สาวปฏิบัติธรรมคิดว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์ เตรียมละสังขาร 30 ตุลาคม 2564 วัดป่าสร้างโลงแก้วรอ ด้านพระมหาไพรวัลย์ เร่งช่วยเหลือเข้าพูดคุย แต่โดนสวนกลับ ลั่น ยังไม่ถึงแก่นแท้
จากกรณีที่ นายสันติ อายุ 33 ปี เข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวหลายสำนัก รวมทั้งนายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา กรณีที่แม่วัย 49 ปี ของตนมีความเชื่อในพิธีกรรมทางศาสนาเกี่ยวกับการละสังขาร คิดว่าตัวเองมีดวงจิต 2 ดวง ประทับอยู่ในร่าง คือ พระอริยะเจ้า และพระลูกแก้ว เชื่อว่าจะละสังขารในวันที่ 30 ตุลาคม 2564 โดยจะจบกิจที่วัดป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งทางวัดมีการสร้างโลงแก้วรอ นอกจากนี้ยังชวนลูกสาวอายุ 19 ละสังขารตามไปด้วยในช่วงเดือนมีนาคม 2565
เกี่ยวกับเรื่องนี้วันที่ 28 ตุลาคม 2564 พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ พระนักคิดนักเขียนชื่อดัง ได้ไลฟ์ผ่านเพจ พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ เพื่อพยายามจะพูดคุยกับหญิงวัย 49 ปี รายนี้ โดยพระมหาไพรวัลย์ ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับการละสังขารของพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งสมัยพุทธกาล และขอให้หญิงรายนี้มีชีวิตอยู่ต่อไปอีก เพื่อเป็นความสวยงามของตัวเอง ของลูกสาว หรือของใครก็ตามที่จะได้ประโยชน์จากการฟังธรรม
ด้านหญิงรายดังกล่าวระบุว่า ถ้าไม่ตายค่อยว่ากันใหม่ แต่ทุกคนก็ต้องตาย เมื่อถึงวาระเวลา เกิดมาตั้งแต่แรกเกิดก็ตายได้ ตายตั้งแต่อยู่ในท้องก็ตายได้ เพราะความตายเป็นเรื่องธรรมดาของสรรพสัตว์ทั้งหลายที่เกิดมาในโลกมนุษย์นี้ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ จะเห็นความตายเป็นเรื่องปกติธรรมดาเพราะมีการพิจารณาอสุภะอยู่เรื่อย ๆ เนือง ๆ บางคนยังดูไม่ออกเพราะยังไม่ถึงแก่นแท้ ถ้าถึงแก่นแท้จริง ๆ จะดูออก
หลังจากนั้น พระมหาไพรวัลย์ ได้คุยกับนายสันติ พร้อมระบุว่าขอให้ช่วยดูแลแม่อย่างใกล้ชิด อย่าให้คลาดสายตา เหมือนกับว่าเขาปักใจไปแล้ว โดยนายสินติ บอกว่าจะพาแม่กลับบ้าน โดยมีคนดูแล ถ้าปล่อยให้อยู่ที่นี่ด้วยสภาพแวดล้อมนั้นมีความกดดัน และแม่อยากทำอะไรก็จะพาเขาไป
