ทนายษิทรา เผยเบื้องลึกปมออกหมายจับลุงพล จ่อเอาผิดตำรวจปมแจ้งจับและไม่รับมอบตัว ชี้ ทำเกินกว่าเหตุ ยัน ลุงพลไม่เคยหนี
จากกรณีที่นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ถูกออกหมายจับ 3 ข้อหา ในคดีน้องชมพู่ ต่อมาศาลอนุญาตประกันตัวลุงพลโดยวางหลักทรัพย์ 1.8 แสนบาท มีเงื่อนไขห้ามหลบหนี ข่มขู่พยานหรือยุ่งเหยิงต่อพยานหลักฐาน ก่อเหตุอันตรายประการอื่น และห้ามออกนอกประเทศเว้นแต่รับอนุญาต ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
อ่านข่าว : แม่น้องชมพู่ค้านประกันตัว ลุงพล - แฟนคลับยังรัก บนรูปปั้นพญานาค ขอให้ได้ประกัน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 6 มิถุนายน 2564 ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ซึ่งเป็นทนายของลุงพล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โดยระบุข้อความว่า "#เบื้องลึกประกันตัวลุงพล พร้อมตอบทุกคำถามเวลา 13.00 น. เจอกันที่ช่องยูทูบ ทนายตั้มษิทรา แล้วพบกันนะครับ"
ต่อมา ทนายตั้มได้ไลฟ์ผ่านยูทูบ ทนายตั้มษิทรา ระบุว่า ตนรู้กระแสข่าวนานแล้วว่าจะมีการออกหมายจับลุงพล และเคยยื่นคำร้องต่อศาลแล้วว่าถ้ามีการออกหมายจับต้องมีการไต่สวนก่อน แต่ทุกอย่างก็เงียบไป กระทั่งวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ครบรอบ 1 ปี ของคดีน้องชมพู่ ก่อนหน้านี้ตนก็ได้คุยกับลุงพลว่าจะให้มอบตัวผ่านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพราะทาง ผบ.ตร. เป็นคนดูแลเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่มอบตัวที่นั่น ตนได้ติดต่อไปทางโฆษก ตร. ก่อนจะมอบตัว อีกฝ่ายก็บอกให้เข้ามาเลย ไม่มีการดักจับกลางทางแน่นอน
ภาพจาก ทนายตั้มษิทรา
ทนายตั้ม เผยอีกว่า ก่อนเข้ามอบตัวมีท่านผู้การโทร. มาบอกว่าไม่สามารถมอบตัวที่ สตช. ได้ เพราะเป็นนโยบายของ ผบ.ตร. ให้ไปมอบตัวที่ สน.ปทุมวัน แต่มีคนแจ้งว่าทาง สน. มีการเตรียมกำลังตำรวจไว้แล้ว ตนจึงพาลุงพลไปมอบตัวที่ สตช. โดยแจ้งนักข่าวและไปตามนัด ให้ลุงพลตามเข้ามา แต่สุดท้ายผิดคิว ลุงพลเดินไปที่โถงกลางและอยู่กับ ผบ.ตร. ตนยืนยันว่าไม่ได้แอบเพราะเข้าไปตามที่แจ้งไว้ แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งใช้อำนาจเข้าจับกุม ทั้งที่มามอบตัวก่อนจะเดินทางไปที่ จ.มุกดาหาร
เมื่อถึง สภ.มุกดาหาร ผบช.ภาค 4 ก็เดินทางมาด้วยตัวเอง ตนก็แจ้งไปว่าลูกน้องของท่านออกหมายจับอันเป็นเท็จ ท่านฟังแต่คงไม่ทำอะไร แต่ตนจะร้องศาลเรื่องเจ้าหน้าที่ละเมิดอำนาจศาลและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เมื่อถึงตอนยื่นประกันตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจและแม่น้องชมพู่ค้านประกันตัว โดยยื่นพยานมาทั้งหมด 5 ปาก ซึ่งแม่น้องชมพู่ให้การว่ากลัวถูกลุงพลทำร้าย
ภาพจาก ทนายตั้มษิทรา
ทนายตั้ม ยืนยันว่า ลุงพลไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับพยานเลย ลุงพลจะไปทำร้ายทำไม นอกจากนี้พยานอีกปากก็ให้การว่าเคยถูกลุงพลข่มขู่ทำร้าย ซึ่งแค่ลุงพลทำท่ายกไหล่เลยคิดว่าลุงพลข่มขู่ ส่วนพยานปากสุดท้ายเป็นตำรวจยศ พ.ต.ท. ซึ่งให้การว่าลุงพลหลบหนีหมายจับ ตนจึงถามว่าหมายจับนั้นท่านเป็นคนให้นักข่าวใช่ไหม นายตำรวจท่านนั้นบอกว่าไม่ได้ให้ นั่นหมายความว่าลุงพลก็ต้องไม่ทราบหมายจับ จะหาว่าลุงพลหลบหนีไม่ได้
นอกจากนี้ ทนายตั้มยังบอกอีกว่า ตนวางข้อกำหนดกับศาลว่าหากลุงพลหลบหนี ข่มขู่ หรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน สามารถถอนเงินประกันและจับเข้าคุกได้ทันที กระทั่งได้รับการประกันตัว จริง ๆ ตนอยากให้เรื่องนี้เป็นแบบอย่าง ซึ่งได้ติดต่อกับนายสิระ เจนจาคะ ให้นำเรื่องนี้เข้าสู่กรรมาธิการในเรื่องที่ตำรวจทำไม่ถูกต้อง ดำเนินคดีต่อในกรณีที่ตำรวจแจ้งจับและไม่รับมอบตัว พร้อมทั้งพยายามจะเดินเรื่องแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก ทนายตั้มษิทรา
