ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เตรียมยื่นใบลาออก เผยสุขภาพแย่ โควิด 19 ทิ้งร่องรอยไว้มาก พ้อ เทศกาลโยกย้ายแต่กลับขอย้ายไม่ได้ ถึงผมอยากไปสุพรรณบุรี แต่นักการเมืองเขาไม่ยอมรับ
วันที่ 15 สิงหาคม 2564 นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้โพสต์ประกาศลาออก โดยระบุว่า ยามดีใช้ ยามไข้รักษา มีคนถามผมมาเยอะว่า ไม่ย้ายกับเขาเหรอไม่เห็นมีชื่อในคำสั่ง หรือว่าผมเกษียณปีนี้ อยากย้ายเช่นกันครับ เหตุผลของผมคือ สุขภาพผมไม่แข็งแรง ออกพื้นที่ได้ไม่มาก ไป-มาไม่สะดวก หลายคนเป็นห่วง ออกจากศิริราชแล้วร่างกายไม่เหมือนเดิมเลย โควิดทิ้งร่องรอยไว้เยอะมาก เหนื่อย ไอ จาม มีน้ำมูก หอบง่าย ล่าสุดมีอาการเกร็งด้านขวา ค่อนข้างมาก คุณหมอบอกว่าผมเครียดหนัก พักผ่อนน้อย ต้องถนอมชีวิตมากกว่านี้
ขณะที่งานในสมุทรสาครไม่เครียดคงไม่ได้ กระทรวงบอกว่าผมทำงานมากเกินไป จะย้ายให้ไปอยู่จังหวัดอื่นที่งานโควิดเบาขึ้น ผมเป็นห่วงชาวบ้าน ก่อนถึงฤดูโยกย้ายขอผมเป็นพนักพิงให้ชาวบ้านอุ่นใจก่อนว่า เรายังไม่หนีไปไหนพร้อมเผชิญเรื่องร้าย ๆ ไปด้วยกัน ผมเกษียณปีหน้าครับบอกคนใหญ่ในกระทรวง ถึงเหตุผลการย้ายมาจากสุขภาพร่างกายล้วน ๆ คำตอบที่ได้ตอนคำสั่งล่าสุด คือ ถึงผมอยากไปสุพรรณบุรี แต่นักการเมืองเขาไม่ยอมรับ (ซึ่งผมไม่รู้ว่าหมายถึงใคร) ผมไปไม่ได้แน่
ส่วนอ่างทอง เป็นจังหวัดเล็กเกินไป ย้ายจากสมุทรสาคร
ไปจังหวัดเล็กกว่าคงไม่เหมาะ อือม์…อยู่ศรีสะเกษ 22 อำเภอ สมุทรสาคร 3
อำเภอ ผมเข้าใจอะไรผิดเรื่องเล็กใหญ่แน่เลย ไปจังหวัดอื่นก็ลำบาก
อยู่สมุทรสาครต่อก็คงไม่ดี คนอยู่ที่นี่ควรจะแข็งแรงกว่าผม
ทำงานได้คล่องแคล่วกว่าผม ไม่มีปัญหาด้านสุขภาพเหมือนผม ผมคิดสะระตะในใจว่า
ผู้ว่าฯ สุพรรณบุรี เป็นกัลยาณมิตรที่ดีของผม ส่วนผู้ว่าอ่างทอง
เป็นอดีตเพื่อนร่วมงานที่ดีของผมเช่นกัน ผมคงไม่มีเหตุผลใดจะไปไล่ที่เขา
ผมเคยฝันว่า จะสามารถอยู่รับราชการได้จนถึงเกษียณอายุ เพราะคือจุดหมายปลายทาง ที่ข้าราชการทุกคนปรารถนา แต่วันนี้ ต้องยอมรับว่าเป็นได้แค่ในฝัน สาเหตุหลักมาจากการทุ่มเทให้กับงานมากไปนึกถึงคำของผู้ใหญ่ที่บอกว่า จะหาจังหวัดอื่นที่งานโควิดเบาขึ้น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้หาให้คำสั่งที่เห็นจึงไม่มีชื่อผมด้วย หลงคิดมานานว่าการจัดคนลงตำแหน่งเป็นเรื่องของกระทรวงเป็นหลัก หรือว่าผมไม่มีสีของสิงห์ใด ๆ นอกจากสีกากีของเครื่องแบบ
สีที่ผมพยายามใช้ เดินตามรอยพระบาทในหลวง ร.9 มาตลอดชีวิตการทำงาน นึกถึงคำของคุณหมอที่บอกหลังเห็นคำสั่งว่า ผมควรใช้ชีวิตก่อนเกษียณที่สงบกว่านี้ ลาออกเถอะ บ้านเมืองย่อมมีคนมาทำงานได้ อย่าไปห่วงจนเกินตัว
