แม่พิม ยันลูกไม่เคยเข้าครัว ไม่มีทางรู้ที่ซ่อนมีด มีแค่แม่กับ ทอยทอย ที่รู้ที่เก็บ ด้านเพื่อนสนิท เผยอีกมุม พิม เรียกทอยทอย มาเป็นเด็กเอน ค่าตัว 5,000 บาท รู้จักกันแค่ 13 วัน ยังไงก็ไม่ใช่แฟน
จากกรณีที่ ทอยทอย ธนภัทร นักแสดงชื่อดังจาก Why r u the series
เพราะรักใช่เปล่า ก่อเหตุใช้มีดแทง พิม ชัชสรัญ เสียชีวิต
โดยพบบาดแผลถูกแทงที่หน้าอกกว่า 20 แผล ซึ่งตามข่าวมีการระบุว่า พิม
และ ทอยทอย เป็นแฟนกัน และคบหากันได้ 1 เดือน
อ่านข่าว : ทอยทอย ธนภัทร นักแสดงดัง ใช้มีดแทงแฟน 20 แผลจนตาย หลังทะเลาะรุนแรง
โดย แม่ตั๊ก ได้ออกมาเปิดเผยว่า ทอยทอยกับพิม รู้จักกันแค่ 13 วันเท่านั้น และไม่เชื่อว่าเป็นแฟนกัน ส่วนอาวุธที่ใช้ฆ่า มีแค่แม่กับทอยทอยเท่านั้นที่รู้ว่าเก็บไว้ที่ไหน
แม่ : ก่อนหน้านั้นไม่รู้จัก รู้จักเพราะลูกสาวอยู่กับหลานแค่ 2 คน สามีไปกักตัว ก็เป็นห่วงว่ากลางคืนเขาจะอยู่ยังไง เพราะเขาอยู่กับคุณแม่ ปกติแม่อยู่กับพิม นอนค้างด้วยกัน
ทอยทอยเข้ามาได้ยังไง ?
แม่ : เขาบอกว่ามีน้องกับเพื่อนที่ช่วงที่ไม่มีงานทำ ไม่มีเงินจ่ายค่าคอนโด
ช่วงที่แม่ไปอยู่กับเจ๊พลอย ให้เขามาอยู่เป็นเพื่อนได้ไหม ขอห้องแม่ให้ทอยอยู่ แล้วมีเพื่อนผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่รู้จักทั้งพิมและทอย
อยู่ในบ้าน 3 คน ตอนนั้นขออนุญาตแม่แล้วค่ะ ซึ่งแม่ก็อนุญาตค่ะ
เพื่อนผู้หญิงอยู่ในบ้านด้วยไหม ?
แม่ : วันนั้นไม่อยู่ เขามีปัญหาส่วนตัวก็กลับไปบ้านแถวรัตนาธิเบศร์ แล้วบอกจะกลับมาตอนกลางคืน แต่เขาไม่สบาย ไม่ได้กลับมาในคืนนั้น
ทอยเข้ามาอยู่ในบ้านพิมกี่วัน ?
แม่ : 28 กรกฎาคม 2564 ค่ะ
อยู่แค่ไม่กี่วัน ประมาณ 10 กว่าวันแค่นั้นเองเหรอ ?
แม่ : ใช่ค่ะ
ก่อนหน้านั้นแม่ก็ไม่รู้จัก พี่สาวสนิทพิมไหม ?
พลอย : สนิทค่ะ บ้านเราสนิทกัน มีอะไรคุยกันอยู่แล้ว
น้องเคยเล่าเรื่องทอยให้ฟังไหม ?
พลอย : ไม่เคยค่ะ มารู้จักกันวันที่ทอยจะเข้าบ้านไป พอดีว่าทอยกับพิม และผู้หญิงอีกคน เขาช่วยขนเสื้อผ้าแม่มา ระหว่างแม่มาอยู่บ้านพลอย พิมก็แนะนำว่าน้องเป็นดารา รู้จักแค่นั้นเอง
ถ้ามีแฟน น้องสาวแนะนำให้รู้จักไหม ?
