ชูวิทย์ แฉเบื้องหลังผู้กำกับโจ้มอบตัว ความจริงไม่ได้หนีไปไหนเลย นั่งวางแผนกับผู้ใหญ่ที่กรุงเทพฯ พอได้แผนก็ขับรถมามอบตัวที่ชลบุรี ส่วนสาเหตุที่ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ก็เพื่อดึงเวลาไม่ให้คดีจบเร็ว สุดท้ายเชื่อว่า ผู้กำกับโจ้ไม่รอดคุก แต่ก็น่าจะได้ออกมาเร็ว
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
แม้ พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ จะถูกจับตัวไปแล้ว แต่คดีนี้ก็ยังมีปริศนาหลายจุดที่ยังไม่คลี่คลาย เช่น ใครเป็นคนขับรถมาส่งผู้กำกับโจ้ที่ สภ.แสนสุข จ.ชลบุรี และนอกจากคนขับรถสีขาวแล้ว ยังมีคนอื่นที่ช่วยเหลืออีกหรือไม่ รวมถึงสาเหตุที่ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาในชั้นสอบสวน มันมีเบื้องหลังอะไรหรือไม่
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
ชูวิทย์ ชี้ ผู้กำกับโจ้แบ็คดี นั่งวางแผนที่กรุงเทพฯ ไม่ได้หนีตามที่เป็นข่าว
ด้วยความที่ผู้กำกับโจ้มีแบ็คหนุนหลังดี ทำให้มันพิเศษตรงที่ จู่ ๆ ก็มามอบตัวถึงบางแสนคนเดียว โดยที่ไม่มีใครรู้ว่า มาได้ยังไง ใครพามา จำอะไรไม่ได้เลย
แถมก่อนมอบตัว มีข่าวลือต่าง ๆ นานา เช่น ข้ามชายแดนไปฝั่งเมียนมาแล้ว แต่ความจริงนั้น ผู้กำกับโจ้ไม่ได้หนีไปไหนเลย อยู่กรุงเทพฯ นั่งวางแผนในบ้านผู้ใหญ่ที่หนุนหลังอยู่ ได้แผนตามที่ต้องการ ก็ขับรถจากกรุงเทพฯ ไป สภ.แสนสุข เพื่อมอบตัว
หลังจากมอบตัว ก็สู้คดีในประเด็น กระทำเพื่อขยายผลในการค้นหายาเสพติดรายใหญ่ ไม่ได้มีเจตนาฆ่า ไม่ต้องการให้ผู้ต้องหาตาย แถมยังช่วยเหลือพาไปส่งโรงพยาบาลอีก เรื่องนี้ไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง เป็นการกระทำเพียงคนเดียว
รับจบคนเดียว "ยอมเจ็บอย่างเสือ ไม่เห่าอย่างหมา"
ชูวิทย์ เชื่อ ผู้กำกับโจ้ติดคุกแน่ แต่ออกมาเร็ว
ด้วยความที่ผู้กำกับโจ้กำของดีไว้ในมือ ไม่แฉลูกน้อง ไม่แฉเจ้านาย ทำงานเป็นลูกรัก จัดให้ผู้ใหญ่สม่ำเสมอ และตัวเองยังเหลืออีกบานเบอะ เชื่อว่าด้วยอิทธิฤทธิ์และปาฏิหาริย์ของกระบวนการกฎหมาย อาจไม่ช่วยให้ผู้กำกับโจ้รอดคุก แต่การติดคุกก็ไม่น่าจะนาน เมื่อออกจากคุกมาก็กลับมาทำงานต่อในฐานะเบื้องหลังได้ ไม่มีอะไรเสียหาย เพราะไม่ได้ฆ่าคนดี คนที่ตายคือผู้ต้องหายาเสพติดที่เป็นภัยต่อสังคม
ทั้งหมดนี้ จึงเป็นสาเหตุที่ ผู้กำกับโจ้ยืนกรานปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และใช้สิทธิต่อสู้ตามกระบวนการของกฎหมายแบบรู้งาน รู้ว่าตอนไหนต้องเร็ว ตอนไหนต้องช้า และวิน-วิน ทั้งสองฝ่าย
ผู้ใหญ่สามารถจับตัวผู้กำกับโจ้ได้ นำมาแถลงข่าวยอมรับต่อหน้ากล้อง แต่ถึงเวลากลับไม่รับสารภาพปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา ขอสู้คดี ทั้งที่หลักฐานภาพชัด เพราะถ้าไปยอมรับสารภาพ ก็จบเร็ว จบหนัก
จนสุดท้ายเรื่องนี้อาจจะจบแบบ จากหนักเป็นเบา จากเบาเป็นหาย
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์