ยายวัย 81 ปี วอนขอความช่วยเหลือ บริจาคที่ดิน 14 ล้านบาท สร้างสถานปฏิบัติธรรม แต่กลับถูกเจ้าสำนักไล่ที่ แถมถูกลงพรหมฑัณท์ ต้องดื่มน้ำมันมะกอกก่อนจึงจะเข้ามาขอขมาได้
โดยยายแหล่ม เล่าว่า ตนและญาติพี่น้อง
ชอบทำบุญและปฏิบัติธรรม มักจะชวนกันเหมารถไปปฏิบัติธรรม ฟังเทศน์ตามวัดต่าง
ๆ และศรัทธาในแนวทางสันติอโศก ที่ จ.ตาก
มีสถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่งที่ตนและญาติมักจะไปปฏิบัติธรรม บ่อย ๆ
จนกระทั่งเมื่อได้ฟังเทศน์จากพระมหาร้อยธรรม รู้สึกซาบซึ้งจับใจ
เกิดความศรัทธาอย่างแรงกล้า
เมื่อกลับมาบ้านผู้ที่ไปร่วมปฏิบัติธรรมด้วยกันจึงเสนอให้สร้างที่พักสงฆ์ในที่ดิน
จำนวน 10 ไร่ของตน ซึ่งเคยมีเศรษฐีมาขอซื้อในราคา 14 ล้านบาท แต่ตนไม่ขาย
เพราะไม่เดือดร้อนเรื่องเงินทอง ไม่มีหนี้สิน ไม่มีสามีและลูก
ตนเพียงแค่ตนถามและอธิบายข้อข้องใจในบางเรื่องกลับถูกดุ และต้องถูกลงพรหมฑัณท์ โดยการปฏิบัติลดละอัตตา 4 เดือน และต้องดื่มกินน้ำมันมะกอกก่อนจึงจะเข้ามาขอขมาได้ แต่ตนไม่ยอมกิน ท้ายที่สุดออกปากไล่ไม่ให้อยู่ภายในบริเวณสำนักฯ ซึ่งเคยเป็นที่ดินของตนที่สร้างถวายให้ ตอนนี้ทราบว่า ที่ดินดังกล่าวตกเป็นทรัพย์สินของมูลนิธิปฐพีพุทธ ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ที่ตนต้องการบริจาคถวายให้สันติอโศก จึงต้องการให้แก้ไขเปลี่ยนแปลงตามความตั้งใจเดิม และขอให้พระมหาร้อยธรรมออกไปอยู่ที่อื่น
ภาพจาก ข่าวช่องวัน
อย่างชาวไร่อ้อยคนหนึ่งเมื่อพระรู้ว่ามีรายได้หลักแสนบาทก็จะชวนให้นำเงินมาทำบุญ บางคนขายที่ดินนำเงินมาถวายเป็นล้าน โดยลูกหลานมารู้ทีหลังได้แต่บ่นให้ตนฟัง แม้แต่แม่ยายตนเอง ยังจะขายที่ดินมูลค่า 3 ล้านบาท แล้วจะนำเงินมาทำบุญ 1 ล้านบาท แต่ยังขายไม่ได้ จึงโดนทวงถามถึงเงิน 1 ล้าน ชาวบ้านแถวนี้ที่เคยหลงมาทำบุญเริ่มลดน้อยลงจนเหลือแต่คนมาจากที่อื่น และที่เห็นว่าผิดปกติคือคนมาปฏิบัติธรรมแต่กลับมีความผิดต้องได้รับโทษ เดินจงกรมตากแดด ต้องดื่มน้ำมันมะกอกเพื่อให้ได้เข้ามาขอขมา ซึ่งเป็นเรื่องแปลกในพุทธศาสนามีการกระทำแบบนี้ด้วยหรือ
ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่องวัน