แม่ : เขาจะบอกแม่หมดค่ะ เขาไม่เคยปิดบังแม่สักครั้ง ถ้าเขารักชอบคนไหนจะไม่ปิดบัง เขาจะบอกเลย แต่อย่างทอยเขาบอกว่ายังไม่ใช่แฟนน้อง แต่ต่อไปเดี๋ยวค่อยว่ากัน แต่ ณ เวลานั้นเขาบอกว่าไม่ใช่แฟนน้อง เขาสงสารน้อง น้องไม่มีงาน
ฝั่งลิป เป็นเพื่อนพิม เห็นลิปโพสต์ข้อความแล้วสะดุดใจมาก ลิปยืนยันว่าเขาไม่ใช่แฟน คบแค่ 13 วัน ?
ลิป : ใช่ครับ เขาตกลงกันยังไงผมไม่รู้ แต่ระยะเวลาแค่ 13 วัน ไม่สามารถเป็นแฟนกันได้ ยังไม่รู้จักนิสัยใจคอกันเลย
เขารู้จักกันได้ยังไง ?
ลิป : ลิปรู้วันแรกที่เขารู้จักกัน วันนั้นพิมไปถ่ายแบบ ผมไปด้วย ตอนกลางวันมีเมโดลลิ่งคนหนึ่ง ผมไม่รู้ชื่ออะไร วันที่ 24 กรกฎาคม 2564 ตอนเที่ยง มีโมเดลลิ่งทักมาหาพิมว่าช่วยรับน้องคนนี้ไปทำงานด้วยได้ไหม พิมถามทำงานอะไร เขาให้ผมดูแชตทุกอย่าง โมฯ บอกว่างานเอน เห็นพิมมีแบ็กดี ตอนนี้น้องไม่มีเงินจ่ายค่าคอนโดแล้ว
คำว่ารับงานเอน ใครเป็นคนพูด ?
ลิป : โมเดลลิ่งครับ
ลิป : ใช่ครับ เรื่องวันนั้นมีรู้ไม่กี่คน ความจริงวันนั้นทอยทอยมาในฐานะทำงานเอนเตอร์เทนพิม และเพื่อน ๆ ที่อยู่ในนั้นอีก 2 คน หลังจากนั้นพิมก็ลงสตอรี่คู่ทอยตลอดในโคลสเฟรนด์ ผมก็ทักไปว่าติดเด็กแล้วเหรอ พิมก็ตอบปกติย่ะ แล้วผ่านไป พิมก็ถ่ายสตอรี่พาเขาไปอยู่บ้านแล้ว ผมก็งงว่าทำไมพาไปเร็วจัง แต่ก่อนหน้านั้นเคยเตือนพิมแล้วว่าอย่าพาใครเข้าบ้าน เพราะพิมเขาเป็นแบบนี้ เวลารู้สึกดี รักใคร เขาเต็มที่ไม่ว่าจะเพื่อนหรือแฟน เขาช่วยเหลือทุกคนถ้าใครลำบาก
คิดว่า 2 คนนี้รู้สึกรักกันไหม ?
ลิป : ถ้ามองในความรู้สึก พิมรักคนแล้วทุ่ม เขาอาจจะรักและรู้สึกดี แต่ใช้ระยะเวลาในการดูไปก่อน แต่ถ้ามองมุมมองของทอย ผมว่าเขาไม่ได้เข้าหาพิมด้วยความรู้สึกรัก ถ้าเขารักพิมจริง คนเรารักกันถ้าทะเลาะกัน สมมุติพิมเป็นคนถือมีดเข้ามาอย่างที่เขาอ้าง
ขอย้อนไปว่าจากคำให้การ ทางฝั่งทอยทอยให้ปากคำว่าตัวเขาเองนั่งดื่มเบียร์กับพิมด้านล่าง มีปัญหาทะเลาะกัน แล้วขึ้นไปพูดคุยด้านบน สาเหตุพิมต้องการให้ทอยทอยออกจากวงการบันเทิง หลังจากนั้นตัวเขาเองไม่ยอม พิมเลยบอกให้ออกจากบ้านไป ทอยก็เก็บของ พิมหยิบมีดจะทำร้ายเขา ก็มีการยื้อแย่งกันแล้วมีดหล่นอะไรสักอย่าง ทอยลุแก่โทสะในการแทง ประมาณนี้ ในมุมลิปบอกว่าไม่น่าเป็นอย่างนั้น ?
