สรุป ทักษิณ พูดในคลับเฮ้าส์ รอบนี้มาเพื่อฟาด แซะบิ๊กตู่จนพรุน พูดถึงสลิ่มครั้งแรก


          ทักษิณ ชินวัตร เปิดคลับเฮ้าส์วิเคราะห์การทำงานรัฐบาล จะพาไทยฝ่าวิกฤตได้ยังไง ถ้ายังคิดแบบนี้ รอบนี้มาเพื่อฟาด ซัดเรื่องวัคซีนไม่ทันกาล พร้อมพูดถึงกลุ่มอยากย้ายประเทศ เชื่อถ้าตัวเองเป็นนายกฯ จะไม่มีเหตุแบบนี้ พูดสลิ่มครั้งแรกออกจากปาก !

ทักษิณ ชินวัตร

          วันที่ 5 พฤษภาคม 2564 ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เปิดคลับเฮ้าส์พูดคุยร่วมกับเพจ CARE คิด เคลื่อน ไทย เกี่ยวเรื่องเศรษฐกิจบ้านเราจะโตได้อย่างไร การท่องเที่ยว การลงทุนจากต่างประเทศ และเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงการฝ่าวิกฤตโควิด 19 ในความคิดของทักษิณ ควรทำอย่างไรบ้าง คนฟังกันเยอะมากจนแฮชแท็ก #นายกในดวงใจ ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ สามารถสรุปได้ดังนี้...

เศรษฐกิจไทยเป็นอย่างไร

          การลงทุนจากต่างประเทศหดหายมากเพราะเรื่องความเชื่อมั่น วันนี้เศรษฐกิจเราฟื้นยากมาก เพราะรัฐบาลกู้เงินมา ไม่ได้ใช้แก้โควิด แต่ใช้แจก เพราะว่ารัฐบาลมองเรื่องการเมืองมากไป ทั้งที่นายกฯ ไม่ได้สังกัดพรรคการเมือง ดังนั้น รัฐบาลต้องคิดเพื่อชาติ ไม่ใช่คิดเพื่อการเมือง ต้องมองว่าจะเปิดประเทศได้อย่างไร

สถานการณ์โควิด 19 ของไทย

          วันนี้แค่ติดกระดุมเม็ดแรกก็ผิดแล้ว ตอนนี้ต้องใช้หลักความรู้ หลักวิทยาศาสตร์การแพทย์ มาสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจ ไม่ตื่นตระหนก ถ้ายังไม่เข้าใจ ทำเรื่องบางเรื่องให้ลุกลาม เช่น ฉีดวัคซีนแล้วมีอาการแพ้ แล้วยังไม่พิสูจน์ หรือพิสูจน์แล้วว่ามีผลกระทบก็ต้องหยุดฉีด ไม่ใช่ฉีดไปเรื่อย ๆ ประชาชนก็แพนิค

          คลัสเตอร์คลองเตย รัฐต้องรีบคัดกรอง แยกคนป่วยกับคนไม่ป่วยออกจากกัน แล้วรีบฉีดวัคซีน แต่ต้องทำให้ประชาชนมั่นใจก่อนจะฉีด ไม่ใช่มาถึงแล้วบังคับให้ฉีด มีอะไรก็ต้องฉีด ประชาชนเขาก็มีหัวใจ มีความรู้สึก จะมาบังคับเขาไม่ได้ การปูพรมตรวจหาเชื้อเป็นเรื่องสำคัญที่สุด สำคัญที่สุดคือ การฉีดวัคซีนมันช้าไป กว่าจะรอให้ภูมิขึ้น แล้วเกิดการระบาดในช่วงที่มีการฉีด ก็เกิดโอกาสระบาดซ้ำได้

          วันนี้ไทยต้องระดมวัคซีน มันเร่งด่วนแล้ว จะมาใช้ระบบที่เป็นทางการแบบเดิมไม่ได้ ต้องไปดูว่าประเทศไหนมีวัคซีนเหลือ เพราะประเทศที่รวย ๆ เขามีเหลือ ต้องใช้ความสัมพันธ์ทางการทูต ความสัมพันธ์ส่วนตัวไปเจรจาขอซื้อ หรือขอมาใช้ก่อน แล้วพอเราได้วัคซีนช่วงกลางปีหรือปลายปี เราก็ค่อยส่งคืน ต้องมองโควิดและวัคซีนเป็นเรื่องเร่งด่วน ไม่ใช่มองว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องใช้กฎหมายและอำนาจมาบังคับใช้

          โควิด-19 เป็นโรคที่อยู่คนเดียว ป่วยคนเดียว และตายคนเดียว ปู (ยิ่งลักษณ์) จะขอไปดูแล แต่ผมสั่งห้ามเด็ดขาด ทุกวันนี้คนกลัวว่าจะตายเพราะโควิด หรือตายเพราะเศรษฐกิจ เรื่องเร่งด่วนไม่ได้มีแค่โควิด แต่มีเรื่องเศรษฐกิจด้วย ซึ่งรัฐต้องให้ความสำคัญ ต้องกระจายอำนาจบริหารจัดการ ไม่ใช่รวบอำนาจไว้ที่ตัวเอง เพราะคนเดียวทำทุกเรื่องไม่ได้หรอก คนเดียวไม่ได้เก่งทุกเรื่อง จะทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้วไม่ได้

