คู่รักมหาเศรษฐีถูกฆ่า จัดฉากคล้ายฆ่าตัวตาย ผ่านไป 4 ปีคดีเพิ่งคืบหน้า ปล่อยภาพผู้ต้องสงสัย ด้านครอบครัววิจารณ์การทำงาน ตั้งรางวัลนำจับ 261 ล้าน คนให้เบาะแส
![บาร์รี่ เชอร์แมน บาร์รี่ เชอร์แมน]()
บาร์รี่ เชอร์แมน
ภาพจาก AFP PHOTO / APOTEX
วันที่ 16 ธันวาคม 2564 เว็บไซต์เดลี่สตาร์ และซีบีซี มีรายงานกรณีการสืบสวนคดีฆาตกรรมคู่สามีภรรยามหาเศรษฐี บาร์รี่ และ ฮันนี่ เชอร์แมน ที่ถูกสังหารโดยจัดฉากให้เป็นเหมือนการฆ่าตัวตาย ภายในคฤหาสน์ของครอบครัวที่เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา ซึ่งแม้ว่าทั้งคู่จะเป็นมหาเศรษฐีคนดังและเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของสังคม แต่กลับใช้เวลานานถึง 4 ปี ทางตำรวจจึงเพิ่งเผยความคืบหน้า ปล่อยภาพของชายผู้ต้องสงสัยเป็นครั้งแรก
ย้อนคดี 4 ปีก่อน มหาเศรษฐีถูกฆ่าอำพราง
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2560 ศพของ บาร์รี่ เชอร์แมน วัย 75 ปี ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัทยายักษ์ใหญ่ Apotex พร้อมด้วย ฮันนี่ ภรรยาวัย 70 ปี ถูกพบเสียชีวิตบริเวณข้างสระน้ำ โดยสภาพศพอยู่เคียงข้างกัน และมีเข็มขัดแขวนคอของพวกเขาอยู่กับราวสระ
เบื้องต้นทางตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นคดีการฆาตกรรมและฆ่าตัวตาย แต่ผลการชันสูตรหลังจากนี้ชี้ว่า ทั้งคู่เสียชีวิตจากแรงบีบรัดที่คอ กระทั่งในที่สุดคดีก็ถูกจัดให้เป็นการฆาตกรรมที่มีเหยื่อ 2 ราย
คดีไม่คืบหน้า ไร้วี่แววคนร้าย
แต่ถึงอย่างนั้นคดีกลับไม่ได้มีความคืบหน้านัก ในปี 2563 ทางตำรวจออกมาปล่อยข่าวว่ามีบุคคลที่ต้องให้ความสนใจในคดีนี้แล้ว แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมอะไร และไม่มีการจับกุมเกิดขึ้น
ครอบครัวไม่พอใจตำรวจ - ตั้งรางวัลคนให้เบาะแส 261 ล้าน
ขณะที่ทางครอบครัวเชอร์แมนได้ออกมาวิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ชุดที่รับผิดชอบคดี พร้อมว่าจ้างทีมสืบสวนเอกชนให้เข้ามาสืบค้นหาความจริง รวมถึงประกาศตั้งเงินรางวัล 10 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือราว 261 ล้านบาท แก่ผู้ที่ให้เบาะแสที่ช่วยให้ไขคดีได้
4 ปีผ่านไป ในที่สุดก็ปล่อยภาพผู้ต้องสงสัย
เวลาผ่านไปนานร่วม 4 ปีหลังเกิดเหตุ ในที่สุดเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2564 เจ้าหน้าที่แบรนดอน ไพรส์ หัวหน้าทีมนักสืบที่รับผิดชอบการสอบสวนคดี จึงได้ออกแถลงข่าว พร้อมปล่อยภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อขอความร่วมมือของประชาชนให้ช่วยกันระบุตัวตนของบุคคลในคลิป เพราะนี่คือบุคคลแรกที่ทางตำรวจออกมาชี้ว่าเป็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุฆาตกรรม
จากคลิปเผยให้เห็นบุคคลหนึ่งที่สวมเสื้อโค้ทสีดำ เดินตัดทางเท้าที่เต็มไปด้วยหิมะ บุคคลดังกล่าวมีท่าทางในการเดินและการแกว่งแขนค่อนข้างผิดปกติ อย่างไรก็ตามจากความเบลอของกล้องรวมกับการแต่งกายของผู้ต้องสงสัย ทำให้ไม่สามารถระบุช่วงอายุ เพศ สีผิว หรือแม้แต่สัดส่วนของบุคคลดังกล่าวได้
ชี้มีกล้องจับภาพได้ตัวเดียว - ระบุตัวตนไม่ได้
เจ้าหน้าที่ไพรส์ ยืนยันว่านี่คือผู้ต้องสงสัย ที่กล้องสามารถบันทึกภาพได้ในวันที่ 13 ธันวาคม 2560 หรือ 2 วันก่อนจะมีการพบศพคู่สามีภรรยา โดยในบรรดาคนที่กล้องวงจรปิดบริเวณพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่กำหนดไว้ นี่เป็นเพียงบุคคลเดียวที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เจ้าหน้าที่รู้สึกสงสัยในกิจกรรมที่บุคคลดังกล่าวกระทำ เนื่องจากเขาปรากฏตัวในพื้นที่ที่ถูกตีวงไว้ อีกทั้งยังไม่มีกล้องวงจรปิดตัวอื่นในพื้นที่จับภาพบุคคลนี้ได้ นอกจากนี้เขายังอยู่ในพื้นที่สักพัก ก่อนที่จะจากไป โดยการสืบสวนเจ้าหน้าที่ไม่สามารถระบุวัตถุประสงค์ที่บุคคลนี้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ ในช่วงเวลาที่เชื่อว่าเกิดเหตุฆาตกรรมขึ้น ดังนั้นจากหลักฐานที่พบ ได้บ่งชี้ว่าบุคคลนี้เป็นผู้ต้องสงสัย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ไพรส์ยืนยันว่าที่ผ่านมาทางตำรวจไม่ได้นิ่งเฉย แต่ได้ทำการสอบปากคำพยานกว่า 250 ปาก และรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อจะทำให้ความจริงปรากฏต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลี่สตาร์, ซีบีซี

บาร์รี่ เชอร์แมน
ภาพจาก AFP PHOTO / APOTEX
วันที่ 16 ธันวาคม 2564 เว็บไซต์เดลี่สตาร์ และซีบีซี มีรายงานกรณีการสืบสวนคดีฆาตกรรมคู่สามีภรรยามหาเศรษฐี บาร์รี่ และ ฮันนี่ เชอร์แมน ที่ถูกสังหารโดยจัดฉากให้เป็นเหมือนการฆ่าตัวตาย ภายในคฤหาสน์ของครอบครัวที่เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา ซึ่งแม้ว่าทั้งคู่จะเป็นมหาเศรษฐีคนดังและเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของสังคม แต่กลับใช้เวลานานถึง 4 ปี ทางตำรวจจึงเพิ่งเผยความคืบหน้า ปล่อยภาพของชายผู้ต้องสงสัยเป็นครั้งแรก
ย้อนคดี 4 ปีก่อน มหาเศรษฐีถูกฆ่าอำพราง
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2560 ศพของ บาร์รี่ เชอร์แมน วัย 75 ปี ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัทยายักษ์ใหญ่ Apotex พร้อมด้วย ฮันนี่ ภรรยาวัย 70 ปี ถูกพบเสียชีวิตบริเวณข้างสระน้ำ โดยสภาพศพอยู่เคียงข้างกัน และมีเข็มขัดแขวนคอของพวกเขาอยู่กับราวสระ
เบื้องต้นทางตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นคดีการฆาตกรรมและฆ่าตัวตาย แต่ผลการชันสูตรหลังจากนี้ชี้ว่า ทั้งคู่เสียชีวิตจากแรงบีบรัดที่คอ กระทั่งในที่สุดคดีก็ถูกจัดให้เป็นการฆาตกรรมที่มีเหยื่อ 2 ราย
คดีไม่คืบหน้า ไร้วี่แววคนร้าย