ลิป : ไม่น่าครับ ถ้าพิมถือมีดอย่างที่เขาอ้างจริง ถ้าทอยรักพิมเขาต้องยอมแล้ว ไม่ใช่เดินไปแย่งมีดจากมือ เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าพิมมีโรคประจำตัวคือยังไง ก่อนหน้านั้นรุ่นพี่ผู้หญิงอีกคนที่อยู่ด้วยก็เคยเตือนทอยแล้ว ถ้ารับไม่ได้อย่าเดินเข้ามาในชีวิตพิม ทอยก็บอกว่ารับได้ แต่พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้จริง ๆ ทำไมถึงใช้กำลังในการทำร้ายพิมแบบนั้น
แม่ : ไม่เชื่อค่ะ ลูกไม่เคยเดินเข้าครัวค่ะ แล้วลูกสายตาสั้น หาของอะไรไม่เจอ ของอะไรก็แล้วแต่ถ้าแม่เปลี่ยนที่ปุ๊บเขาหาไม่เจอเลย แล้วเขาเป็นคนที่ถ้าไม่เจอก็ไม่หา จะโทร. ถามแม่
มีดที่ใช้ก่อเหตุ เป็นมีดที่คุณแม่ใช้ทำอาหาร ?
แม่ : คืนก่อนเกิดเหตุ วันนั้นทอยก็มาช่วย พอดีมีดมันไม่คม ก็เอามีดอันนี้มาช่วยหั่นผัก แม่ล้างเก็บแล้วซ่อนไว้เหมือนเดิม
ทอยเอามีดเล่มนี้หั่นผักก่อนวันสังหารพิม ทำไมแม่ต้องซ่อน ?
แม่ : ใจแม่ คนมาในบ้านก็เป็นห่วง ไม่รู้ลูกรู้จักแค่ไหน แม่แค่เผื่อไว้ อะไรที่มีคมก็เอาหลบ ๆ ไว้ ไม่วางไว้ให้เห็นง่าย ๆ เอาไปซ่อน เอาที่จับไมโครเวฟบังไว้ ไม่หยิบฉวยง่าย ๆ อย่างนี้ค่ะ
แม่ : มีแค่ทอยคนเดียว ยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ เพราะพิมไม่เข้าครัว
พลอย : ถ้าพิมเข้าไปในครัว โดยธรรมชาติคนไม่เข้าครัว เขาต้องหาก่อน อย่างน้อยถ้าเขาควานหาอะไรสักอย่างก่อนเจอมีดเล่มนั้น ถ้าแม่เก็บไว้มิดชิด แต่ในครัวมันปกติมาก ไม่มีร่องรอยการรื้อ
แม่ : ของปกติมาก ไม่กระจัดกระจาย
ถ้าพิมไม่รู้ต้องไปค้นหาก่อน รื้อค้นไม่มี ?
แม่ : ใช่ค่ะ
แต่คนน่าจะรู้ และหยิบมาได้เลย ?
