เปิดไทม์ไลน์ อดีตทหารเกณฑ์ ฆ่า พนง. เซเว่น บุกยิงคนไข้ รพ.สนาม หนีลงใต้ควักปืนขู่เด็กปั๊มกระเจิง ท้าแจ้งตำรวจ วิ่งเพชรเกษม 130 กม. แถมผ่านด่าน ไร้สกัดจับ จนถึงบ้านที่ระนอง
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 25 มิถุนายน 2564 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานเรียงลำดับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ จนกระทั่งมีการบุกยิงคนเสียชีวิตถึง 2 สถานที่ โดยมีไทม์ไลน์ดังนี้
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3
วันที่ 23 มิถุนายน 2564
22.00 น.
นายกวิน ผู้ก่อเหตุ เป็นอดีตทหารเกณฑ์ค่ายเอราวัณ จ.ลพบุรี เข้าไปซื้อเบียร์ที่ร้าน 7-11 ในซอยลาดพร้าว 25 ก่อนทำขวดเบียร์ตกแตก และไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์แต่จะจ่ายเงินเฉพาะขวดที่ซื้อ แต่พนักงานยืนยันว่าต้องรับผิดชอบขวดที่แตกด้วย ทำให้มีปากเสียงกัน ก่อนที่จะมีพนักงานคนอื่นจะมาช่วยพูดจาตกลงกัน โดยยอมให้ไม่ต้องชำระค่าเบียร์ที่แตก
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3
วันที่ 24 มิถุนายน 2564
02.30 น.คนร้ายกลับมาที่ร้านอีกครั้งพร้อมกับอาวุธปืน เมื่อเข้ามาถึงก็ถามหาพนักงานที่มีปากเสียงกันคือ นายรัฐวิทย์ สันติคุปตพงษ์ อายุ 32 ปี ก่อนจะกระหน่ำยิงใส่ จนล้มไปหลังเคาน์เตอร์ จะเดินออกจากร้านไป
03.00 น.
คนร้ายบุกยิงผู้ป่วยโควิดเสียชีวิตภายในโรงพยาบาลสนาม สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี ถนนพหลโยธินขาเข้า ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โดยผู้เสียชีวิตคือนายสุขสันต์ อายุ 54 ปี เป็นผู้ป่วยโควิด 19 ซึ่งภายในเตียงนอนของโรงพยาบาลสนาม ยังมีผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาโควิดอยู่ในอาการตื่นตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐาน คาดว่าคนร้ายน่าจะไม่รู้จักกับคนตายมาก่อน เพราะมีการยิงปืนหลายจุดเช่น ประตูทางเข้าของอาคาร และทางเข้าห้องผู้ป่วย ส่วนผู้ตายเพิ่งเดินออกจากห้องน้ำมาแต่มาเจอกับคนร้ายจึงถูกยิง หลังก่อเหตุคนร้ายขับรถกระบะยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นวีโก้ สีขาว หลบหนีไป
คนร้ายแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มแห่งหนึ่ง ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ แล้วใช้ปืนจี้พนักงานเพื่อจะไม่จ่ายเงิน ก่อนจะขับหนีออกมา โดย นายภานุชาติ อายุ 27 ปี พนักงานเติมน้ำมัน เล่าว่าขณะกำลังจะเก็บเงิน สังเกตคนร้ายก้มค้นหาสิ่งของภายในรถ จากนั้นได้หยิบปืนขึ้นมาขู่ พร้อมแจ้งว่าเพิ่งก่อเหตุยิงคนตาย 2 ศพ ที่กรุงเทพฯ ไม่มีเงินจ่าย และได้ท้าทายเด็กปั๊มให้แจ้งตำรวจได้ทันที ทำให้พนักงานปั๊มน้ำมันทั้งหมดที่เห็นเหตุการณ์หลายคนวิ่งหนีแตกกระเจิงด้วยความตกใจ
"ตื่นเต้น ตกใจ หนูยืนอยู่ตรงนี้ คนอื่นเขาไปหมดแล้ว หนูยังไม่ได้ไปไหนเลย"
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3
09.30 น.
