x close

6 สัญญาณขอความช่วยเหลือเมื่อตกอยู่ในอันตราย รู้ไว้ปลอดภัยแน่

          รู้ไว้ได้ประโยชน์ กับสัญญาณขอความช่วยเหลือแบบต่าง ๆ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือเมื่อตกอยู่ในอันตราย

           เพราะไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรล่วงหน้า หลายครั้งที่เราอาจจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายหรือเหตุการณ์ฉุกเฉินโดยไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจ แต่จะดีกว่าไหม ถ้าเราได้เรียนรู้สัญญาณขอความช่วยเหลือพื้นฐานเอาไว้ในยามฉุกเฉิน ซึ่งสัญญาณขอความช่วยเหลือนี้ก็มีหลายแบบไว้เลือกใช้ในแต่ละสถานการณ์ โดยกระปุกดอทคอมขอยกตัวอย่างมาให้เบื้องต้น จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ
สัญญาณขอความช่วยเหลือ

สัญญาณ SOS คืออะไร
สัญญาณขอความช่วยเหลือ หรือ SOS ย่อมาจาก Save Our Souls

          สัญญาณ SOS เป็นคำส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินหรือคับขัน ใช้ในการขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยเป็นส่วนหนึ่งของรหัสมอร์ส (Morse Code) ซึ่งเป็นรหัสสัญญาณสั้น-ยาว ที่ใช้แทนตัวอักษรในการส่งข้อความหากัน แต่เดิมใช้กับเครื่องส่งโทรเลข เพื่อการส่งข้อความถึงกันในระยะทางไกล ๆ เพราะทำได้รวดเร็วกว่าการส่งจดหมาย

          สำหรับตัวอักษร “SOS” แต่ละตัวจะถูกส่งเป็นลำดับสามจุด / สามขีด / สามจุด ( …—...) โดยไม่มีช่องว่างระหว่างตัวอักษร นับเป็นรหัสที่ง่ายและสะดวกที่จะใช้ขอความช่วยเหลือเร่งด่วน ส่วนใหญ่ในอดีตมักจะใช้สัญญาณ SOS กับการรายงานเหตุฉุกเฉินทางทะเล เช่น เรือประสบอุบัติเหตุ เรือล่ม หรือขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ แต่ปัจจุบันยังสามารถใช้สัญญาณ SOS กับสัญญาณควัน สัญญาณไฟ และสัญญาณเสียงได้

1. สัญญาณมือขอความช่วยเหลือ

          หลายครั้งที่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรง การลักพาตัว หรือการใช้ความรุนแรงในครอบครัว เหยื่อมักจะเป็นผู้หญิงหรือเด็กที่ไร้ทางสู้และถูกบังคับไม่ให้บอกใคร จะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือก็เสี่ยงที่จะถูกทำร้ายมากยิ่งขึ้น ดังนั้น สัญญาณมือเพื่อขอความช่วยเหลือจึงเป็นทางออกเพื่อสื่อว่าตนเองกำลังถูกคุกคามหรือตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายอยู่ โดยขั้นตอนการทำสัญญาณมือขอความช่วยเหลือสามารถทำได้ง่าย ๆ คือ
  1. หงายฝ่ามือออกหาคนอื่น 
  2. พับนิ้วโป้งเข้าฝ่ามือ 
  3. พับนิ้วที่เหลือทั้ง 4 มากุมนิ้วโป้งไว้ ทำซ้ำหลาย ๆ ครั้งเพื่อให้คนสังเกตเห็น
สัญญาณขอความช่วยเหลือ

2. สัญญาณขอความช่วยเหลือเมื่อหลงป่า

          โดยทั่วไปตามเส้นทางธรรมชาติหรือพื้นที่ป่าในประเทศไทย มักจะมีเขตรั้วหรือป้ายบอกทางชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้นักท่องเที่ยวเกิดการพลัดหลงในป่าอยู่แล้ว แต่กระนั้นหากเราเกิดพลัดหลงในป่า สิ่งที่ควรทำเพื่อเป็นการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือหรือบ่งชี้ว่าเรากำลังอยู่ตรงนี้ ได้แก่
  • ถ้าอยู่ในที่โล่งที่สามารถก่อกองไฟได้ ให้รีบหาไม้แห้งมาก่อกองไฟ เพื่อส่งสัญญาณควัน หรือถ้าใครมีพลุควันก็สามารถจุดเพื่อส่งสัญญาณได้
สัญญาณขอความช่วยเหลือ