แม่ : คือทอยค่ะ
พลอย : อันนี้เป็นการตั้งข้อสังเกตของครอบครัวนะคะ
แม่ : เพราะมีดเล่มนี้พิมไม่เห็นนานแล้ว เขายังถามเลยว่ามีดที่แม่ซื้อมาใหม่คม ๆ เอาไปไว้ที่ไหนจะหั่นของ มีแต่มีดไม่คม แม่ก็บอกว่าไม่รู้อยู่ไหน เดี๋ยวหาให้
แม่ : ไม่เคยค่ะ เขาแอดไลน์มาเอง แม่ไม่เคยคุยกับเขา เพราะเพิ่งเข้าบ้านมาได้ไม่กี่วัน
นี่คือไลน์ที่เขาส่งมาวันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม 2564 เวลา 23.12 น. "แม่ครับขอโทษนะที่ผิดสัญญาที่ให้ไว้จะดูแลพี่พิมให้ดี หนูคงทำไม่ได้ ขอบคุณที่ดูแลผม" นี่คือเขาส่งมา พอเข้าสู่วันที่ 6 สิงหาคม 2564 เวลา 02.28 น. เขาโทร. หาแม่ แต่แม่ไม่ได้รับสาย เวลานั้นเป็นเวลาที่เขาก่อเหตุไปแล้ว เขาก่อเหตุตอนตี 1 ตี 2 พยายามติดต่อแม่ 5 ทุ่มก่อนเกิดเหตุเขาก็โทร. หาแม่ ไม่รู้เขาก่อเหตุไปก่อนหรือยังด้วย ตัวเขาเอง เคยสัญญากับแม่เหรอว่าจะดูแล ?
แม่ : ไม่ค่ะ เวลาแม่จะออกจากบ้านตอนเย็น แม่จะบอกว่าดูแลกันดี ๆ นะ แม่ไปแล้ว ผู้หญิงที่อยู่ด้วยอีกคนแม่ก็จะบอกแบบนี้
ฝั่งทอยทอยจะพูดอะไรก็ได้ เพราะคนตายตายไปแล้ว ทุกอย่างจะถูกฟ้องด้วยหลักฐานทั้งหมด ขอถามเรื่องอาการน้องพิม น้องไม่สบาย ?
พลอย : ไม่สบายจริงค่ะ เป็นโรคซึมเศร้าและโรคไบโพลาร์ ซึ่งมีการรักษาต่อเนื่องมา 2 ปี ระหว่างนี้เราไม่ปฏิเสธว่าน้องเคยมีความคิดที่จะพยายามฆ่าตัวตาย แต่ทุกครั้งที่ทำเขาก็ทานยาที่คุณหมอจ่ายโรคซึมเศร้า ยานอนหลับ บางครั้งแม่ยังบอกว่าบางทีเขาก็กลัวตายเหมือนกัน บางทีทานยาไปแล้วโทร. บอกเพื่อนให้พาไปหาหมอ จริงค่ะที่เขาเคยมีความคิดจะฆ่าตัวตาย แต่ทางเราเชื่อเหลือเกินว่าไม่ใช่ทางที่พิมเลือกแน่นอนกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่มีทางเอามีดมาแทงหน้าอกตัวเอง ขนาดเขาเคยฆ่าตัวตาย แม่ถาม เขาเคยบอกแม่ว่าเขากลัวไม่สวย
แม่ : เขาบอกเขาเป็นคนสวย ถ้าจะตายขอเป็นคนสวยแม่ เขาอารมณ์ดี ๆ พูดเล่น ๆ ติดตลก
แม่ : เป็นตุ๊กตาที่เขาชอบ เขาเข้าฝันให้เล่นกับตุ๊กตาเขาหน่อย เดี๋ยวเขาเหงา (ร้องไห้) เขาไว้ที่หัวเตียง น้องพิมรักครอบครัว รักหลาน ตัวหนึ่งที่รักมาก หลานขอก็ให้หลานไป แล้วเขาซื้อใหม่ เมื่อคืนเขาบอกว่าให้เล่นตุ๊กตาเขาหน่อยนะ
แม่ฝันถึงน้องพิมเมื่อคืน เลยเอาติดตัวตลอด วันนี้ก็อยากให้เขามาด้วย ?
