ปคบ. ร่วม อย. ทลายโรงงานผลิตเครื่องสำอางเถื่อน ผสมสารเคมีอันตราย กระตุ้นผิวขาวใส รวดเร็ว แต่สุดท้ายหน้าพังถาวร พบกวนครีมกันเลยหลังบ้าน แปะป้ายหลายแบรนด์ เตือนอันตรายห้ามใช้เด็ดขาด
โดยสถานที่ดังกล่าวเป็นบ้านปูน 2 ชั้น ชั้นล่าง 1 ห้อง ชั้นบน 2 ห้อง
ถูกทำเป็นโรงงานผลิตเครื่องสำอางปลอม
พื้นที่ทั้งหมดถูกแบ่งเป็นห้องสำหรับกวนครีม และเป็นที่เก็บส่วนผสมต่าง ๆ
เช่น สารสเตียรอยด์ ยาแก้อักเสบ ครีมเบส สีไม่ทราบชนิด หัวน้ำหอม
โดยมีเครื่องกวนครีมจำนวน 1 เครื่อง ส่วนอีกห้องเป็นห้องสำหรับบรรจุครีม
มีกระปุกครีมจำนวนมาก มีพนักงานกำลังกวนครีม 4 คน และ น.ส.พาณี ปิตโต อายุ
52 ปี เจ้าของโรงงานดังกล่าว กำลังควมคุมการทำงานด้วยตนเอง

น.ส.พาณี ให้การว่า ตนเคยทำงานเป็นเซลล์ขายเครื่องสำอาง เห็นว่าครีมลักษณะดังกล่าวขายดีติดตลาด จึงออกมาผสมครีมขายเอง โดยเช่าบ้านหลังดังกล่าวเพื่อใช้สำหรับกวนครีมเองมานาน 4 ปีแล้ว โดยการซื้อครีมเบส มาผสมกับสีและหัวน้ำหอม เพื่อแต่งกลิ่น สี และผสมสารอันตราย เช่น สารปรอท หรือไฮโดรควิโนน กรดวิตามินเอเข้าไป แต่ช่วงหลังสาร 2 ตัวนี้หายาก จึงปรับสูตรไปใส่สารสเตียรอยด์ ก่อนจะนำไปติดฉลากยี่ห้อ หรือสวมยี่ห้อที่เคยโด่งดังในตลาด ส่งขายให้กับยี่ปั๊ว 4 เจ้า โดยเน้นขายในพื้นที่ต่างจังหวัดทั่วประเทศ
หลังสอบสวนเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการแจ้งข้อหา ผลิตเครื่องสำอางที่สงสัยว่ามีวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสม ผลิตเครื่องสำอางไม่จดแจ้ง ผลิตเครื่องสำอางที่ใช้ฉลากไม่ถูกต้อง และจะขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงิน จับกุมยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ที่รับครีมเหล่านี้ไปขายต่อด้วย
ด้าน ภญ.สุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการ อย. กล่าวว่า ครีมของกลางที่พบนี้ ล้วนมีลักษณะเข้าข่ายมีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ ปรอท สารไฮโดรควิโนน กรดเรทิโนอิก ที่เคยสั่งห้ามใช้ และแจ้งเตือนประชาชนหลายครั้ง โดยก่อนหน้านี้เคยจับมาแล้วเมื่อปี 52 และประกาศห้ามใช้ เพราะมีสารอันตรายต่อร่างกาย แม้จะเห็นผลเร็ว แต่เมื่อใช้ไประยะหนึ่ง จากผิวที่ดูขาวจะกลายเป็นดำคล้ำ เกิดภาวะผิวบาง และฝ้าถาวร หากเป็นสิวก็เสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย ยิ่งไปกว่านั้น หากรายใดที่เกิดรอยแผลถาวรก็จะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ จึงขอเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงใช้ครีมดังกล่าวอย่างเด็ดขาด

ภาพจาก โพลิสทีวี