  • หากมีกระจกติดตัว และเป็นช่วงเวลากลางวัน ให้ใช้กระจกส่องสะท้อนกับแสงของดวงอาทิตย์ โดยส่องและปิดเป็นจังหวะสั้น ยาว สั้น ครั้งละ 3 ครั้ง 

สัญญาณขอความช่วยเหลือ

  • ตอนกลางคืนก็สามารถส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือได้ด้วยการตั้งคบเพลิงจุดไฟแล้ววางเป็นรูปสามเหลี่ยม 

  • ลองหาพื้นที่โล่ง ๆ และเรียงลูกไม้ เปลือกไม้ หรือก้อนหิน เป็นตัวอักษร SOS เพื่อส่งสัญญาณว่าเรากำลังต้องการความช่วยเหลืออยู่ 

สัญญาณขอความช่วยเหลือ

3. สัญญาณขอความช่วยเหลือเมื่อติดถ้ำหรืออยู่ในที่แคบ

          บางครั้งสถานที่ท่องเที่ยวอย่างถ้ำต่าง ๆ เมื่อเข้าไปด้านในแบบไม่ระมัดระวัง ไม่เดินตามเส้นทางที่กำหนดไว้ หรือเหม่อลอยเดินพลัดหลง ก็อาจจะหลงเดินเข้าไปเรื่อย ๆ จนหาทางออกไม่เจอ ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้ขึ้น สามารถหาอุปกรณ์หรือเครื่องมือในการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือต่าง ๆ ดังนี้
  • ผิวปาก 3 ครั้ง เพื่อส่งสัญญาณแจ้งว่าเรากำลังอยู่ตรงนี้ ไม่นิยมตะโกนส่งเสียงหรือโห่ร้อง เพราะจะยิ่งเกิดเสียงสะท้อน ทำให้ไม่สามารถระบุถึงพื้นที่ได้ชัดเจน 
  • ใช้หินขีดเขียนสัญลักษณ์ SOS ไว้ที่ผนังถ้ำเพื่อขอความช่วยเหลือ 
  • ใช้แสงไฟจากไฟฉาย หรือโทรศัพท์ โดยใช้มือบังแสงไว้ เป็นจังหวะสัญญาณสั้น ยาว สั้น จังหวะละ 3 ครั้ง
สัญญาณขอความช่วยเหลือ

4. สัญญาณขอความช่วยเหลือเมื่อติดเกาะ

           ถ้าทริปท่องเที่ยวเกาะหรือชายหาดที่ควรจะเป็นทริปที่มีแต่ความสุขสนุกสนาน กลับกลายเป็นความผิดพลาด จนทำให้ต้องติดแหง็กอยู่บนเกาะหรือชายหาดที่ไม่มีผู้คน สิ่งที่ควรจะทำเพื่อส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือคือ การเขียนทรายบริเวณชายหาดที่คลื่นซัดมาไม่ถึง หรือเรียงก้อนหิน ให้เป็นคำว่า SOS เพื่อให้คนพบเห็นว่ามีคนรอความช่วยเหลืออยู่ตรงนี้
สัญญาณขอความช่วยเหลือ

5. สัญญาณขอความช่วยเหลือกรณีรถเสียกลางทาง

           โดยปกติแล้วเมื่อเกิดสถานการณ์รถเสีย สิ่งหนึ่งที่เรามักจะทำกันคือ เปิดไฟฉุกเฉิน เพื่อเป็นสัญญาณบอกรถคันอื่น ๆ ให้รู้ถึงตำแหน่งรถยนต์ของเราในยามที่ไม่ได้ขับเคลื่อน เพื่อบอกเพื่อนร่วมทางบนท้องถนนให้เข้าใจว่ารถยนต์คันนี้กำลังมีปัญหาทางเทคนิค และให้หลีกเลี่ยงเสีย และนอกจากสัญญาณไฟฉุกเฉินแล้ว เรายังสามารถใช้ไฟฉายส่องสัญญาณเป็นจังหวะสั้น ยาว สั้น จังหวะละ 3 ครั้ง เพื่อส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมได้อีกด้วย
สัญญาณขอความช่วยเหลือ