แม่ : ใช่ค่ะ พอดีตัวนี้อยู่บนเตียง ก็หยิบตัวนี้มา เราคิดว่าคงอยากให้เอาตัวนี้มา (เสียงสั่นเครือ)
หลายคนอาจตั้งข้อสงสัย เป็นไปได้ไหม พิมอยู่บ้านแต่ไม่เคยเข้าครัวเป็นสิบปี ไม่ใช่ไม่เคยเข้าเลย ?
แม่ : ใช่ค่ะ ไม่เคยค่ะ เข้าไปก็แค่กดน้ำร้อนใส่มาม่าคัพเท่านั้นเอง ทำอาหารไม่เคยเลย จุดแก๊สไม่เป็นค่ะ
มีคนอาจตั้งข้อสงสัยว่าทำไมแม่ต้องซ่อนมีด แม่บอกว่าเพราะมีดมันคม แม่เอาที่จับไมโครเวฟบังเอาไว้ ซ่อนเอาไว้ กลัวจะมีการไปหยิบมาแล้วมันจะไม่ดี ?
แม่ : เห็นมีคนอื่นมาอยู่ในบ้าน อะไรที่เป็นอาวุธก็เก็บเอาไว้อยู่แล้วค่ะ
เพิ่งมาอยู่ได้แค่ 13 วัน แม่ยืนยันว่าคนหยิบมีดน่าจะเป็นทอยทอยเพราะเขารู้ เพราะเขาทำกับข้าวกับแม่เป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นแม่ออกจากบ้านไป ?
แม่ : ทอยออกจากบ้านไปก่อน แล้วแม่ออกไปอยู่กับพลอย ทอยทอยกลับมาในบ้านอีกที
แฟนคลับอาจไม่เข้าใจ พิมไม่เคยเข้าครัวเลยเหรออยู่เป็นสิบปี แม่เอามีดไปซ่อนทำไม ไม่ให้ลูกผิดเลยเหรอ มีคนคิดแบบนั้น ยืนยันว่าการรู้จักกันครั้งนี้ไม่ได้เริ่มจากความรัก เกิดจากโมเดลลิ่งแนะนำมา ?
ลิป : ยืนยัน ผมเห็นแชตทุกอย่าง พิมเอาให้ผมดูเองว่ามีโมเดลลิ่งทักมา เป็นดาราจะให้เรียกมางานวันนี้ ผมว่าไม่ต้องเรียกหรอก อยู่กินกันเองดีกว่า เพื่อน ๆ ก็คอยเตือนกัน พิมเขาก็แซวว่าจะเรียกดีไหม วันนั้นผมกลับก่อน พอกลับถึงห้องเห็นสตอรี่ว่าพิมเรียกเขามาแล้ว ก็ปกติดีเหมือนที่เคยกินสังสรรค์กันทั่วไป อยู่ ๆ อีกวันพิมเขาลงสตอรี่อีก ก็อ้าว ชอบกันหรือเปล่า แต่วันแรกที่เขามาสถานะเป็นเด็กเอนครับ โมเดลลิ่งยังบอกว่าช่วยรับน้องไปทำงานหน่อย น้องไม่มีเงินจ่ายค่าคอนโดแล้ว ตกลงเรื่องเวลางานกัน ราคาทั้งหมดที่เสนอมาคือ 5,000 บาท ผมยังรู้เลยว่าเขาแบ่งให้โม 1,000 บาท อีก 4,000 บาทให้ทอยทอย
เพราะฉะนั้นยืนยันว่าเขาไม่ใช่แฟน ?
