สรุปดราม่า รองผู้ว่าการเคหะฯ ใช้หัวโขกแม่บ้าน ต่างฝ่ายต่างให้การคนละแบบ งานนี้ใครผิดใครถูก โดยฝั่งรองผู้ว่าฯ ยืนยัน ไม่ได้โขก แต่เป็นจังหวะเร่งรีบทำให้หัวไปโดนพอดี และมีการขอโทษไปแล้ว
วันที่ 6 มิถุนายน 2564 สำนักข่าว INN รายงานว่า นางดวงทิพย์ ทองสุข อายุ 49 ปี อาชีพแม่บ้าน พร้อมด้วยนายเรืองยศ วันโพนทอง อายุ 63 ปี ประธานกรรมการบริษัท อาร์ที พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด เดินทางเข้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โคกคราม เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีกับรองผู้ว่าการเคหะแห่งชาติ ในข้อหาทำร้ายร่างกาย หลังใช้หน้าผากโขกมาที่ใบหน้าของแม่บ้านจนได้รับบาดเจ็บ
นางดวงทิพย์ เล่าว่า ตนเองทำงานเป็นแม่บ้าน ที่โครงการเคหะชุมชนนวมินทร์ ซ.นวมินทร์ 139 รับผิดชอบตึก 5 และ 6 ช่วงเวลาประมาณบ่าย 2 โมง มีกลุ่มชายแต่งตัวดีใส่สูท 5-6 คน เข้ามาที่ตึกที่ตนเองรับผิดชอบ ตนจึงเดินไปสอบถามว่าเป็นใครมาทำอะไร จากนั้น 1 ในกลุ่มดังกล่าวได้พูดออกมาว่า "คุณอย่ามายุ่ง" ซึ่งตนก็ตอบไปว่าไม่ยุ่งไม่ได้ จึงได้นำมือถือมาถ่ายไว้เป็นหลักฐาน
จากนั้นมีชายแต่งตัวดี เดินมาหาก่อนก้มหน้าลงมาพร้อมพูดว่า "ชื่ออะไรล่ะ" จากนั้นก็ได้ใช้หน้าผากกระแทกใส่ที่หน้าตนแล้วพูดว่า "อูย ขอโทษ ๆ ลม ๆ" ตนมารู้ทีหลังว่าคนที่ใช้หน้าผากกระแทกตนเป็นถึงรองผู้ว่าการเคหะแห่งชาติ ซึ่งตนมองว่าการกระทำดังกล่าวไม่เหมาะเพราะตนเป็นผู้หญิง และยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ด้านนายเรืองยศ กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ บริษัทตนซึ่งเป็นบริษัทเอกชน ได้รับสัมปทานในการบริหารโครงการเคหะชุมชนนวมินทร์ ซ.นวมินทร์ 139 ซึ่งมีทั้งหมด 10 อาคาร จำนวนกว่า 1,700 ห้อง โดยตนได้เข้ามาทำการระงับการจ่ายไฟลูกบ้านที่ค้างชำระค่าเช่ากว่านานกว่า 4 เดือน จำนวน 11 ห้อง ต่อมามีเจ้าหน้าที่ของการเคหะเข้ามาพูดคุย แต่พูดคุยกันไม่รู้เรื่อง จากนั้นมีเจ้าหน้าที่การเคหะใช้เครื่องมือมางัดตู้ไฟ จนเกิดการกระทบกระทั่งกัน
ตนยืนยันว่าการระงับไฟลูกบ้านเป็นไปตามระเบียบ ในฐานะผู้ได้รับสัมปทาน ถึงแม้ทางบริษัทจะหมดสัญญาไปตั้งแต่ปี 2561 แต่ยังไม่ได้มีการส่งมอบกรรมสิทธิ์คืนให้กับการเคหะฯ ก็ยังถือว่า ทางบริษัทยังมีสิทธิในการดูแลอาคารทั้งหมด การที่แม่บ้านถ่ายคลิปหรือภาพถ่ายบุคคลที่เข้ามาในอาคารก็ถือว่ากระทำได้ในฐานะผู้ดูแล
เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า เรืออากาศโท ชัยรัตน์ ทองบริบูรณ์ รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า เป็นอุบัติเหตุระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนที่เป็นผู้อาศัย มิได้มีเจตนาทำร้ายคู่กรณีแต่อย่างใด