6. สัญญาณขอความช่วยเหลือด้วยคำพูดรหัสลับ

           ในปี 2016 ที่ประเทศอังกฤษ มีการรณรงค์แคมเปญ Ask For Angela ให้ใช้ในบาร์ ผับ ร้านอาหาร หรือตามสถานที่ต่าง ๆ ในกรณีที่ผู้หญิงคนไหนรู้สึกว่ากำลังโดนล่วงละเมิดทางเพศ ตกอยู่ในอันตราย หรือกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัยภายในร้านดังกล่าว ให้เดินไปที่เคาน์เตอร์หรือไปหาพนักงานแล้วพูดรหัสลับว่า “Angela” จากนั้นพนักงานจะพาเธอออกจากสถานที่นั้น และเรียกรถแท็กซี่ให้มารับกลับบ้านโดยทันที หรืออีกในกรณีหนึ่งคือ พนักงานจะเข้าไปคุยกับคู่กรณีของเธอให้หยุดทำพฤติกรรมไม่ดี หรือเชิญให้ออกจากร้านไป
สัญญาณขอความช่วยเหลือ

ภาพจาก nationalpubwatch.org.uk

          โดยแคมเปญนี้จะเป็นลักษณะของป้ายประกาศเล็ก ๆ แปะไว้ในห้องน้ำหญิงของสถานประกอบการส่วนใหญ่ของประเทศอังกฤษ และแคมเปญนี้ก็ได้จุดประกายให้มีการรณรงค์ในสหรัฐอเมริกาเช่นเดียวกัน ซึ่งรหัสได้เปลี่ยนไปเป็น “Angela Shot” และมีคำอื่น ๆ ต่อท้าย เช่น “Neat (เรียบร้อย” หมายถึง ให้พาไปที่รถ, “On the Rock (เหล้าออนเดอะร็อก)” หมายถึง ให้เรียกแท็กซี่ และ “With a Lime (กับมะนาว)” หมายถึง ให้เรียกตำรวจ เป็นต้น

          Ask For Angela นับเป็นแคมเปญที่ดีและมีประโยชน์มาก ๆ สำหรับผู้หญิง แม้ว่าตอนนี้จะเป็นแคมเปญที่มีในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ แต่เราก็หวังว่าในไม่ช้าจะมีการนำมาปรับใช้ในประเทศไทยบ้าง เพื่อช่วยเหลือผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อจากสถานการณ์ความไม่ปลอดภัยหรือการล่วงละเมิดทางเพศต่าง ๆ
รวมเบอร์โทรศัพท์สายด่วนสำหรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน
สัญญาณขอความช่วยเหลือ

         เมื่อเกิดเหตุด่วนเหตุร้าย หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น สิ่งที่ควรทำที่สุดคือ ตั้งสติ แล้วโทรศัพท์แจ้งหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือ ซึ่งเราได้รวบรวมเบอร์โทรศัพท์สายด่วนสำหรับแจ้งเหตุฉุกเฉินมาให้ ดังนี้

เบอร์ฉุกเฉินเหตุด่วนเหตุร้าย

  • 191 ติดต่อแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ

  • 192 ภัยพิบัติแห่งชาติ

  • 199 ศูนย์วิทยุพระราม เพื่อแจ้งอัคคีภัย/สัตว์ร้ายบุกรุกบ้าน

  • 1418 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง กทม.

  • 1155 ตำรวจท่องเที่ยว (สายด่วนเหตุร้ายที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยว)

  • 1192 ศูนย์ปราบขโมยรถ (สตช.)