ลิป : ไม่ใช่ครับ
เดชา : ฟังจากญาติผู้เสียหายพูด เขาก็พูดตามข้อเท็จจริง คือคดีนี้ไม่ต้องไปสนใจอะไรมาก คดีแบบนี้เกิดขึ้นศาลเยอะ ผมเคยทำคดีประเภทสามีฆ่าภรรยาตาย ลักษณะคล้าย ๆ แบบนี้ ศาลสั่งจำคุกตลอดชีวิต เขาก็สู้ว่าป้องกันตัว บันดาลโทสะ แต่ศาลไม่เชื่อ การต่อสู้ว่าบันดาลโทสะหรือป้องกันตัวจะพูดอะไรก็พูด ศาลไม่ฟัง แต่มันง่ายในการกล่าวอ้าง ข้อเสียคดีนี้มีเรื่องเดียวคือไม่มีประจักษ์พยานในที่เกิดเหตุ แต่ทุกวันนี้ศาลยุติธรรมไทยพัฒนาไปไกลแล้ว ใช้นิติวิทยาศาสตร์หมด หลักการพิจารณาว่าเจตนาฆ่าหรือไม่ เขามี 4 อย่าง ดูจากอาวุธ อย่างมีดยาว 9 นิ้ว แหลมแทงคนตายไหม ทำให้ตายได้ ก็ใช่แล้วหนึ่ง สอง แทงไปที่อวัยวะ บริเวณปอด อย่างนี้ก็ชัดเจน สำคัญโดนแล้วตาย สาม สำคัญคือบาดแผล โอ้โหโดนตั้ง 20 แผล แผลลึกเท่าไหร่ ยังไง อันนี้ชัด
สุดท้ายพฤติการณ์ในการกระทำความผิด ทำซ้ำ ๆ รอยบาดแผลจำนวนมาก เต็มหน้าอกไปหมดอย่างที่ฟังจากญาติคนตายพูด ก็เข้าครบ 4 หลักเลย สุดท้ายตัวเองยอมรับในที่เกิดเหตุ แล้วแจ้งตำรวจเอง ทุกสิ่งทุกอย่าง มีด เลือด ดีเอ็นเอ อะไรต่าง ๆ ยอมรับหมด ที่บอกว่าป้องกัน บันดาลโทสะ ต้องมีพยานหลักฐานประกอบ แต่ที่เกิดเหตุไม่พบการกระจัดกระจาย แสดงว่าไม่มีร่องรอยการต่อสู้
ห้องไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ?
พลอย : ไม่มีเลยค่ะ ทุกอย่างเรียบร้อย ปกติเลยค่ะ ซึ่งถ้าเกิดการยื้อแย่งมีดกันจริง ต้องมีการเคลื่อนไหวตัว ห้องแคบ ๆ อย่างนั้น ทีวีหรือของต้องมีการกระจัดกระจายบ้าง แต่นี่เข้าไปมีแค่เลือดตรงที่น้องเสียชีวิต ถ้าแย่งกันของก็ตกแล้ว แต่นี่ทำขนาดนั้นจะไม่มีอะไรกระจัดกระจายเลยเหรอ
ณ วันนี้ 2 มุมพูดไม่เหมือนกัน ฝั่งโน้นบอกว่าพิมถือมีดขึ้นไป แม่บอกว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะแม่เก็บมีดคนเดียว กับทอยทอยที่รู้ เพราะทอยทอยช่วยแม่หั่นของ ช่วยแม่ทำอาหาร เก็บมีดตรงไหน รู้กัน 2 คน ?
เดชา : คำพูดผู้ต้องหาจะพูดอะไรก็ได้ เพราะเขาต้องการเอาตัวรอด เขาปฏิเสธ ส่วนทนายความผู้ต้องหาต้องรักษาผลประโยชน์ผู้ต้องหา ไม่ต้องเก็บอะไรมาคิดเลย ถ้าให้การขัดกับพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุก็จบแล้ว ฟังไม่ขึ้น ไม่ต้องห่วงคดีนี้ มั่นใจที่พนักงานสอบสวนตั้งเจตนาฆ่า มาตรา 288 โทษสูงสุดคือประหารชีวิต
แม่ : แม่ขอไปเช็กกับทางธนาคารก่อนค่ะว่าโอนเข้าบัญชีใคร
เงิน 2 หมื่นบาท พิมยืมไปให้ใครคนหนึ่ง เดี๋ยวแม่จะไปตรวจดูว่าโอนเข้าบัญชีใคร อันนี้อาจเป็นสาเหตุหนึ่งหรือเปล่า ณ วันนี้ทอยปฏิเสธข้อกล่าวหา จะไปให้การในชั้นศาล ?