แต่ถึงอย่างนั้นคดีกลับไม่ได้มีความคืบหน้านัก ในปี 2563 ทางตำรวจออกมาปล่อยข่าวว่ามีบุคคลที่ต้องให้ความสนใจในคดีนี้แล้ว แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมอะไร และไม่มีการจับกุมเกิดขึ้น
ครอบครัวไม่พอใจตำรวจ - ตั้งรางวัลคนให้เบาะแส 261 ล้าน
ขณะที่ทางครอบครัวเชอร์แมนได้ออกมาวิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ชุดที่รับผิดชอบคดี พร้อมว่าจ้างทีมสืบสวนเอกชนให้เข้ามาสืบค้นหาความจริง รวมถึงประกาศตั้งเงินรางวัล 10 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือราว 261 ล้านบาท แก่ผู้ที่ให้เบาะแสที่ช่วยให้ไขคดีได้
4 ปีผ่านไป ในที่สุดก็ปล่อยภาพผู้ต้องสงสัย
เวลาผ่านไปนานร่วม 4 ปีหลังเกิดเหตุ ในที่สุดเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2564 เจ้าหน้าที่แบรนดอน ไพรส์ หัวหน้าทีมนักสืบที่รับผิดชอบการสอบสวนคดี จึงได้ออกแถลงข่าว พร้อมปล่อยภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อขอความร่วมมือของประชาชนให้ช่วยกันระบุตัวตนของบุคคลในคลิป เพราะนี่คือบุคคลแรกที่ทางตำรวจออกมาชี้ว่าเป็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุฆาตกรรม
จากคลิปเผยให้เห็นบุคคลหนึ่งที่สวมเสื้อโค้ทสีดำ เดินตัดทางเท้าที่เต็มไปด้วยหิมะ บุคคลดังกล่าวมีท่าทางในการเดินและการแกว่งแขนค่อนข้างผิดปกติ อย่างไรก็ตามจากความเบลอของกล้องรวมกับการแต่งกายของผู้ต้องสงสัย ทำให้ไม่สามารถระบุช่วงอายุ เพศ สีผิว หรือแม้แต่สัดส่วนของบุคคลดังกล่าวได้
ชี้มีกล้องจับภาพได้ตัวเดียว - ระบุตัวตนไม่ได้
เจ้าหน้าที่ไพรส์ ยืนยันว่านี่คือผู้ต้องสงสัย ที่กล้องสามารถบันทึกภาพได้ในวันที่ 13 ธันวาคม 2560 หรือ 2 วันก่อนจะมีการพบศพคู่สามีภรรยา โดยในบรรดาคนที่กล้องวงจรปิดบริเวณพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่กำหนดไว้ นี่เป็นเพียงบุคคลเดียวที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เจ้าหน้าที่รู้สึกสงสัยในกิจกรรมที่บุคคลดังกล่าวกระทำ เนื่องจากเขาปรากฏตัวในพื้นที่ที่ถูกตีวงไว้ อีกทั้งยังไม่มีกล้องวงจรปิดตัวอื่นในพื้นที่จับภาพบุคคลนี้ได้ นอกจากนี้เขายังอยู่ในพื้นที่สักพัก ก่อนที่จะจากไป โดยการสืบสวนเจ้าหน้าที่ไม่สามารถระบุวัตถุประสงค์ที่บุคคลนี้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ ในช่วงเวลาที่เชื่อว่าเกิดเหตุฆาตกรรมขึ้น ดังนั้นจากหลักฐานที่พบ ได้บ่งชี้ว่าบุคคลนี้เป็นผู้ต้องสงสัย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ไพรส์ยืนยันว่าที่ผ่านมาทางตำรวจไม่ได้นิ่งเฉย แต่ได้ทำการสอบปากคำพยานกว่า 250 ปาก และรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อจะทำให้ความจริงปรากฏต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลี่สตาร์, ซีบีซี








