มีการถ่ายรูปใด ๆ ทักท้วงไปตั้งแต่วันแรกก็ยังมีการพูดแบบเดิมอีก ถึงประเด็นจะไม่ร้ายแรง แต่ก็แสดงถึงความมั่ว

        อีกกรณีหนึ่งคือ การนำไฟล์ภาพชอตลูกสาวเมียหลวงกระชากไม้ทิ้งเพื่อยืนยันว่าห้ามปราม ทั้งที่ย้ำไปแล้ว แต่กลับออกข่าวสงสัยว่า ลูกสาวหยิบอะไรออกมาจากรถเพื่อทำร้ายหรือเปล่า คือ ฝั่งเราเข้าใจว่าสื่อมีสิทธิตั้งข้อสงสัย แต่ก่อนที่จะสงสัย ควรเสนอความจริงให้ครบก่อนหรือเปล่า เพราะการนำเสนอแบบนั้น เหมือนเป็นการชักจูงคนให้สงสัยผิดประเด็นกันหมด

ทิ้งท้ายถึงคนเสพข่าวแบบหน้ามืดตามัว

        สุดท้ายอยากฝากถึงคนเสพข่าวแบบหน้ามืดตามัว เคยมีคนมาบอกว่า ทำไมเมียหลวงทำตัวเป็นศาลเตี้ย ทำร้ายเขาแบบนั้น แล้วทำไมคุณล่ะไม่ยอมย้อนมองตัวเอง พวกคุณเองก็ตัดสินพวกเราและคนอื่นว่าโกหกเหมือนกัน เพราะเรื่องราวไม่ร้ายแรงอย่างที่คุณอยากจะให้เป็น ทั้งที่เราให้ความร่วมมือก็ยังคงด่าเราอีก

        พร้อมกันนั้น มีการระบุว่า วันนั้นมีการชำระค่าผ้าขนหนู 2 ผืนกับค่าพังประตู เป็นเงิน 1,000 บาทอีกด้วย