อดีตผู้กำกับโจ้ ยอมรับในศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน ใช้ถุงดำคลุมศีรษะผู้ตายหลายใบจริง แต่ไม่ได้รัดแน่นจนขาดอากาศหายใจ พร้อมขอศาลตรวจสอบคลิปใหม่ อ้างมีการตัดต่อ แถมมีตำรวจให้การเท็จ
วันที่ 19 มกราคม 2565 ข่าวช่องวัน รายงานว่า ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีนัดตรวจพยานหลักฐานในคดี พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ และพวกรวม 7 คน กรณีที่ร่วมกันใช้ถุงดำคลุมศีรษะ นายจิระพงษ์ หรือ มาวิน ธนะพัฒน์ ผู้ต้องหาคดียาเสพติดแล้วทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตในระหว่างควบคุมตัวที่ สภ.เมืองนครสวรรค์
หลังจากก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 ศาลสอบคำให้การจำเลยทั้ง 7 โดยครั้งนั้นอดีตผู้กำกับโจ้ แถลงต่อศาล รับสารภาพ 3 ข้อหา คือ ความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติฯ และข้อหาร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่น
แต่ปฏิเสธข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทารุณโหดร้าย ให้เหตุผลว่า ตัวเองและลูกน้องไม่มีเจตนาฆ่า แค่ต้องการขยายผลเพื่อจับกุมยาเสพติด และยืนยันไม่มีเจตนากระทำการทุจริตใด ๆ ต่อหน้าที่ หรือเรียกรับผลเงินจากผู้เสียชีวิต (อ่านข่าว : อดีตผู้กำกับโจ้ รับสารภาพต่อศาล 3 ข้อหา คดีถุงดำ แต่ปฏิเสธไม่มีเจตนาฆ่าให้ตาย)
ขณะที่วันนี้เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ได้เบิกตัวจำเลยทั้ง 7 มาศาลเพื่อสอบถามเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของสำนวนคดีเบื้องต้น ซึ่งอดีตผู้กำกับโจ้ ยอมรับว่าได้ทำการคลุมถุงดำจำนวนหลายใบกับนายจิระพงษ์จริง แต่ไม่ได้รัดแน่นหรือมีเจตนาให้เสียชีวิต แค่ต้องการทำให้กลัวเท่านั้น
พร้อมขอให้ศาลช่วยตรวจสอบคลิปที่ส่งไปในครั้งแรก เนื่องจากมีการตัดต่อคลิปนำภาพช่วงที่พยายามช่วยชีวิตนายจิระพงษ์ และคลิปภาพตำรวจบางนายที่อยู่ในที่เกิดเหตุออกไป รวมถึงให้การเท็จว่าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เนื่องจากเจ้าของคลิปมีส่วนรู้เห็น ซึ่งได้ส่งคลิปเต็มผ่านทางทนายให้ศาลพิจารณาแล้ว
ส่วนจำเลยที่เหลือให้การรับและปฏิเสธข้อหาแตกต่างกันไป อ้างว่าทำไปตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ไม่มีเจตนาประสงค์ต่อชีวิต
นอกจากนี้ ทางพ่อแม่ของผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาศาล และจะขอยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้จำเลยชดใช้เงินจำนวน 1,500,000 บาท กับครอบครัว ส่วนเรื่องการดำเนินคดีในชั้นศาล ทางอัยการรับทำคดีไปตามกฎหมาย
ด้านนายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความของอดีตผู้กำกับโจ้ เปิดเผยสั้น ๆ ว่า คดีนี้อยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลแล้ว ซึ่งศาลจะนัดไต่สวนพยานคดีนี้รวม 7 นัด นัดแรกเริ่มวันที่ 19 - 21 กุมภาพันธ์ และนัดสุดท้ายวันที่ 13 มีนาคม
ดังนั้น รายละเอียดคงไม่สามารถเปิดเผยได้มากนัก แต่ในส่วนของพยานหลักฐาน เนื่องจากระบบของศาลทุจริตฯ เป็นการพิจารณาแบบแสวงหาพยานหลักฐาน หากศาลต้องการพยานหลักฐานเพิ่มเติม สามารถเรียกเข้ามาประกอบสำนวนการพิจารณาคดีนี้ได้อยู่แล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่องวัน