เดชา : ยิ่งให้การในชั้นศาลแสดงว่ามีพิรุธสิ ความจริงเป็นอย่างไร
โดยสุจริตชนต้องให้การทันที จะไปให้การในศาลเพื่ออะไร
เพราะคุณบอกว่าคุณไม่ได้ฆ่าเขา ดังนั้นการให้การช้าหลังทนายไปเยี่ยมแล้ว
เวลาขึ้นศาล คำให้การเหล่านี้จะไม่มีน้ำหนักให้น่าเชื่อถือ
ถ้าบอกว่าไม่ได้ฆ่าก็ต้องให้การทันที จะไปกั๊กไว้ทำไม ตัวเองได้ประโยชน์
แม่บอกว่าวันเขาก่อเหตุ เขาไปเสียใจกับ รปภ. ?
แม่ : เขาไปกอด รปภ. บอกว่าเขาไม่ได้ตั้งใจแทง
เท่าที่ดูฟีดแบ็กจากการที่คุย หลายคนติดใจประเด็นน้องไม่เข้าครัว คำว่าไม่เข้าครัว หมายความว่าไม่ได้เข้าครัวทำกับข้าวหรือยังไง เพื่อให้หายคลางแคลงใจ ?
แม่ : ไม่เข้าเลยจริง ๆ ค่ะ
แม่ยืนยันว่าไม่เข้าเลย ?
แม่ : ค่ะ ล้างจานก็คุณแม่ เขาไม่เคยล้างจาน แม่ทำให้เขาหมด เขาจะนั่งอยู่แค่โต๊ะกับข้าว เวลาทานยารักษาโรคซึมเศร้า เขาก็จะนอน ส่วนใหญ่ก็จะนอน เข้าครัวนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย
พิมไม่รู้เลยเหรอว่ามีดอยู่ตรงไหน ?
แม่ : ไม่รู้ค่ะ
พลอย : คิดว่าไม่น่าจะรู้จริง ๆ ค่ะ เขาไม่เข้าไปเลย
แม่ : เวลาแม่ทำกับข้าว เขาก็อยู่แค่โต๊ะ แล้วก็ไปโซฟา
พลอย : ถ้ากรณีต้องมีการหา แต่ครัวไม่มีร่องรอยการรื้อของ หาของเลยค่ะ
แม่ : ขนาดจานข้าวแม่ก็เก็บให้ เขาไม่ทำอะไรเลย
พลอย : เขาไม่ล้างจานอะไรเลย
กลับมาถึงบ้านแม่ก็ทำข้าวให้กิน ?
แม่ : ใช่ค่ะ แล้วเขาก็ขึ้นห้องไป
ถ้ามีแฟนเขาจะเล่าให้ลิปฟังไหม ?
ลิป : เพื่อนพิมทุกคนรู้อยู่แล้วว่าพิมจริงใจแค่ไหนกับแฟนหรือเพื่อน รักใครเขาก็ทุ่มโดยไม่คิดไตร่ตรอง เขาอยากทำให้ดีที่สุด ทำให้ผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาไม่รู้มีเจตนาอะไรถึงเข้ามาหาพิม
เรื่องเอน อาจมีคนแย้งกลับมาได้ เรื่องการล็อกดาวน์ ?
ลิป : ล็อกดาวน์อยู่ได้ไม่เกิน 5 คน ตอนนั้นอยู่กัน 3 คน ไม่ได้จัดปาร์ตี้ใหญ่โต มานั่งกินกัน เพราะพิมเป็นคนขี้เหงาอยู่แล้ว เขาจะหาเพื่อนมาให้หายเหงา
บางคนไปขยายความ ไปแย้งบางเรื่อง นี่คือข้อเท็จจริงของครอบครัวเขาที่ประสบกันอยู่ มีหลักฐานไลน์ที่เขาคุยกันอยู่ ทนาย เรื่องนี้ไม่น่ามีการพลิก ?
