หนุ่ม กรรชัย ลั่นเป็นตำรวจจริง ๆ เหรอ หลังส่องดีเทล 7 ข้อหา ส.ต.ต. ซิ่งบิ๊กไบค์ชนหมอกระต่าย แต่ละข้อ ชวนพูดไม่ออก พบทั้ง 7 ข้อหา จัดเป็นความผิดกรรมเดียว
จากกรณีของ พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ หมอกระต่าย แพทย์ผู้ชำนาญการด้านจักษุวิทยา ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถูกรถบิ๊กไบค์ชนขณะข้ามทางม้าลาย โดยพบว่าผู้ก่อเหตุคือ ส.ต.ต. นรวิชญ์ บัวดก ผบ.หมู่ กองร้อยที่ 2 กองกำกับการ 1 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (กก.1 บก.อคฝ.) จนตกเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์เดือดของสังคม
ล่าสุด (24 ธันวาคม 2565) รายการโหนกระแส ทางช่อง 3 ซึ่งดำเนินรายการโดย หนุ่ม กรรชัย ได้เชิญผู้เห็นเหตุการณ์ ตลอดจน พ.ต.อ. สุกิจ อรุณฤกษ์ถวิล รอง ผบก.จร. และ นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน มูลนิธินโยบายถนนปลอดภัย มาร่วมพูดคุยถึงกรณีที่เกิดขึ้น
ภาพจาก โหนกระแส
พยานยืนยัน บิ๊กไบค์ซิ่งมาเร็วมาก
โดย คุณสมชายซึ่งเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ ได้เล่าถึงช่วงเวลาเกิดเหตุ ยอมรับว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก แต่ตนเห็นรถบิ๊กไบค์เป็นคนชนคุณหมอจากปลายหางตา ในส่วนที่ว่าบิ๊กไบค์ขับมาเร็วหรือไม่นั้น ตนได้ยินเสียงรถคันดังกล่าวบิดตามหลังมาดังสนั่น จนเสียงดังผ่านทะลุหมวกกันน็อกของตนมาเลย ไม่ยืนยันว่าเกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงหรือไม่ แต่บอกได้ว่าขี่มาเสียงดังมาก
ภาพจาก โหนกระแส
ย้ำชัด ส.ต.ต. ยังไงก็ผิด ภาพมันฟ้อง
ด้าน พ.ต.อ. สุกิจ ชี้ว่าหากจะดำเนินคดี ส.ต.ต. นรวิชญ์ ในเรื่องของการขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ก็ต้องดูพฤติการณ์ผู้ขับขี่ด้วย แต่จากที่เห็นในภาพวงจรปิด ว่าเขาขี่ออกจากทางโค้งด้านซ้าย แล้วตีรถเข้าเลนขวาเลย อันนี้จะผิดกฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนก็มีการแจ้งข้อหาไว้แล้ว ภาพฟ้องอยู่แล้ว
สำหรับข้อหาของ ส.ต.ต. นรวิชญ์ ในตอนนี้ ประกอบด้วย 7 ข้อหา คือ
- ขับประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
- ขับไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย
- ไม่หยุดรถให้ทางคนข้ามม้าลาย
- เอารถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาใช้ในทาง
- นำรถที่มีส่วนควบไม่ครบ ไม่มีกระจก มาใช้ในทาง
- นำรถไม่เสียภาษีมาใช้ในทาง
- นำรถที่ไม่มี พ.ร.บ. มาใช้ในทาง
ภาพจาก โหนกระแส
หนุ่ม กรรชัย ถามย้ำ ทำผิดเบอร์นี่เป็นตำรวจจริง ๆ เหรอ
ทั้งนี้ เมื่อได้เห็นรายละเอียดทั้ง 7 ข้อหาของ ส.ต.ต. นรวิชญ์ แล้ว หนุ่ม กรรชัย ถึงกับต้องถาม พ.ต.อ. สุกิจ อีกครั้งว่า "เขาเป็นตำรวจแน่ ๆ เหรอครับ"
ด้าน พ.ต.อ. สุกิจ หัวเราะพลางถอนหายใจ และตอบว่า "ก็...ก็เป็นแน่ละครับ"
"แล้ว...ทำไม นี่มัน มันผิดกฎหมาย 7 ข้อหานี่ นำรถไม่เสียภาษีมาใช้ นำรถไม่มี พ.ร.บ. มาใช้" หนุ่ม กรรชัย ถามต่อ
จากนั้น พ.ต.อ. สุกิจ ยืนยันว่า อย่างที่หลักฐานปรากฏ ตำรวจต้องดำเนินคดีทุกข้อหา ไม่ว่าผู้กระทำผิดจะเป็นตำรวจหรือประชาชนก็ตาม เมื่อเกิดเหตุขึ้นมา ต่อให้เป็นตำรวจก็ต้องถูกดำเนินคดีเมื่อกระทำความผิด
7 ข้อหา คือความผิดกรรมเดียว
อย่างไรก็ตาม นพ.ธนะพงศ์ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ทั้ง 7 ข้อหาที่ปรากฏ ลักษณะนี้เป็นความผิดกรรมเดียว ผิดกฎหมายหลายบท ดังนั้นเมื่อถึงชั้นศาล ศาลก็จะพิจารณาความผิดบทที่หนักที่สุด คือ ขับประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่นอกจากนั้นตั้งแต่ข้อ 2 - 7 ส่วนใหญ่เป็นโทษปรับ โทษหนักจริง ๆ มีแค่ข้อเดียว
"แต่ที่เราอยากเห็นคืออยากให้เป็นหลักเป็นพื้นฐาน ว่าต่อไปการเกิดเหตุบนทางม้าลาย ต้องไม่ใช่เหตุปกติ ต้องไม่ใช่ความประมาท คือถ้าเรื่องนี้ปรากฏเด่นชัด หรือเป็นตัวอย่างให้สังคมรับรู้ว่า คนบนทางม้าลายนะ ซีเรียสนะ ทางตำรวจเอาจริงนะ ผมคิดว่าตรงนี้จะเป็นการส่งสัญญาณที่แรงให้คนรับรู้" นพ.ธนะพงศ์ ระบุ
ภาพจาก โหนกระแส
ข้อกฎหมายมีชัดเจน ผิดที่ตัวคนขับขี่จะทำไหม
ขณะที่ พ.ต.อ. สุกิจ ยืนยันว่าในตัวข้อกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.การจราจรทางบก ระบุไว้ครบถ้วนหมดแล้ว ว่าผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติตามเครื่องหมายที่ปรากฏบนพื้นทาง ซึ่งรวมถึงทางม้าลาย และกรณีของทางม้าลายได้ระบุเลยว่า ผู้ขับขี่จะต้องใช้ความระมัดระวัง และผู้ขับขี่จะต้องให้สิทธิของผู้ข้ามทางไปก่อน ซึ่งตรงนี้ตัวบทกฎหมายระบุไว้ค่อนข้างชัดเจน สำคัญคือตัวผู้ขับขี่เนี่ยปฏิบัติตามกฎจราจรหรือไม่
ภาพจาก โหนกระแส
