หนุ่มสุดทน พ่อแม่ไม่เคยยอมรับสะใภ้ พร้อมเล่าจุดแตกหัก ตัดสัมพันธ์ หลังแอบตรวจดีเอ็นเอหลานเพราะระแวงแม่เด็ก คิดว่าลูกชู้ สงสัยทำเกินไปไหม ?
โดยเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2564 เว็บไซต์ indy100 รายงานว่า เจมส์ (นามสมมติ) ชายคนดังกล่าว ได้โพสต์เล่าเรื่องผ่านเว็บไซต์เรดดิท บอกว่าเขาเจอกับภรรยาคือ ซอนย่า (นามสมมติ) ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ ซึ่งเธอทำงานเป็นสาวเสิร์ฟอยู่ที่นั่น พวกเขาเริ่มคบหากันและตกลงที่จะแต่งงานเริ่มชีวิตคู่ แต่กลายเป็นว่าพ่อแม่ของเขาไม่ยอมรับในตัวผู้หญิงคนนี้ เพราะมองว่าเธอตั้งใจใช้เขาเป็นเครื่องมือขยับฐานะของตัวเองขึ้นมาให้บรรลุความฝัน
ความคิดแบบนั้นสร้างความขุ่นเคืองใจแก่เจมส์ เขาต่อว่าพ่อแม่ว่าเป็นพวกเหยียดเชื้อชาติ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังหวังว่าทั้งคู่จะเปลี่ยนใจ ทว่าสิ่งต่าง ๆ กลับยิ่งเลวร้ายลงเมื่อพ่อแม่ปฏิเสธไม่ยอมอวยพรให้คู่รักที่กำลังจะแต่งงาน เจมส์เลยตัดสินใจที่จะเชิญเพียงพี่ชายของตัวเอง และเพื่อนสนิทของซอนย่า มาเป็นสักขีพยานในงานแต่งงานของพวกเขาเท่านั้น
เป็นเวลา 2 ปีแล้วที่เจมส์กับซอนย่าใช้ชีวิตแต่งงานอย่างมีความสุข โดยที่ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับพ่อแม่ของเจมส์อีก อย่างไรก็ตาม ไม่นานมานี้ซอนย่าเพิ่งคลอดลูกชาย ทำให้คู่รักอยากเปิดโอกาสให้ปู่กับย่าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของหลาน และยอมให้พ่อแม่ของเจมส์มาดูลูกได้
"ภรรยาที่แสนใจดี ยินดีต้อนรับพ่อแม่ของผมเข้ามาในชีวิตเรา แล้วปล่อยให้พวกท่านเจอลูกชายของผม หลังเธอออกจากโรงพยาบาลเพียง 2 วัน" เจมส์ ระบุ
ความสัมพันธ์ของพวกเขาดูเหมือนจะก้าวหน้าขึ้น จนกระทั่งเจมส์บังเอิญไปได้ยินแม่ของเขากำลังพูดกับทารกน้อยว่า "ตาหนูนี่เป็นเด็กที่น่ารักที่สุดเลย ฉันดีใจจริง ๆ ที่ได้ยืนยันแล้วว่าหนูเป็นหลานแท้ ๆ ของฉัน"
เจมส์ตัดสินใจเผชิญหน้ากับแม่ทันที เขาอยากรู้ว่าการยืนยันที่ว่านั้นหมายถึงอะไร ซึ่งในที่สุดแม่ของเจมส์ก็ยอมสารภาพว่าพวกเขาแอบตรวจดีเอ็นเอของเด็ก เพื่อให้มั่นใจว่าเด็กคนนี้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับตัวเองจริง ๆ
"ตอนนั้นผมถึงกับจนคำพูด และก่อนที่ผมจะเริ่มความโกรธออกมา ผมหันไปบอกพ่อให้คืนลูกของผมมา และให้พวกเขาออกจากบ้านไปก่อนที่ผมจะหมดสิ้นความเคารพใด ๆ ที่ยังเหลืออยู่ในตัวพวกเขา"
เขายังเล่าอีกว่า แม่ของเขาทำทีเหมือนอยากจะขอโทษ แต่ยังอ้างว่าพวกเขาไม่ไว้ใจซอนย่า แถมทารกที่เกิดมาก็ยังดูไม่เหมือนกับเจมส์แม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม เจมส์ตัดสินใจจะปิดเรื่องที่เกิดขึ้นไว้ จนกระทั่งเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ จึงยอมเล่าให้ซอนย่าฟังเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว หลังจากเธอคอยถามเขาว่าเหตุใดพ่อกับแม่จึงไม่มาเยี่ยมหลานอีก
"เธอเริ่มร้องไห้ มันทำให้ผมใจสลาย" เจมส์ เผย
สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า แม้ซอนย่าจะพยายามเอาชนะใจพ่อแม่ของเจมส์อย่างไร ทั้งคู่ก็ยังคงไม่เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อสะใภ้คนนี้ ในที่สุดเจมส์กับซอนย่าก็ตัดสินใจไม่ปล่อยให้ทั้งคู่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในชีวิตของลูกของเขาอีกต่อไป
หลังจากเกิดเรื่องแม่ของเจมส์ยังคงโทร. มาถามว่าพวกเขาสามารถเข้ามาเยี่ยมหลานได้อีกตอนไหน แต่คำตอบจากเจมส์ก็คือ... "ผมบอกไปว่าพวกเขาไม่เป็นที่ต้อนรับในชีวิตของลูกชายผมอีก"
พ่อของเจมส์ก็ไม่พอใจเมื่อได้ทราบเรื่อง เขาโทร. มาต่อว่าเจมส์และเรียกลูกชายว่าเป็นคนเนรคุณและโหดร้าย
"พ่อยังพูดถึงภรรยาของผมอีกหลายคำ ซึ่งทำให้ผมยิ่งโกรธมากขึ้น แต่ผมไม่ทนฟังที่เหลือหรอกนะ ผมวางสายไปก่อน" เจมส์ เผย
ทั้งนี้ แม้จะตัดสินใจอย่างเด็ดขาด แต่เจมส์ก็ยังอยากรู้ว่าเขาทำเกินไปหรือไม่ ที่ตัดพ่อแม่ของตัวเองออกจากชีวิตเขา รวมถึงชีวิตของลูกชายเขา ซึ่งก็มีชาวเน็ตเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก โดยมีหลายคนเลือกที่จะเข้าข้างเจมส์ พร้อมตอกกลับถึงกลุ่มคนที่บอกว่าไม่ควรไปกีดกันความสัมพันธ์ของหลานกับปู่ย่า ชี้ว่าหากทั้งคู่แสดงท่าทางเหยียดชัดเจนต่อสะใภั ทั้งคู่ก็ยังคงพูดถึงความคิดแบบนั้นและทำให้เด็กรู้สึกแย่ในลักษณะที่ได้รับมาจากแม่
แถมยังเป็นไปได้ที่ทั้งคู่จะเอาแต่พูดจาแย่ ๆ เกี่ยวกับแม่ของเด็กให้เด็กฟัง ดังนั้นกับคนแบบนี้ก็อย่าปล่อยให้เข้ามาในชีวิตอีกต่อไปเลย