นึกถึงคำของลูกสาวที่ปลอบพ่อว่า พ่อต้องดูสุขภาพและความรู้สึกพ่อเป็นหลัก พ่ออยู่ในราชการอีกแค่ปีเดียว แต่อยู่ในชีวิตหลังเกษียณอีกหลายปี พ่อทำงานหนักมาตลอดชีวิตปีสุดท้ายของพ่อ น่าจะเลือกให้เหมาะกับสุขภาพพ่อเป็นสำคัญ มาถึงตรงนี้คนที่สนิทกัน คงรู้แล้วว่าผมเลือกจะทำยังไง จู่ ๆ ผมก็นึกถึงคำโบราณที่ว่า "ยามดีใช้ ยามไข้(ไม่)รักษา"
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Sakravee Srisangdharma
วันที่ 15 สิงหาคม 2564 นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้โพสต์ประกาศลาออก โดยระบุว่า ยามดีใช้ ยามไข้รักษา มีคนถามผมมาเยอะว่า ไม่ย้ายกับเขาเหรอไม่เห็นมีชื่อในคำสั่ง หรือว่าผมเกษียณปีนี้ อยากย้ายเช่นกันครับ เหตุผลของผมคือ สุขภาพผมไม่แข็งแรง ออกพื้นที่ได้ไม่มาก ไป-มาไม่สะดวก หลายคนเป็นห่วง ออกจากศิริราชแล้วร่างกายไม่เหมือนเดิมเลย โควิดทิ้งร่องรอยไว้เยอะมาก เหนื่อย ไอ จาม มีน้ำมูก หอบง่าย ล่าสุดมีอาการเกร็งด้านขวา ค่อนข้างมาก คุณหมอบอกว่าผมเครียดหนัก พักผ่อนน้อย ต้องถนอมชีวิตมากกว่านี้
ขณะที่งานในสมุทรสาครไม่เครียดคงไม่ได้ กระทรวงบอกว่าผมทำงานมากเกินไป จะย้ายให้ไปอยู่จังหวัดอื่นที่งานโควิดเบาขึ้น ผมเป็นห่วงชาวบ้าน ก่อนถึงฤดูโยกย้ายขอผมเป็นพนักพิงให้ชาวบ้านอุ่นใจก่อนว่า เรายังไม่หนีไปไหนพร้อมเผชิญเรื่องร้าย ๆ ไปด้วยกัน ผมเกษียณปีหน้าครับบอกคนใหญ่ในกระทรวง ถึงเหตุผลการย้ายมาจากสุขภาพร่างกายล้วน ๆ คำตอบที่ได้ตอนคำสั่งล่าสุด คือ ถึงผมอยากไปสุพรรณบุรี แต่นักการเมืองเขาไม่ยอมรับ (ซึ่งผมไม่รู้ว่าหมายถึงใคร) ผมไปไม่ได้แน่
ผมเคยฝันว่า จะสามารถอยู่รับราชการได้จนถึงเกษียณอายุ เพราะคือจุดหมายปลายทาง ที่ข้าราชการทุกคนปรารถนา แต่วันนี้ ต้องยอมรับว่าเป็นได้แค่ในฝัน สาเหตุหลักมาจากการทุ่มเทให้กับงานมากไปนึกถึงคำของผู้ใหญ่ที่บอกว่า จะหาจังหวัดอื่นที่งานโควิดเบาขึ้น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้หาให้คำสั่งที่เห็นจึงไม่มีชื่อผมด้วย หลงคิดมานานว่าการจัดคนลงตำแหน่งเป็นเรื่องของกระทรวงเป็นหลัก หรือว่าผมไม่มีสีของสิงห์ใด ๆ นอกจากสีกากีของเครื่องแบบ
สีที่ผมพยายามใช้ เดินตามรอยพระบาทในหลวง ร.9 มาตลอดชีวิตการทำงาน นึกถึงคำของคุณหมอที่บอกหลังเห็นคำสั่งว่า ผมควรใช้ชีวิตก่อนเกษียณที่สงบกว่านี้ ลาออกเถอะ บ้านเมืองย่อมมีคนมาทำงานได้ อย่าไปห่วงจนเกินตัว
นึกถึงคำของลูกสาวที่ปลอบพ่อว่า พ่อต้องดูสุขภาพและความรู้สึกพ่อเป็นหลัก พ่ออยู่ในราชการอีกแค่ปีเดียว แต่อยู่ในชีวิตหลังเกษียณอีกหลายปี พ่อทำงานหนักมาตลอดชีวิตปีสุดท้ายของพ่อ น่าจะเลือกให้เหมาะกับสุขภาพพ่อเป็นสำคัญ มาถึงตรงนี้คนที่สนิทกัน คงรู้แล้วว่าผมเลือกจะทำยังไง จู่ ๆ ผมก็นึกถึงคำโบราณที่ว่า "ยามดีใช้ ยามไข้(ไม่)รักษา"
>> อ่านข้อมูลและติดตามสถานการณ์ COVID 19 << ได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Sakravee Srisangdharma