บอร์ด คปภ. มีการสั่งบริษัทเอเชียประกันภัย หยุดรับลูกค้าใหม่ หลังพบว่า มีฐานะการเงินไม่มั่นคง หนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน สภาพคล่องไม่เพียงพอต่อการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน นอกจากนี้ จะมีการตั้งเจ้าหน้าที่เข้าไปประจำบริษัท เพื่อควบคุมดูแลให้บริษัทดำเนินการเคลียร์ปัญหาการจ่ายสินไหมทดแทน
ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า บริษัทประกันแห่งหนึ่งมีการปลดพนักงาน เนื่องจากต้องลดภาระค่าใช้จ่ายในการหาทุนมาจ่ายค่าประกันโควิด 19 ของลูกค้า จนคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เข้าไปตรวจสอบ พบว่า บริษัทดังกล่าวยังไม่เจ๊ง อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ทำให้สังคมตระหนักได้ถึงสถานะทางการเงินของบริษัทประกัน ควรจะมั่นคงด้วย มิเช่นนั้นลูกค้าอาจจะเสี่ยงเสียผลประโยชน์ หากเกิดกรณีต้องจ่ายค่าประกันเยอะ ๆ
ล่าสุด วันที่ 24 กันยายน 2564 เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว รายงานว่า นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้บริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชน) หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2564 เป็นต้นไป เนื่องจากมีฐานะการเงินไม่มั่นคง มีประมาณหนี้สินเกินกว่าทรัพย์สิน มีสภาพคล่องไม่เพียงพอต่อการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน และปรากฏว่า อัตราส่วนของความเพียงพอของเงินกองทุนอาจจะต่ำกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ทำให้ไม่มั่นใจได้ว่าบริษัทมีความสามารถในการชำระหนี้ตามภาระผูกพันที่มีต่อผู้เอาประกันภัยหรือประชาชนได้ หรืออาจจ่ายค่าสินไหมทดแทนล่าช้า ซึ่งอาจจะกระทบต่อความน่าเชื่อถือของธุรกิจประกันภัยได้
นอกจากนี้ ยังมีการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย โดยการเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยไม่เป็นไปตามแบบ และข้อความที่ได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียน ดังนั้น จึงต้องสั่งให้บริษัทประกันภัยหยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว ห้ามเคลื่อนย้ายหรือจำหน่ายทรัพย์สิน และให้บริษัทเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาฐานะการเงินและการดำเนินงาน มีเงื่อนไขให้ปฏิบัติดังนี้
1. เพิ่มทุนหรือแก้ไขฐานะทางการเงินให้เพียงพอต่อภาระผูกพัน และให้มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนเพียงพอตามที่กฎหมายกำหนดภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันได้รับคำสั่ง ให้รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการทุก 7 วัน
2. จัดทำรายงานสรุปรายละเอียดของกรมธรรม์ประกันภัยที่บริษัทจะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้เอาประกันภัย ส่งรายงานให้ คปภ. ทุกวันนับตั้งแต่วันที่ทราบคำสั่ง และให้บันทึกรายการในสมุดทะเบียน สมุดบัญชี คำนวณและดำรงเงินสำรองประกันภัยให้ถูกต้อง ครบถ้วนตามกฎหมาย
3. บันทึกรายการทางทะเบียนแสดงรายการค่าสินไหมทดแทนให้ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นปัจจุบัน ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด
4. เร่งรัดการจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันภัยให้แก่ผู้เอาประกันภัยให้ครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
การออกคำสั่งนี้ ทำให้ คปภ. สามารถคุ้มครองสิทธิประโยชน์ประชาชนได้เต็มที่ สามารถเข้าไปควบคุมบริษัทได้เต็มพิกัด และจัดการเคลียร์ปัญหาการจ่ายสินไหมทดแทนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ประชาชนไม่ต้องกังวล เนื่องจากบริษัทยังต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามปกติ และอุตสาหกรรมประกันภัยในภาพรวมก็ไม่มีความเสี่ยงในเชิงระบบ พร้อมกันนี้ยังมีคำสั่งแต่งตั้งคณะเจ้าหน้าที่เข้าไปประจำที่บริษัท เพื่อควบคุมดูแลให้บริษัทดำเนินการตามเงื่อนไขที่นายทะเบียนกำหนดแล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