  • 1193 ตำรวจทางหลวง

  • 1195 กองปราบปราม (สายด่วนแจ้งเหตุอาชญากรรม คดีร้ายแรงเป็นภัยต่อประเทศ)

  • 1555 ศูนย์ร้องทุกข์กรุงเทพฯ (หน่วยประสานงานกลางเหตุฉุกเฉินในกรุงเทพฯ)

  • 1300 ศูนย์ประชาบดี เพื่อแจ้งบุคคลสูญหาย

เบอร์โทร. ฉุกเฉินด้านการแพทย์

  • 1196 เมื่อพบเจออุบัติเหตุทางน้ำ

  • 1554 หน่วยแพทย์กู้ชีวิต วชิรพยาบาล

  • 1646 ศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์

  • 1669 สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (ทั่วไทย) เมื่อเจอเหตุด่วนเหตุร้ายหรือผู้ได้รับบาดเจ็บ

  • 1691 โรงพยาบาลตำรวจ

เบอร์โทร. ฉุกเฉินเกี่ยวกับการเดินทาง

  • 1137 วิทยุ จส.100 (เบอร์โทร. ฉุกเฉินแจ้งเหตุด่วนบนท้องถนนเพื่อประสานงานต่อ)

  • 1146 กรมทางหลวงชนบท (ติดต่อเรื่องท้องถนนเฉพาะพื้นที่ต่างจังหวัด)

  • 1197 ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจรตำรวจ

  • 1644 สวพ. FM91 (รายงานสภาพจราจรและแจ้งเหตุด่วนบนท้องถนน)

  • 1356 ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม (ศูนย์ประสานภารกิจด้านความปลอดภัยระบบการขนส่ง)

  • 1690 การรถไฟแห่งประเทศไทย (สอบถามสายรถไฟ ตั๋ว และอื่น ๆ )

  • 1584 กรมการขนส่งทางบก

  • 1586 สายด่วนกรมทางหลวง

  • 1543 การทางพิเศษแห่งประเทศไทย

  • 1677 วิทยุร่วมด้วยช่วยกัน (เครือข่ายอาสาสมัคร)

  • 1490 บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.)

  • 1348 องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)

เบอร์โทร. ฉุกเฉินเกี่ยวกับโควิด 19

  • 1668 กรมการแพทย์ ช่วยเหลือผู้ติดเชื้อแต่ไม่มีเตียงรักษา และรับคำแนะนำการปฏิบัติตัว

  • 1330 สำนักงานหลักประกันสุขภาพ (สปสช.) ช่วยหาเตียงให้ผู้ป่วย และรับคำแนะนำการปฏิบัติตัว หรือตรวจสอบสิทธิการรักษาพยาบาลบัตรทองและประกันสังคม

  • 1323 สายด่วนสุขภาพจิต ขอคำแนะนำเมื่อเกิดภาวะเครียด

  • 1111 ศูนย์บริการข้อมูลสอบถามติดตามสถานการณ์โควิด 19 และขอคำแนะนำหรือร้องเรียนในช่วงวิกฤตโควิด 19

  • 1422 กรมควบคุมโรค สอบถามสถานการณ์ของการระบาดโควิด 19

  • 1506 สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ตรวจสอบสิทธิประกันสังคม และขอรับเงินชดเชยการว่างงานช่วงโควิด 19

  • 1556 สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หากพบผู้ประกอบการจำหน่ายเจลล้างมือ สบู่ล้างมือ หรือหน้ากากอนามัยที่ไม่ได้คุณภาพ

  • 1569 กรมการค้าภายใน เมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการซื้อสินค้าและบริการในช่วงโควิด 19

          ไม่มีใครคาดหวังให้เกิดเรื่องฉุกเฉินหรือสถานการณ์ที่เป็นอันตราย แต่ถ้าบังเอิญเกิดขึ้นจริง ๆ ทางที่ดีที่สุดคือ ให้ตั้งสติ หมั่นสังเกต เตรียมตัวให้พร้อม และใช้สัญญาณขอความช่วยเหลือที่เรานำมาฝากกันส่งข่าวให้คนอื่นรู้โดยเร็วว่ากำลังมีคนต้องการขอความช่วยเหลืออยู่นะคะ 
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
6 สัญญาณขอความช่วยเหลือเมื่อตกอยู่ในอันตราย รู้ไว้ปลอดภัยแน่ อัปเดตล่าสุด 1 มีนาคม 2565 เวลา 15:29:31 33,924 อ่าน
TOP