วันที่ 19 มกราคม 2565 ข่าวช่องวัน รายงานว่า ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีนัดตรวจพยานหลักฐานในคดี พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ และพวกรวม 7 คน กรณีที่ร่วมกันใช้ถุงดำคลุมศีรษะ นายจิระพงษ์ หรือ มาวิน ธนะพัฒน์ ผู้ต้องหาคดียาเสพติดแล้วทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตในระหว่างควบคุมตัวที่ สภ.เมืองนครสวรรค์
หลังจากก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 ศาลสอบคำให้การจำเลยทั้ง 7 โดยครั้งนั้นอดีตผู้กำกับโจ้ แถลงต่อศาล รับสารภาพ 3 ข้อหา คือ ความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติฯ และข้อหาร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่น
แต่ปฏิเสธข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทารุณโหดร้าย ให้เหตุผลว่า ตัวเองและลูกน้องไม่มีเจตนาฆ่า แค่ต้องการขยายผลเพื่อจับกุมยาเสพติด และยืนยันไม่มีเจตนากระทำการทุจริตใด ๆ ต่อหน้าที่ หรือเรียกรับผลเงินจากผู้เสียชีวิต (อ่านข่าว : อดีตผู้กำกับโจ้ รับสารภาพต่อศาล 3 ข้อหา คดีถุงดำ แต่ปฏิเสธไม่มีเจตนาฆ่าให้ตาย)
ขณะที่วันนี้เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ได้เบิกตัวจำเลยทั้ง 7 มาศาลเพื่อสอบถามเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของสำนวนคดีเบื้องต้น ซึ่งอดีตผู้กำกับโจ้ ยอมรับว่าได้ทำการคลุมถุงดำจำนวนหลายใบกับนายจิระพงษ์จริง แต่ไม่ได้รัดแน่นหรือมีเจตนาให้เสียชีวิต แค่ต้องการทำให้กลัวเท่านั้น
พร้อมขอให้ศาลช่วยตรวจสอบคลิปที่ส่งไปในครั้งแรก เนื่องจากมีการตัดต่อคลิปนำภาพช่วงที่พยายามช่วยชีวิตนายจิระพงษ์ และคลิปภาพตำรวจบางนายที่อยู่ในที่เกิดเหตุออกไป รวมถึงให้การเท็จว่าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เนื่องจากเจ้าของคลิปมีส่วนรู้เห็น ซึ่งได้ส่งคลิปเต็มผ่านทางทนายให้ศาลพิจารณาแล้ว
ส่วนจำเลยที่เหลือให้การรับและปฏิเสธข้อหาแตกต่างกันไป อ้างว่าทำไปตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ไม่มีเจตนาประสงค์ต่อชีวิต
นอกจากนี้ ทางพ่อแม่ของผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาศาล และจะขอยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้จำเลยชดใช้เงินจำนวน 1,500,000 บาท กับครอบครัว ส่วนเรื่องการดำเนินคดีในชั้นศาล ทางอัยการรับทำคดีไปตามกฎหมาย
ด้านนายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความของอดีตผู้กำกับโจ้ เปิดเผยสั้น ๆ ว่า คดีนี้อยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลแล้ว ซึ่งศาลจะนัดไต่สวนพยานคดีนี้รวม 7 นัด นัดแรกเริ่มวันที่ 19 - 21 กุมภาพันธ์ และนัดสุดท้ายวันที่ 13 มีนาคม
ดังนั้น รายละเอียดคงไม่สามารถเปิดเผยได้มากนัก แต่ในส่วนของพยานหลักฐาน เนื่องจากระบบของศาลทุจริตฯ เป็นการพิจารณาแบบแสวงหาพยานหลักฐาน หากศาลต้องการพยานหลักฐานเพิ่มเติม สามารถเรียกเข้ามาประกอบสำนวนการพิจารณาคดีนี้ได้อยู่แล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่องวัน
