ย้อนข่าว พิม แฟนทอย เมื่อปี 63 ถูกแฟนเก่าที่คบกันมา 5 ปี ทำร้ายร่างกายจนสมองเคลื่อน ถูกทำร้ายบ่อยจนคนอื่นคิดว่าเป็นเรื่องปกติ จนเป็นที่มาของอาการป่วยซึมเศร้า ไบโพลาร์ ก่อนที่พิมจะถูกทอยทอยแทงจนเสียชีวิตอีก
จากกรณีข่าวเศร้าที่ ทอยทอย ธนภัทร นักแสดงจากซีรีส์วายชื่อดัง ทะเลาะวิวาท และก่อเหตุแทง พิม ชัชสรัญ แฟนสาวกว่า 20 แผลจนเสียชีวิต นอกจากนี้ยังพบว่า ก่อนหน้านี้ พิม แฟนสาวทอยทอย เคยต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาล เนื่องมาจากโรคซึมเศร้า เพราะพิมเคยถูกอดีตแฟน ที่ไม่ใช่ทอยทอย ทำร้ายมาแล้ว
อ่านข่าว : เปิดโพสต์ พิม แฟนทอยทอย ธนภัทร พ้อเคยถูกคนรักทำร้าย จนเป็นซึมเศร้า - ไบโพลาร์
อ่านข่าว : ทอยทอย ธนภัทร นักแสดงดัง ใช้มีดแทงแฟน 20 แผลจนตาย หลังทะเลาะรุนแรง
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2563 พิม เคยออกมาเปิดเผยว่าเธอถูกแฟนหนุ่มที่คบหามา 5 ปี ทำร้ายร่างกาย ซึ่งฝ่ายชายก็นอกใจเธอหลายครั้ง แต่เธอก็รักเขาจึงยอมทน และขอเลิก ทว่า ฝ่ายชายก็ง้อมาตลอด ทำให้เธอใจอ่อนและยอมกลับไปคบ แต่ก็ยังถูกทำร้ายร่างกายเหมือนเดิม
พิม เล่าว่า หลายครั้งที่ชนวนของการทะเลาะ มาจากเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่การทะเลาะและทำร้ายร่างกายแต่ละครั้งนั้น รุนแรงและใหญ่โต พิมเคยถูกแฟนคนนี้ทำร้ายร่างกายจนสมองเคลื่อน และจากการที่ถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจอยู่บ่อยครั้ง ก่อให้เกิดบาดแผลทั้งร่างกายและจิตใจ บางครั้งที่เกิดการทำร้ายร่างกายในที่สาธารณะ แม้เธอจะพยายามร้องขอความช่วยเหลือ แต่ก็ไม่มีใครช่วยเพราะเธอกับแฟนทะเลาะกันบ่อยจนคนอื่นคิดว่าอาจจะเป็นเรื่องปกติ
สุดท้าย พิมก็เอาตัวเองออกมาจากแฟนคนนั้นได้ และเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา พิมก็ได้โพสต์ว่าพิมได้ฟ้องหย่ากับอดีตสามีแล้ว (ไม่แน่ชัดว่าคนเดียวกันกับแฟนที่ทำร้ายพิมหรือไม่ - ผู้เขียน) ทว่า บาดแผลจากการถูกทำร้ายก็ยังคงอยู่กับพิม สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้พิมป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและไบโพลาร์ และเป็นมานานกว่า 2 ปี จากการที่เธอถูกทำร้ายจากคนที่เธอรักตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
อ่านข่าว : สาวเล่าชีวิต ถูกแฟนทำร้าย 5 ปี จนสมองเคลื่อน-ซึมเศร้า ยอมทนเพราะรัก จนถึงจุดที่เกินรับ

สำหรับใครที่กำลังอยู่ในความสัมพันธ์ที่มีการทำร้าย ทารุณทั้งทางร่างกายและจิตใจ (abusive relationship) ต้องรีบเอาตัวเองออกมาโดยด่วน ก่อนที่จะเกิดอะไรไปมากกว่านี้ เพราะพฤติกรรมความรุนแรงที่เกิดขึ้นอาจจะไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ (toxic relationship) แต่มันคือสัญญาณเตือนที่อันตรายถึงชีวิต หากอีกฝ่ายไม่ปรับเปลี่ยน ทางออกที่ดีที่สุดของความสัมพันธ์แบบนี้คือการที่เราต้องเดินออกมาให้ได้ ซึ่งเราก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ยืนอยู่จุดนี้ ขอให้เข้มแข็ง รักและเมตตาตัวเองให้มาก ๆ นะคะ