โดยจุดเริ่มต้นของเรื่องคือ การเคหะแห่งชาติได้รับร้องเรียนจากประชาชนที่อาศัยในโครงการเคหะดังกล่าวว่า ถูกตัดกระแสไฟฟ้า การเคหะจึงมอบทนายความไปกับเจ้าทุกข์ เพื่อเจรจากับการไฟฟ้านครหลวง เขตนวลจันทร์ว่า ตัดกระแสไฟฟ้าด้วยเหตุผลใด ซึ่งการไฟฟ้าก็บอกว่า ไม่ได้เป็นคนตัดกระแสไฟฟ้านี้ ตนจึงเดินทางเข้าไปแจ้งความที่ สน.โคกคราม แจ้งความว่า มิเตอร์ไฟฟ้าของการเคหะแห่งชาติถูกตัด แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นคนกระทำ ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่เดือดร้อน
ต่อมา ไปสอบถามกับบริษัทเอกชนดังกล่าว ซึ่งทางนั้นก็ยอมรับว่าเป็นคนตัดไฟเอง ทั้งที่มิเตอร์ไฟฟ้าเป็นของการเคหะแห่งชาติ และลูกบ้านได้ชำระค่าไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าโดยตรง ดังนั้น ตนกับเจ้าหน้าที่จึงต้องไปยังห้องไฟฟ้ารวมของอาคารเกิดเหตุ เพื่อต่อมิเตอร์ไฟฟ้าให้กับประชาชนจำนวนหลายอาคาร (อาคารชุดสูง 5 ชั้น) แต่ห้องไฟฟ้ารวมกลับล็อกกุญแจเอาไว้ จึงต้องถอดกุญแจออก และวางกุญแจไว้บริเวณหน้าประตู ต่อไฟให้ และติดป้ายประกาศว่า เป็นทรัพย์สินของการเคหะแห่งชาติ
หลังจากนั้น บริษัทเอกชนได้สั่งให้แม่บ้านราว 8-10 คน และลูกน้อง 3-4 คน พยายามขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การเคหะแห่งชาติไม่ให้ขึ้นอาคาร และเดินตามถ่ายวิดีโอตลอดเวลา เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ต่อมิเตอร์สำเร็จ
ส่วนเหตุการณ์ในคลิปคือ แม่บ้านคนนั้นมาขัดขวางและถ่ายคลิป ตนจึงถามชื่อ พร้อมทั้งก้มหน้าเปิดโปรแกรมเพื่อจะบันทึกชื่อในโทรศัพท์นำไปแจ้งความต่อ แต่ด้วยความเร่งรีบ ทำให้ใบหน้าตนไปชนกับกล้องโทรศัพท์ของแม่บ้านพอดี ซึ่งตนก็ได้ขอโทษแล้ว ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายตามที่เป็นข่าว และแม่บ้านก็ไม่ได้รับบาดเจ็บหรือทรัพย์สินเสียหาย
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์ออนไลน์, สำนักข่าว INN
นางดวงทิพย์ เล่าว่า ตนเองทำงานเป็นแม่บ้าน ที่โครงการเคหะชุมชนนวมินทร์ ซ.นวมินทร์ 139 รับผิดชอบตึก 5 และ 6 ช่วงเวลาประมาณบ่าย 2 โมง มีกลุ่มชายแต่งตัวดีใส่สูท 5-6 คน เข้ามาที่ตึกที่ตนเองรับผิดชอบ ตนจึงเดินไปสอบถามว่าเป็นใครมาทำอะไร จากนั้น 1 ในกลุ่มดังกล่าวได้พูดออกมาว่า "คุณอย่ามายุ่ง" ซึ่งตนก็ตอบไปว่าไม่ยุ่งไม่ได้ จึงได้นำมือถือมาถ่ายไว้เป็นหลักฐาน
จากนั้นมีชายแต่งตัวดี เดินมาหาก่อนก้มหน้าลงมาพร้อมพูดว่า "ชื่ออะไรล่ะ" จากนั้นก็ได้ใช้หน้าผากกระแทกใส่ที่หน้าตนแล้วพูดว่า "อูย ขอโทษ ๆ ลม ๆ" ตนมารู้ทีหลังว่าคนที่ใช้หน้าผากกระแทกตนเป็นถึงรองผู้ว่าการเคหะแห่งชาติ ซึ่งตนมองว่าการกระทำดังกล่าวไม่เหมาะเพราะตนเป็นผู้หญิง และยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