พระมหาไพรวัลย์ ระบุว่ากรณีนี้น่าเป็นห่วงมาก และที่น่าเป็นห่วงคือพระที่สอนแนวคิดแบบนี้ให้หญิงรายนี้ อยากให้ติดตามหญิงรายนี้เพราะเป็นห่วงมาก ถ้าตอนนี้เขาอยากจะผ่อนคลายอะไรก็ให้เขาทำ เขาพูดเหมือนเขามั่นใจว่าถึงเวลาที่จะละสังขารแล้ว เพราะเขาบอกว่าเขากำหนดจิตได้ เหมือนว่าเขาเห็นตัวเขาว่าเป็นพระอริยะไปแล้ว ซึ่งในทางพระพุทธศาสนานั้นไม่มีทางเป็นได้เลย อันนี้น่าจะเป็นสัญญาวิปลาส (มีความจดจำเข้าใจคลาดเคลื่อน, มีความจำคลาดเคลื่อน, แลเห็นผิดจากที่เป็นจริง)
พระมหาไพรวัลย์ ระบุอีกว่า น่าเป็นห่วงมาก หลัง ๆ จะมีแบบนี้เยอะที่ปฏิบัติธรรมแล้วเห็นตัวเองเป็นพระอริยะ ก็จะมีการคิดแบบแปลก ๆ เช่นเห็นนู่นเห็นนี่ สื่อข้างในตัวเอง มีจิต 2-3 จิต รู้วัน รู้อนาคตล่วงหน้า ซึ่งในทางพระพุทธศาสนาไม่มีอย่างนี้
ด้านหมอปลา เผยว่า ตนไม่ได้จะตัดสินว่าหญิงรายนี้เป็นบ้า เพียงแต่อยากพามาหาพระมหาไพรวัลย์ให้รับรู้ถึงคำสอนทางพระพุทธศาสนา คำสอนที่เขาได้รับมานั้นผิดเพี้ยน หลังจากวันที่ 30 ตุลาคม 2564 นั้น ตนจะพาไปหาหมอทางวิทยาศาสตร์ แต่คราวนี้เราพยายามทำให้เขารู้ว่าวันที่ 30 ตามที่เขาเชื่อมันไม่มีจริง และการที่อยากให้เขานอนในห้องที่กล้องวงจรปิดก็เพื่อจะจับตาดูว่าเขามีความคิดที่จะทำร้ายตัวเองหรือเปล่า ซึ่งตนก็ช่วยเต็มที่แล้ว
พระมหาไพรวัลย์ เผยอีกว่า ตนพยายามจะช่วยพูดแล้ว ซึ่งหญิงคนดังกล่าวก็พูดดีมาก แต่ก็ถูกลูกสาวเขาตัดบทไปก่อน ตนก็ช่วยเท่าที่จะช่วยได้ ซึ่งลูกสาวเขาก็เชื่อเหมือนกัน ถ้าลูกสาวเขาไม่โอเคตนก็ช่วยได้ แต่เคสนี้ลูกสาวเขาก็เชื่อเหมือนกัน ตนก็ปล่อยให้เขาพูดเพราะอยากรู้วิธีคิดของเขา ทั้งนี้ หญิงรายดังกล่าวยืนยันว่าจะไม่ฆ่าตัวตาย แต่เขาบอกว่าเขาดูสังขารตัวเองแล้วว่าได้แค่นี้และจะเตรียมละสังขารตามที่กล่าว ซึ่งถ้าไม่ตายก็ค่อยว่ากันอีกที ซึ่งตนภาวนาให้เขาไม่ตาย และพยายามพูดว่าในเมื่อบรรลุแล้วก็ขอให้มีชีวิตอยู่ต่อเพื่อสร้างประโยชน์ต่อไป
ถ้าหากผ่านวันที่ 30 ตุลาคม ไปแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็นับว่าเป็นเรื่องดี แต่สิ่งที่กลัวที่สุดตอนนี้คือกลัวเขาทำร้ายตัวเอง เขาไม่ได้บอกว่าละสังขารว่าจะตายแบบไหน ถ้าพูดถึงการละสังขารคือการตายไปเองเลย เหมือนนอน ๆ อยู่แล้วตายไปเองเลย ไหลตาย หลับตาย ความน่ากลัวของเรื่องนี้อยู่ที่พระที่เผยแพร่ความเชื่อแบบนี้ เป็นพระที่เจอกระรอก เจอไก่ ก็ไหว้หมดทุกอย่าง
เรื่องนี้สำนักพุทธสามารถเข้ามาดูแลได้ถ้าหากพระที่เผยแพร่แนวคิดนี้ยังอยู่ ถ้ามีเคสที่โยมปฏิบัติตามคำสอนแบบนี้แล้วพิสูจน์ว่าโยมฆ่าตัวตาย ถือว่าคำสอนแบบนี้เป็นอันตราย เพราะเชื่อว่าบรรลุแล้วต้องกำหนดวันตาย เดี๋ยวก็จะกลายเป็นอุปทานหมู่พากันไปตายหมู่ อยากตายเพราะอยากเป็นพระอรหันต์ เพราะอยากให้คนอื่นมองว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์จริง ๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ
จากกรณีที่ นายสันติ อายุ 33 ปี เข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวหลายสำนัก รวมทั้งนายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา กรณีที่แม่วัย 49 ปี ของตนมีความเชื่อในพิธีกรรมทางศาสนาเกี่ยวกับการละสังขาร คิดว่าตัวเองมีดวงจิต 2 ดวง ประทับอยู่ในร่าง คือ พระอริยะเจ้า และพระลูกแก้ว เชื่อว่าจะละสังขารในวันที่ 30 ตุลาคม 2564 โดยจะจบกิจที่วัดป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งทางวัดมีการสร้างโลงแก้วรอ นอกจากนี้ยังชวนลูกสาวอายุ 19 ละสังขารตามไปด้วยในช่วงเดือนมีนาคม 2565
เกี่ยวกับเรื่องนี้วันที่ 28 ตุลาคม 2564 พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ พระนักคิดนักเขียนชื่อดัง ได้ไลฟ์ผ่านเพจ พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ เพื่อพยายามจะพูดคุยกับหญิงวัย 49 ปี รายนี้ โดยพระมหาไพรวัลย์ ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับการละสังขารของพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งสมัยพุทธกาล และขอให้หญิงรายนี้มีชีวิตอยู่ต่อไปอีก เพื่อเป็นความสวยงามของตัวเอง ของลูกสาว หรือของใครก็ตามที่จะได้ประโยชน์จากการฟังธรรม
ด้านหญิงรายดังกล่าวระบุว่า ถ้าไม่ตายค่อยว่ากันใหม่ แต่ทุกคนก็ต้องตาย เมื่อถึงวาระเวลา เกิดมาตั้งแต่แรกเกิดก็ตายได้ ตายตั้งแต่อยู่ในท้องก็ตายได้ เพราะความตายเป็นเรื่องธรรมดาของสรรพสัตว์ทั้งหลายที่เกิดมาในโลกมนุษย์นี้ ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ จะเห็นความตายเป็นเรื่องปกติธรรมดาเพราะมีการพิจารณาอสุภะอยู่เรื่อย ๆ เนือง ๆ บางคนยังดูไม่ออกเพราะยังไม่ถึงแก่นแท้ ถ้าถึงแก่นแท้จริง ๆ จะดูออก
หลังจากนั้น พระมหาไพรวัลย์ ได้คุยกับนายสันติ พร้อมระบุว่าขอให้ช่วยดูแลแม่อย่างใกล้ชิด อย่าให้คลาดสายตา เหมือนกับว่าเขาปักใจไปแล้ว โดยนายสินติ บอกว่าจะพาแม่กลับบ้าน โดยมีคนดูแล ถ้าปล่อยให้อยู่ที่นี่ด้วยสภาพแวดล้อมนั้นมีความกดดัน และแม่อยากทำอะไรก็จะพาเขาไป
พระมหาไพรวัลย์ ระบุว่ากรณีนี้น่าเป็นห่วงมาก และที่น่าเป็นห่วงคือพระที่สอนแนวคิดแบบนี้ให้หญิงรายนี้ อยากให้ติดตามหญิงรายนี้เพราะเป็นห่วงมาก ถ้าตอนนี้เขาอยากจะผ่อนคลายอะไรก็ให้เขาทำ เขาพูดเหมือนเขามั่นใจว่าถึงเวลาที่จะละสังขารแล้ว เพราะเขาบอกว่าเขากำหนดจิตได้ เหมือนว่าเขาเห็นตัวเขาว่าเป็นพระอริยะไปแล้ว ซึ่งในทางพระพุทธศาสนานั้นไม่มีทางเป็นได้เลย อันนี้น่าจะเป็นสัญญาวิปลาส (มีความจดจำเข้าใจคลาดเคลื่อน, มีความจำคลาดเคลื่อน, แลเห็นผิดจากที่เป็นจริง)
