เบื้องลึกนาทีขับ ธรรมนัส พ้นพลังประชารัฐ ประวิตรลงดาบสุดท้าย - นายกฯ ขยี้ซ้ำไม่ปรับ ครม.

           เบื้องหลังมติพรรค พปชร. ขับ ร.อ. ธรรมนัส​ และ ส.ส. ในกลุ่มนั้น เริ่มจากช่วงเช้าวันที่ 19 มกราคม 2565 ร.อ. ธรรมนัส ไม่ได้เดินทางไปร่วมประชุม ส.ส. ที่รัฐสภาเหมือนเช่นทุกครั้ง ก่อนที่ในเวลา 15.37 น. นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข ส.ส.ตาก คนสนิทของ ร.อ. ธรรมนัส ได้ส่งข้อความเข้ามาในไลน์กลุ่มห้องประสานงานพรรค พปชร. ว่า "เรียนเชิญ ส.ส. พรรคพปชร. ทุกท่านมาประชุมที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ วันนี้เวลา 17.00 น."

           ภายหลังมีการปิดประชุมสภาในช่วงเวลา 17.42 น. บรรดา ส.ส.ของ พปชร. ต่างรีบเดินทางออกจากรัฐสภา เพื่อไปยังมูลนิธิป่ารอยต่อฯ หลัง พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคเรียกประชุมเป็นการด่วน เนื่องจาก ร.อ. ธรรมนัส และ ส.ส. ในกลุ่ม ประมาณ 20 คน แสดงความประสงค์ที่จะออกจากพรรค โดยต้องการใช้วิธีให้มีการประชุม ส.ส. เพื่อลงมติขับไล่ตนเองและพวก เพื่อจะได้ไปหาพรรคสังกัดใหม่ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด

บรรยากาศการประชุมตึงเครียด หวั่นขัดข้อกฎหมายถึงยุบพรรค

           ขณะที่ เดลินิวส์ รายงานว่า บรรยากาศการประชุม กก.บห. และ ส.ส. พรรค พปชร. ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เมื่อเย็นวันที่ 19 มกราคม เพื่อลงมติขับ ร.อ. ธรรมนัส และ ส.ส. รวม 21 คน มีรายงานว่า 1 ในแกนนำของพรรคที่คัดค้านการลงมติขับ ร.อ. ธรรมนัส กับพวกคือ นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ และประธานวิปรัฐบาล เพราะเกรงว่าจะดำเนินการไม่ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความผิดและไม่มีความผิดเชิงประจักษ์ กลัวพรรคจะได้รับผลกระทบจนถูกยุบ ขณะที่ ร.อ. ธรรมนัส ให้เหตุผลว่า ข้อหาที่ต้องขับคือ ภายในพรรคมีความขัดแย้งมาโดยตลอดจนไม่สามารถบริหารงานได้ ขณะที่ นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนพรรค คนสนิทของ ร.อ. ธรรมนัส ได้พยายามยกเหตุ 3 เรื่องตามข้อบังคับของพรรคให้ขับได้

หนึ่งประโยคจาก พล.อ. ประวิตร มติขับ ร.อ. ธรรมนัส​ ลุล่วง

           อย่างไรก็ดี ยังมีสมาชิกหลายคนแสดงความกังวลในประเด็นเรื่องข้อกฎหมาย ทำให้ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค สั่งการให้มีการโทรศัพท์สอบถามจากเจ้าหน้าที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยเจ้าหน้าที่ กกต. ได้อ่านระเบียบในการดำเนินการขับสมาชิกพ้นพรรคให้ฟังว่า ต้องอาศัยมติที่ประชุม กก.บห. และ ส.ส. โดยใช้เสียง 3 ใน 4 จากนั้น พล.อ. ประวิตร จึงเรียก กก.บห. แยกไปประชุมอีกห้องหนึ่ง รอบแรกมีเสียงเห็นด้วยกว่า 30 คน งดออกเสียง 19 คน และไม่เห็นด้วย 1 คนคือ นายนิโรธ จนต้องมีการโหวตกันใหม่เพื่อให้เสียงผ่านตามเกณฑ์

           ระหว่างก่อนจะโหวตรอบที่สอง ร.อ. ธรรมนัส ได้โน้มน้าว ส.ส. แต่ละคน เพื่อให้ลงมติขับ แต่ยังมี ส.ส. บางส่วนลังเลอยู่ กระทั่งช่วงหนึ่ง พล.อ. ประวิตร ต้องพูดว่า "มันจะออกก็ออก ๆ ไป พรรคจะได้สงบ" ส่งผลให้ ส.ส.เกรงใจ และลงมติให้ขับออก ด้วยคะแนน 78 เสียง แต่มีรายงานว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้งดออกเสียง เนื่องจากกังวลเรื่องข้อกฎหมายในอนาคต

เหตุผลที่ขอให้พรรคขับออก โยง 2 ตำแหน่ง รัฐมนตรี ที่ว่างอยู่ ?!

           มีรายงานว่าในที่ประชุมช่วงหนึ่ง ส.ส. คนสนิทของ ร.อ. ธรรมนัส ได้พูดว่า "เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะปัญหาตำแหน่งรัฐมนตรี ทำไมไม่แต่งตั้ง" ขณะที่ ร.อ. ธรรมนัส ได้ถามรัฐมนตรีที่มีปัญหากันว่า "ตอนนั้นทำไมถึงล่าชื่ออยากขับผมออกไป แต่ตอนนี้ทำไมไม่ถึงขับผม "

อ่านเกม นายกฯ ขยับทันควัน งานนี้พาดพิงถึงใคร

           วันที่ 20 มกราคม 2565 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงข่าวดังกล่าวว่า ตนไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของพรรคดำเนินการ เชื่อว่าเป็นการต้องการทำให้สถานการณ์ปกติให้มากที่สุด ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับประชาชนที่ต้องมองใครเป็นอย่างไร ดังนั้น ขอให้ติดตามพฤติกรรมของแต่ละคนด้วย ตนไม่ได้กล่าวว่าใครดีไม่ดี แต่พฤติกรรมจะเป็นตัวกำหนด และให้ประชาชนคัดกรองในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

ย้ำชัด ไม่ปรับ ครม. หรือยุบสภา

           นายกฯ ยืนยันว่า ไม่คิดจะดำเนินการในเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีหรือยุบสภา โดยเฉพาะขณะนี้กฎหมายก็ยังไม่เรียบร้อย อย่าเอาทุกอย่างมาตีทั้งหมด ตนนั้นไม่ได้อยู่ในจุดที่พูดได้ว่ารักใครชอบใคร หลายอย่างต้องเก็บไว้กับตัว อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณประชาชนที่เชื่อมั่นและเชื่อถือ ที่ผ่านมาได้วางอนาคตไว้พอสมควร โดยเฉพาะแก้ปัญหาที่หมักหมมเป็นภาระของตนที่ทำให้การทำงานใหม่ ๆ ออกมาได้ช้า ต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่และข้าราชการด้วย