ด้านนายเรืองยศ กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ บริษัทตนซึ่งเป็นบริษัทเอกชน ได้รับสัมปทานในการบริหารโครงการเคหะชุมชนนวมินทร์ ซ.นวมินทร์ 139 ซึ่งมีทั้งหมด 10 อาคาร จำนวนกว่า 1,700 ห้อง โดยตนได้เข้ามาทำการระงับการจ่ายไฟลูกบ้านที่ค้างชำระค่าเช่ากว่านานกว่า 4 เดือน จำนวน 11 ห้อง ต่อมามีเจ้าหน้าที่ของการเคหะเข้ามาพูดคุย แต่พูดคุยกันไม่รู้เรื่อง จากนั้นมีเจ้าหน้าที่การเคหะใช้เครื่องมือมางัดตู้ไฟ จนเกิดการกระทบกระทั่งกัน
ตนยืนยันว่าการระงับไฟลูกบ้านเป็นไปตามระเบียบ ในฐานะผู้ได้รับสัมปทาน ถึงแม้ทางบริษัทจะหมดสัญญาไปตั้งแต่ปี 2561 แต่ยังไม่ได้มีการส่งมอบกรรมสิทธิ์คืนให้กับการเคหะฯ ก็ยังถือว่า ทางบริษัทยังมีสิทธิในการดูแลอาคารทั้งหมด การที่แม่บ้านถ่ายคลิปหรือภาพถ่ายบุคคลที่เข้ามาในอาคารก็ถือว่ากระทำได้ในฐานะผู้ดูแล
การเคหะแจงแล้ว
เดลินิวส์ออนไลน์ รายงานว่า เรืออากาศโท ชัยรัตน์ ทองบริบูรณ์ รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า เป็นอุบัติเหตุระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนที่เป็นผู้อาศัย มิได้มีเจตนาทำร้ายคู่กรณีแต่อย่างใด
โดยจุดเริ่มต้นของเรื่องคือ การเคหะแห่งชาติได้รับร้องเรียนจากประชาชนที่อาศัยในโครงการเคหะดังกล่าวว่า ถูกตัดกระแสไฟฟ้า การเคหะจึงมอบทนายความไปกับเจ้าทุกข์ เพื่อเจรจากับการไฟฟ้านครหลวง เขตนวลจันทร์ว่า ตัดกระแสไฟฟ้าด้วยเหตุผลใด ซึ่งการไฟฟ้าก็บอกว่า ไม่ได้เป็นคนตัดกระแสไฟฟ้านี้ ตนจึงเดินทางเข้าไปแจ้งความที่ สน.โคกคราม แจ้งความว่า มิเตอร์ไฟฟ้าของการเคหะแห่งชาติถูกตัด แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นคนกระทำ ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่เดือดร้อน
ต่อมา ไปสอบถามกับบริษัทเอกชนดังกล่าว ซึ่งทางนั้นก็ยอมรับว่าเป็นคนตัดไฟเอง ทั้งที่มิเตอร์ไฟฟ้าเป็นของการเคหะแห่งชาติ และลูกบ้านได้ชำระค่าไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าโดยตรง ดังนั้น ตนกับเจ้าหน้าที่จึงต้องไปยังห้องไฟฟ้ารวมของอาคารเกิดเหตุ เพื่อต่อมิเตอร์ไฟฟ้าให้กับประชาชนจำนวนหลายอาคาร (อาคารชุดสูง 5 ชั้น) แต่ห้องไฟฟ้ารวมกลับล็อกกุญแจเอาไว้ จึงต้องถอดกุญแจออก และวางกุญแจไว้บริเวณหน้าประตู ต่อไฟให้ และติดป้ายประกาศว่า เป็นทรัพย์สินของการเคหะแห่งชาติ
เหตุการณ์ในคลิปเป็นยังไง
หลังจากนั้น บริษัทเอกชนได้สั่งให้แม่บ้านราว 8-10 คน และลูกน้อง 3-4 คน พยายามขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การเคหะแห่งชาติไม่ให้ขึ้นอาคาร และเดินตามถ่ายวิดีโอตลอดเวลา เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ต่อมิเตอร์สำเร็จ
ส่วนเหตุการณ์ในคลิปคือ แม่บ้านคนนั้นมาขัดขวางและถ่ายคลิป ตนจึงถามชื่อ พร้อมทั้งก้มหน้าเปิดโปรแกรมเพื่อจะบันทึกชื่อในโทรศัพท์นำไปแจ้งความต่อ แต่ด้วยความเร่งรีบ ทำให้ใบหน้าตนไปชนกับกล้องโทรศัพท์ของแม่บ้านพอดี ซึ่งตนก็ได้ขอโทษแล้ว ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายตามที่เป็นข่าว และแม่บ้านก็ไม่ได้รับบาดเจ็บหรือทรัพย์สินเสียหาย