คนร้ายแวะจี้ร้านขายของชำ ที่ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง บังคับเอาบุหรี่และเบียร์ ก่อนจะเข้าไปที่บ้านญาติ ที่อยู่ไม่ห่างกัน โดยเจ้าของร้านเล่าว่า คนร้ายมาซื้อบุหรี่ 1 ซองราคา 65 บาท แต่ไม่จ่ายเงิน บอกว่าขอนะ ไม่มีเงินจ่าย ตอนแรกตนไม่ยอม แต่คนร้ายบอกว่าเพิ่งก่อคดี พร้อมกับควักปืนขึ้นมา เมื่อเห็นก็ตกใจมาก จึงบอกว่าอยากเอาอะไรก็เอาไป จนคนร้ายหยิบเบียร์ไปด้วย 2 ขวด
หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.ต. จิรภพ ภูริเดช รองผบช.ก. พร้อมกำลังหน่วยหนุมานของกองปราบปราม ชุดสยบไพรี บช.ปส. และชุดสืบสวน กก.5.บก.ป. ที่มีความชำนาญและอีกหลายหน่วย ช่วยกันติดตามนำกำลังเข้าปิดล้อมบ้านหลังหนึ่งใน จ.ระนอง ที่คนร้ายหลบซ่อนตัวอยู่
ตำรวจเข้าปิดล้อมกดดัน โดยใช้เวลาปิดล้อมแล้วกว่า 2 ชั่วโมง ผู้ก่อเหตุซึ่งหลบซ่อนอยู่ในบ้านของย่า วัย 80 ปี ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง บางช่วงคนร้ายมีความเคลื่อนไหว คือ ใช้ปืนยิงออกมาเพื่อข่มขู่เจ้าหน้าที่ไม่ให้บุกเข้าไปในตัวบ้าน
ญาติของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ขณะกำลังดูแลย่าที่นอนป่วยติดเตียง ผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ได้ขับกระบะเข้ามาจอดบริเวณข้างบ้าน ก่อนจะยิงปืนขึ้นฟ้าระบายอารมณ์ 2-3 นัด ตนตกใจกลัวจึงวิ่งหนีออกมาไม่ทันได้พูดคุยอะไร ส่วนคนร้ายเข้าไปอยู่ในบ้านแต่ไม่ได้ทำร้ายย่า
เจ้าหน้าที่ได้เริ่มเคลื่อนไหวจัดกำลังเข้าปิดล้อมในระยะประชิดตัวบ้านมากขึ้นเพื่อดำเนินแผนการในขั้นต่อไป จนในที่สุดคนร้ายที่ถูกกดดัน ตัดสินใจเดินออกจากบ้าน ชูมือขอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งภายหลังถูกจับกุมไม่นาน คนร้ายได้ระบุว่า ขอโทษกับสิ่งที่ได้ทำลงไป
จากการตรวจสอบในบ้าน พบอาวุธปืน ขนาด 9 มม. กับปืนลูกโม่ .38 ก่อนที่จะคุมตัวไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.ปากน้ำ จ.ระนอง และนำตัวมายังกรุงเทพฯ
ประเด็นหลังคนร้ายหนีจากกรุงเทพฯ ลงไปที่ จ.ระนอง
สำนักข่าวไทย รายงานว่า ในโลกออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์เรื่องความมาตรการจับกุมที่ล่าช้า เพราะเส้นทางคนร้ายขับหลบหนีจากปทุมธานี ขับมาบนถนนเพชรเกษม ตั้งแต่ ต.คลองวาฬ ผ่านด่านมั่นคง 24 ชั่วโมง ถึงเขตรอยต่อ อ.ปะทิว จ.ชุมพร ระยะทางกว่า 130 กิโลเมตร แต่ไม่มีการสกัดจับคนร้ายแต่อย่างใด
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3