พระมหาไพรวัลย์ ระบุอีกว่า น่าเป็นห่วงมาก หลัง ๆ จะมีแบบนี้เยอะที่ปฏิบัติธรรมแล้วเห็นตัวเองเป็นพระอริยะ ก็จะมีการคิดแบบแปลก ๆ เช่นเห็นนู่นเห็นนี่ สื่อข้างในตัวเอง มีจิต 2-3 จิต รู้วัน รู้อนาคตล่วงหน้า ซึ่งในทางพระพุทธศาสนาไม่มีอย่างนี้
ด้านหมอปลา เผยว่า ตนไม่ได้จะตัดสินว่าหญิงรายนี้เป็นบ้า เพียงแต่อยากพามาหาพระมหาไพรวัลย์ให้รับรู้ถึงคำสอนทางพระพุทธศาสนา คำสอนที่เขาได้รับมานั้นผิดเพี้ยน หลังจากวันที่ 30 ตุลาคม 2564 นั้น ตนจะพาไปหาหมอทางวิทยาศาสตร์ แต่คราวนี้เราพยายามทำให้เขารู้ว่าวันที่ 30 ตามที่เขาเชื่อมันไม่มีจริง และการที่อยากให้เขานอนในห้องที่กล้องวงจรปิดก็เพื่อจะจับตาดูว่าเขามีความคิดที่จะทำร้ายตัวเองหรือเปล่า ซึ่งตนก็ช่วยเต็มที่แล้ว
พระมหาไพรวัลย์ เผยอีกว่า ตนพยายามจะช่วยพูดแล้ว ซึ่งหญิงคนดังกล่าวก็พูดดีมาก แต่ก็ถูกลูกสาวเขาตัดบทไปก่อน ตนก็ช่วยเท่าที่จะช่วยได้ ซึ่งลูกสาวเขาก็เชื่อเหมือนกัน ถ้าลูกสาวเขาไม่โอเคตนก็ช่วยได้ แต่เคสนี้ลูกสาวเขาก็เชื่อเหมือนกัน ตนก็ปล่อยให้เขาพูดเพราะอยากรู้วิธีคิดของเขา ทั้งนี้ หญิงรายดังกล่าวยืนยันว่าจะไม่ฆ่าตัวตาย แต่เขาบอกว่าเขาดูสังขารตัวเองแล้วว่าได้แค่นี้และจะเตรียมละสังขารตามที่กล่าว ซึ่งถ้าไม่ตายก็ค่อยว่ากันอีกที ซึ่งตนภาวนาให้เขาไม่ตาย และพยายามพูดว่าในเมื่อบรรลุแล้วก็ขอให้มีชีวิตอยู่ต่อเพื่อสร้างประโยชน์ต่อไป
ถ้าหากผ่านวันที่ 30 ตุลาคม ไปแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็นับว่าเป็นเรื่องดี แต่สิ่งที่กลัวที่สุดตอนนี้คือกลัวเขาทำร้ายตัวเอง เขาไม่ได้บอกว่าละสังขารว่าจะตายแบบไหน ถ้าพูดถึงการละสังขารคือการตายไปเองเลย เหมือนนอน ๆ อยู่แล้วตายไปเองเลย ไหลตาย หลับตาย ความน่ากลัวของเรื่องนี้อยู่ที่พระที่เผยแพร่ความเชื่อแบบนี้ เป็นพระที่เจอกระรอก เจอไก่ ก็ไหว้หมดทุกอย่าง
เรื่องนี้สำนักพุทธสามารถเข้ามาดูแลได้ถ้าหากพระที่เผยแพร่แนวคิดนี้ยังอยู่ ถ้ามีเคสที่โยมปฏิบัติตามคำสอนแบบนี้แล้วพิสูจน์ว่าโยมฆ่าตัวตาย ถือว่าคำสอนแบบนี้เป็นอันตราย เพราะเชื่อว่าบรรลุแล้วต้องกำหนดวันตาย เดี๋ยวก็จะกลายเป็นอุปทานหมู่พากันไปตายหมู่ อยากตายเพราะอยากเป็นพระอรหันต์ เพราะอยากให้คนอื่นมองว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์จริง ๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ
