นักโทษคดีฆ่าข่มขืน โดนประหารไป 4 ปี เพิ่งพบ DNA ชี้ว่าฆาตกรคือคนอื่น อ้าว !


           นักโทษชายชาวอเมริกัน ถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีฆ่าข่มขืน โดนประหารชีวิตไป 4 ปี เพิ่งพบผล DNA ชี้ว่าฆาตกรคือคนอื่น ก่อนตายเคยฝากเอาไว้ว่า ผมคือผู้บริสุทธิ์

ประหารชีวิตผิดคน
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

           วันที่ 7 พฤษภาคม 2564 เว็บไซต์นิวยอร์กไทม์ส และวอชิงตันโพสต์ เผยรายงานคดีของ ลีเดลล์ ลี นักโทษชายวัย 22 ปี ในคดีฆาตกรรม ที่ถูกตัดสินโทษประหารชีวิต ไปเมื่อปี 2560 ซึ่งเขายืนยันมาตลอดว่าตนเองไม่ใช่คนผิด แม้กระทั่งก่อนวาระสุดท้ายของชีวิต เขาให้สัมภาษณ์กับบีบีซี กล่าวว่า "คำพูดก่อนตายของผมจะยังคงเป็นอย่างที่เคยเป็นมาตลอดว่า ผมเป็นผู้บริสุทธิ์"

           คดีความดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2536 ในเมืองแจ็กสันวิลล์ รัฐอาร์คันซอ ทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา เหยื่อคือหญิงสาวชื่อว่า เดบรา รีส อายุ 26 ปี ถูกบีบคอและใช้อาวุธตีจนเสียชีวิต ลีถูกจับ พร้อมตั้งข้อหาว่าเป็นฆาตกรในคดีดังกล่าว เนื่องจากเจ้าหน้าที่พบเชื่อมโยงของเขากับอาชญากรรมอื่น ๆ ก่อนหน้านั้น

           โดยในเคสฆาตกรรมรีส เพื่อนบ้านคนหนึ่งให้การว่า เขาเห็นลีเข้าและออกจากบ้านของเหยื่อในวันที่เกิดการสังหาร ในขณะที่เพื่อนบ้านอีกคนหนึ่งกล่าวว่า ลีเคยมาเคาะประตูหน้าบ้านขอยืมเครื่องมืออุปกรณ์บางอย่าง ซึ่งอัยการชี้ว่ามันคือกลยุทธ์ของลีในการหาผู้หญิงอยู่บ้านคนเดียว อีกทั้งเจ้าหน้าที่ยังพบรอยรองเท้าในบ้านเหยื่อ และพบรอยเลือดในรองเท้าผ้าใบของลี เป็นหลักฐานเชื่อมโยงว่าเขาคือฆาตกร

           ทางศาลปฏิเสธคำกล่าวอ้างของลี ที่ยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้กระทำ ผู้พิพากษามีมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ได้จับผู้ร้ายถูกคน นอกจากนี้ ลีถูกตัดสินโทษว่ามีความผิดในคดีข่มขืนอีก 2 คดี ภายหลังหลังจากถูกจับกุมในข้อหาฆาตกรรมเหยื่อสาวรายนี้ ผู้พิพากษาระบุว่า มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นรูปแบบของการข่มขืนและฆาตกรรมต่อเนื่อง จึงสมควรแก่โทษประหารชีวิต

           การประหารชีวิตลี เกิดขึ้นในวันที่ 20 เมษายน 2560 โดยใช้วิธีการฉีดยา ซึ่งถือเป็นผู้ต้องหารายแรกของรัฐอาร์คันซอที่ถูกตัดสินโทษประหารชีวิตในรอบกว่าทศวรรษ จนเกิดเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ และเกิดความคิดเห็นที่แบ่งแยกฝ่ายกันในสังคม ถึงขนาดมีการกล่าวหาว่าทางรัฐรีบตัดสินโทษให้ผู้ต้องหาเสียชีวิตเดือนนั้น ก่อนที่ยาฉีดจะหมดอายุ

           หลังจากการเสียชีวิตของลี ทางด้าน นีน่า มอร์ริสัน ทนายความ ยังคงเดินหน้าดำเนินการรวบรวมหลักฐานเพื่อตรวจพิสูจน์ยืนยันความบริสุทธิ์ของลีเดลล์  "ไม่ควรมีใครถูกประหารชีวิต เมื่อมีความเป็นไปได้ว่าบุคคลนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์" มอร์ริสัน กล่าว

           ด้านแพทริเซีย ยัง น้องสาวของลีที่สู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของพี่ชายมาโดยตลอด และยังคงสู้ต่อแม้เขาจะถูกประหารชีวิตไปแล้ว พร้อมทนายความ ได้ยื่นฟ้องต่อทางรัฐโดยระบุว่า ผู้พิพากษาของรัฐปฏิเสธคำขอของทางทนายของลี ที่ต้องการให้มีการตรวจดีเอ็นเอเพิ่มเติมในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ แต่กลับถูกปฏิเสธทั้ง ๆ ที่หลักฐานที่ทางรัฐมีไม่ได้ชี้ชัด รวมทั้งลายนิ้วมือของลีก็ไม่ตรงกับลายนิ้วมือใด ๆ ในที่เกิดเหตุ

           ในที่สุด หลังจากผ่านมา 4 ปี จากการตรวจพิสูจน์ที่ทางทนายมอร์ริสันทำร่วมกับโครงการเรียกร้องความยุติธรรมและสหภาพเสรีพลเมืองอเมริกัน ได้มีการเปิดเผยข้อมูลว่า ผลดีเอ็นเอที่พบบนอาวุธและเสื้อเชิ้ตในที่เกิดเหตุ ชี้ว่าเป็นของชายคนเดียวกัน ซึ่งเป็นของชายนิรนามที่เป็นฆาตกรตัวจริง และคนนั้นไม่ใช่ลี

           โดยเบื้องต้นได้มีการอัปโหลดรายละเอียดทางพันธุกรรมใหม่ไปยังฐานข้อมูลอาชญากรรมแห่งชาติที่ดำเนินการโดยเอฟบีไอ เพื่อพยายามระบุตัวบุคคลดังกล่าว แต่ยังไม่ตรงกับผู้มีประวัติอาชญากรรมรายใด จึงทำให้บุคคลดังกล่าวยังคงเป็นปริศนา

           "เราดีใจที่มีหลักฐานใหม่ในฐานข้อมูล DNA แห่งชาติและยังคงมีความหวังว่าจะมีการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมในอนาคต" ยัง น้องสาวลี กล่าว  

           อย่างไรก็ดี อาซา ฮัตชินสัน ผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอ กล่าวในการแถลงข่าว เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ระบุว่า การประหารชีวิตของลีเป็นหน้าที่รัฐที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และความจริงก็คือคณะลูกขุนได้ตัดสินแล้วว่าเขามีความผิดตามข้อมูลที่พวกเขามี ส่วนหลักฐานดีเอ็นเอใหม่ที่ปรากฏ ยังไม่สามารถสรุปได้

ขอบคุณข้อมูลจาก เว็บไซต์นิวยอร์กไทม์ส, วอชิงตันโพสต์
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
นักโทษคดีฆ่าข่มขืน โดนประหารไป 4 ปี เพิ่งพบ DNA ชี้ว่าฆาตกรคือคนอื่น อ้าว ! โพสต์เมื่อ 8 พฤษภาคม 2564 เวลา 14:07:46 41,984 อ่าน
TOP
x close