          Rematching resources คือ เอาทรัพยากรที่กระจัดกระจายมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ถ้าสมมติ ร้านอาหารที่ขายไม่ได้ กทม. ต้องช่วยอุดหนุนเอามาแจก โรงแรมที่ตอนนี้กำลังเจ๊ง รัฐก็ไปเหมา แล้วทำที่กักตัวและได้สุขอนามัยราคาถูก ๆ มันเป็นการช่วยกันในตัว

ทักษิณ ชินวัตร

การจัดการวัคซีนของไทย ควรเดินไปทางไหน

          วัคซีนเราสั่งมา 2 อย่าง คือ Sinovac กับ AstraZeneca ทั้งที่เป็นรับรู้กันว่าอันดับ 1 ต้อง Pfizer กับ Moderna ถ้าของจีนก็ต้อง Sinopharm ซึ่งถ้าสั่ง 2 เจ้านั้นมาแล้วก็ไม่ว่ากัน แต่ทำไมถึงไม่สั่งเจ้าอื่นมาด้วย จนถึงวันนี้ยังไม่อนุมัติ อย. ให้ Pfizer เลย แล้วทำไมไม่ให้เอกชนซื้อขายวัคซีนกันเอง ทำไมต้องทำผ่านรัฐบาล
 
          ทำไมวันนี้เรายังไม่สั่งเจ้าอื่น ทำไมไม่ไปขอให้ได้วัคซีนมาฉีดให้คนไทยก่อน ไม่ใช่เขาบอกว่าปลายปีค่อยมาเอา 10 ล้านโดส ก็ยอม ไปเจรจาว่าขอสัก 1 ล้านโดสมาก่อนได้ไหมก็ได้ ทำไมไม่ทำ อีกอย่างเอกชนเขาจะซื้อวัคซีนเอง ทำไมถึงไม่ยอมให้เขาทำ ไปห้ามเขาทำไม อยากใช้งบประมาณนักหรือไง รัฐต้องเปิดเสรีวัคซีนได้แล้ว

          ตอนนี้ต้องเร่งคัดกรอง เร่งตรวจ เร่งไล่ล่าหาวัคซีน กระจายจุดฉีดวัคซีนไปให้ทั่ว แล้วบอกประชาชนว่ามีจุดฉีดตรงไหน เดี๋ยวเขาก็ไปกันเอง ไม่เห็นต้องเปิดลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันให้มันยุ่งยาก จะทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากทำไม

          อีก 4-5 เดือน ยารักษาโควิดจะถูกผลิตออกมา และวัคซีนจะมีการปรับไปเรื่อย ๆ เพื่อรองรับการกลายพันธุ์ แต่วัคซีนทั้ง 2 ตัว ที่เรานำเข้ามาฉีดให้ประชาชน ไม่ค่อยเก่ง รับมือการกลายพันธุ์ของโควิดได้ไม่ดีพอ ดังนั้น ต้องรีบหาวัคซีนเจ้าอื่นเข้ามา

         ทั้งนี้ มีช่วงหนึ่งที่ทักษิณพูดคำว่า "สลิ่ม" เป็นครั้งแรก โดยระบุว่า "บรรดากองเชียร์หรือสลิ่มทั้งหลาย ก็อยากได้ Pfizer อะแหละ แต่มันไม่มีให้"

ทักษิณ ชินวัตร

คิดอย่างไรกับกลุ่ม #ย้ายประเทศกันเถอะ

         กระแสคนรุ่นใหม่ #ย้ายประเทศกันเถอะ ทักษิณมองว่า รัฐไม่พยายามเข้าใจประชาชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ มันมีความไม่เข้าใจระหว่างคนแก่กับเด็ก ซึ่งเมื่อไม่พยายามฟัง ไม่พยายามทำความเข้าใจ ไปใช้แต่อำนาจ ใช้กฎหมายใส่เด็ก คน gen นี้ เขามองว่าจบมาแล้วไม่มีงานทำ หมดหวัง ทุกคนเกิดมาแล้วจะดิ้นรนเพื่ออนาคตตัวเอง ถ้าเมืองไทยไม่มีลู่ทางให้พวกเขา เขาก็ต้องหาลู่ทางของตัวเอง การทำมาหากินในโลกยุคใหม่มันมีหลากหลาย ปกติมันไม่มีใครอยากจากบ้านเกิดเมืองนอนหรอก แต่ถ้ามันไม่มีช่องทางทำมาหากินให้เขา เขาก็ต้องไป