จากกรณีที่นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ถูกออกหมายจับ 3 ข้อหา ในคดีน้องชมพู่ ต่อมาศาลอนุญาตประกันตัวลุงพลโดยวางหลักทรัพย์ 1.8 แสนบาท มีเงื่อนไขห้ามหลบหนี ข่มขู่พยานหรือยุ่งเหยิงต่อพยานหลักฐาน ก่อเหตุอันตรายประการอื่น และห้ามออกนอกประเทศเว้นแต่รับอนุญาต ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
อ่านข่าว : แม่น้องชมพู่ค้านประกันตัว ลุงพล - แฟนคลับยังรัก บนรูปปั้นพญานาค ขอให้ได้ประกัน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 6 มิถุนายน 2564 ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ซึ่งเป็นทนายของลุงพล ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โดยระบุข้อความว่า "#เบื้องลึกประกันตัวลุงพล พร้อมตอบทุกคำถามเวลา 13.00 น. เจอกันที่ช่องยูทูบ ทนายตั้มษิทรา แล้วพบกันนะครับ"
ต่อมา ทนายตั้มได้ไลฟ์ผ่านยูทูบ ทนายตั้มษิทรา ระบุว่า ตนรู้กระแสข่าวนานแล้วว่าจะมีการออกหมายจับลุงพล และเคยยื่นคำร้องต่อศาลแล้วว่าถ้ามีการออกหมายจับต้องมีการไต่สวนก่อน แต่ทุกอย่างก็เงียบไป กระทั่งวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ครบรอบ 1 ปี ของคดีน้องชมพู่ ก่อนหน้านี้ตนก็ได้คุยกับลุงพลว่าจะให้มอบตัวผ่านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพราะทาง ผบ.ตร. เป็นคนดูแลเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่มอบตัวที่นั่น ตนได้ติดต่อไปทางโฆษก ตร. ก่อนจะมอบตัว อีกฝ่ายก็บอกให้เข้ามาเลย ไม่มีการดักจับกลางทางแน่นอน
ภาพจาก ทนายตั้มษิทรา
ทนายตั้ม เผยอีกว่า ก่อนเข้ามอบตัวมีท่านผู้การโทร. มาบอกว่าไม่สามารถมอบตัวที่ สตช. ได้ เพราะเป็นนโยบายของ ผบ.ตร. ให้ไปมอบตัวที่ สน.ปทุมวัน แต่มีคนแจ้งว่าทาง สน. มีการเตรียมกำลังตำรวจไว้แล้ว ตนจึงพาลุงพลไปมอบตัวที่ สตช. โดยแจ้งนักข่าวและไปตามนัด ให้ลุงพลตามเข้ามา แต่สุดท้ายผิดคิว ลุงพลเดินไปที่โถงกลางและอยู่กับ ผบ.ตร. ตนยืนยันว่าไม่ได้แอบเพราะเข้าไปตามที่แจ้งไว้ แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งใช้อำนาจเข้าจับกุม ทั้งที่มามอบตัวก่อนจะเดินทางไปที่ จ.มุกดาหาร
เมื่อถึง สภ.มุกดาหาร ผบช.ภาค 4 ก็เดินทางมาด้วยตัวเอง ตนก็แจ้งไปว่าลูกน้องของท่านออกหมายจับอันเป็นเท็จ ท่านฟังแต่คงไม่ทำอะไร แต่ตนจะร้องศาลเรื่องเจ้าหน้าที่ละเมิดอำนาจศาลและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เมื่อถึงตอนยื่นประกันตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจและแม่น้องชมพู่ค้านประกันตัว โดยยื่นพยานมาทั้งหมด 5 ปาก ซึ่งแม่น้องชมพู่ให้การว่ากลัวถูกลุงพลทำร้าย
ภาพจาก ทนายตั้มษิทรา
ทนายตั้ม ยืนยันว่า ลุงพลไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับพยานเลย ลุงพลจะไปทำร้ายทำไม นอกจากนี้พยานอีกปากก็ให้การว่าเคยถูกลุงพลข่มขู่ทำร้าย ซึ่งแค่ลุงพลทำท่ายกไหล่เลยคิดว่าลุงพลข่มขู่ ส่วนพยานปากสุดท้ายเป็นตำรวจยศ พ.ต.ท. ซึ่งให้การว่าลุงพลหลบหนีหมายจับ ตนจึงถามว่าหมายจับนั้นท่านเป็นคนให้นักข่าวใช่ไหม นายตำรวจท่านนั้นบอกว่าไม่ได้ให้ นั่นหมายความว่าลุงพลก็ต้องไม่ทราบหมายจับ จะหาว่าลุงพลหลบหนีไม่ได้
นอกจากนี้ ทนายตั้มยังบอกอีกว่า ตนวางข้อกำหนดกับศาลว่าหากลุงพลหลบหนี ข่มขู่ หรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน สามารถถอนเงินประกันและจับเข้าคุกได้ทันที กระทั่งได้รับการประกันตัว จริง ๆ ตนอยากให้เรื่องนี้เป็นแบบอย่าง ซึ่งได้ติดต่อกับนายสิระ เจนจาคะ ให้นำเรื่องนี้เข้าสู่กรรมาธิการในเรื่องที่ตำรวจทำไม่ถูกต้อง ดำเนินคดีต่อในกรณีที่ตำรวจแจ้งจับและไม่รับมอบตัว พร้อมทั้งพยายามจะเดินเรื่องแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก ทนายตั้มษิทรา