เดชา : ยากครับ พยานหลักฐานมันชัด ผู้ต้องหาจะพูดก็เป็นแค่ความเห็น ดูเฉพาะบริเวณที่เกิดเหตุ ดูสภาพศพ โดยเลือด ก็จบแล้ว
มีเรื่องหนึ่ง ทอยส่งไลน์คุยกับเพื่อนคนหนึ่ง แล้วบอกว่าพิมไปขู่อาฆาตพ่อแม่เขา ?
เดชา : ไม่มีผลต่อรูปคดี อะไรก็แล้วแต่เป็นเหตุการณ์ที่ผู้ต้องหาทำขึ้น ข้อความแชต หลังเกิดเหตุ ไม่มีผลต่อรูปคดี คุณจะไปส่งแชตใช้ข้อความอะไรก็เรื่องของคุณ เพราะผู้ต้องหาทุกคนก็ดิ้นรนเอาตัวรอด ทำยังไงก็ได้ให้เอาตัวรอด
แม่รู้จักพ่อแม่เขาไหม ?
แม่ : ฟังจากปากทอย เขาเล่าว่าพ่อบวชเป็นพระอยู่พะเยา แม่อยู่ชลบุรี แค่นั้น
แม่ที่บอกว่าอโหสิกรรมให้ทอย อโหสิกรรมให้ แต่เรื่องกฎหมายก็ว่ากันต่อไป ถ้าทอยเขาอยากขอโทษแม่ ?
แม่ : แม่อโหสิให้ กังวลใจเรื่องข้อกฎหมายเหมือนกัน อยากให้ลูกได้ความยุติธรรมค่ะ
พลอยล่ะ ?
พลอย : เรื่องได้ประกันหรือไม่ก็สิทธิ์ของเขา ยังไงเขาก็ต้องชดใช้กรรมอยู่แล้ว แต่ถ้าตามกฎหมายก็อยากให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เขาควรได้ชดใช้กรรมของเขา
เห็นหลานของน้องพิม วันนั้นไปงานแล้วพูดส่งน้องพิมด้วย ?
พลอย : ใช่ค่ะ เขามีความผูกพันกัน ถ้าใครว่าครอบครัวเราไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีกัน พลอยพูดเลยว่าไม่ใช่ เรามีแม่เลี้ยงลูก 3 คน พวกเราผูกพันและรักกันมาก กับหลานพิมเขาก็น่ารักกับหลานมาก ๆ ค่ะ
เดชา : ครับ การที่ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ไม่ให้ประกันตัว มองว่าพฤติการณ์ร้ายแรง อัตราโทษสูง กลัวหลบหนี มันชัดเจนอยู่แล้วว่าหลักฐานพนักงานสอบสวนแน่นหนา เอาผิดคนร้ายได้
แม่อยากฝากอะไร ?
แม่ : ฝากถึงทอย อยากบอกว่าเขาทำอะไรรู้อยู่แก่ใจ และแม่ก็รู้ว่าลูกแม่ไม่มีวันทำในสิ่งที่เขากล่าวหา
พลอย : พลอยอยากพูดเรื่องกระแสสังคม ที่มองน้องที่เป็นโรคไม่ว่าจะซึมเศร้าหรือไบโพลาร์ จริงค่ะน้องเป็นโรค แต่ไม่ว่าคนปกติหรือคนมีโรคไบโพลาร์ ซึมเศร้า ไมได้หมายความว่าเขาสมควรต้องมาเจออะไรแบบนี้ แล้วคนที่บอกว่าน้องสาวหนูแทงตัวเอง คุณเคยลองแทงตัวเองไหม แทงแล้วคุณสามารถแทงซ้ำ ๆ จนหมดลมหายใจได้ไหมคะ ถ้าเรื่องนี้เกิดกับครอบครัวคุณ พวกคุณจะรู้สึกยังไง