         ถ้าเศรษฐกิจยังโตแค่ 2-3% เด็กจบใหม่ตกงานหมด เศรษฐกิจเราต้องโตอย่างน้อย 4-5% ถึงจะรองรับตำแหน่งงานได้ ไม่ใช่มามองว่าพวกเขาไม่รักชาติ บ้าไปแล้ว นี่มันความคิดแบบตกยุค

         เวลาปกครองลูก ต้องทำเหมือนเป็นเพื่อน เขาจะได้กล้าพูดความจริงกับเรา อย่าโกหกเด็ก ทำผิดยังให้อภัยได้ แต่โกหกไม่ได้ และอย่าไปก้าวล่วงชีวิตส่วนตัวของเขา การที่คน 7 แสนคนเข้ากลุ่ม #ย้ายประเทศกันเถอะ มันไม่ปกติแล้ว รัฐบาลต้องฟังและต้องคุยกับเขา ไม่ใช่ไปด่าเขาแล้วใช้อำนาจไปไล่จับ หลังรัฐประหาร ประชาธิปไตยมันหดหาย มีแต่ top down ใช้กฎหมายนำ การจับเข่าคุยกันไม่ค่อยมี

         ทักษิณบอกอีกว่า ถ้าตนเองเป็นนายกฯ คงไม่มีคนอยากย้ายประเทศมากขนาดนี้ และคงไม่ปล่อยเศรษฐกิจให้พังพินาศ ต้องบริหารประเทศให้ดี ทำเศรษฐกิจให้ดี ต้องรับฟัง จับเข่าคุยคนรุ่นใหม่ ไม่ใช่จับวงคุยแต่คนอายุ 60 ปี

         ประชาชนไม่ใช่พลทหาร ต้องรู้จักให้เกียรติประชาชน ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจ ไม่ใช่สั่งการ ถ้าเอาแต่สั่งอย่างเดียว มันไม่มีใครอยากฟัง แล้วคนพูดก็ต้องเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองพูด เหมือนครู ถ้าไม่เตรียมตัวสอน ไม่มีความรู้ นักเรียนก็ไม่ฟัง ก็ไปเล่นกันอยู่หลังห้อง ดังนั้น ต้องมองประชาชนเป็นประชาชน ต้อง empower ประชาชน ประชาชนเขารู้ เขามีวิจารณญาณพอในการตัดสินใจชีวิตของเขา

ทักษิณ ชินวัตร
ภาพจาก Instagram thaksinlive

ความในใจถึงประเทศไทย

         ถ้าถามประยุทธ์ได้อยากถามว่า "เบื่อหรือยัง" เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้อุ้มประยุทธ์ได้แข็งแกร่งมาก แต่ถ้าเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคใดพรรคหนึ่งได้เสียงถล่มทลาย 250 ส.ว. ก็พูดไม่ออกเหมือนกัน ส่วนตัวเชื่อว่าเลือกตั้งครั้งหน้า เสียงจะไม่เบี้ยหัวแตกแบบการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว เพราะสถานการณ์ที่ประชาชนเจอในตอนนี้ มันชัดเจน

         หากให้พูดถึง วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ระบุว่า เสียดายที่อุตส่าห์ไปเรียนกฎหมายจบจาก Berkeley การใช้กฎหมายของท่านน่ารังเกียจมาก เสียดายที่ผมอุตส่าห์ไปชวนท่านออกจากเลขา ครม. มาเป็นรองนายกฯ ด้านกฎหมาย ผมผิดไปแล้ว ผมขอโทษ

         ส่วนคนที่เหมาะสมมาคุมกระทรวงสาธารณสุข ต้องเป็นคนที่พูดแล้วนายกฯ ฟัง ถึงจะสามารถทำงานได้ ตอนเป็นนายกฯ ใช้กระทรวงสาธารณสุขเยอะมาก บ้านเรามีนายกฯ เป็นนักแต่งเพลง เลยมีชื่อเพราะ ๆ เต็มไปหมด ไทยชนะ เราชนะ หมอชนะ แล้วตกลงใครชนะ ?

         อย่างไรก็ตาม มีช่วงหนึ่งที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โผล่เข้ามาพูดคุยกับคนไทยด้วยประมาณ 1 นาทีกว่า ซึ่งก็ได้ให้กำลังใจคนไทยให้ฝ่าวิกฤตไปให้ได้

ทักษิณ ชินวัตร
ภาพจาก CARE คิด เคลื่อน ไทย

ทักษิณ ชินวัตร
ภาพจาก Instagram thaksinlive

ขอบคุณข้อมูลจาก CARE คิด เคลื่อน ไทย, ธนวัฒน์ วงค์ไชย - Tanawat Wongchai




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สรุป ทักษิณ พูดในคลับเฮ้าส์ รอบนี้มาเพื่อฟาด แซะบิ๊กตู่จนพรุน พูดถึงสลิ่มครั้งแรก อัปเดตล่าสุด 5 พฤษภาคม 2564 เวลา 11:57:43 21,707 อ่าน
TOP
x close