เปิดอีกด้าน ดราม่านิสิตถูกส่งไปฝึกงาน แต่กลับด่าผู้บริหาร ให้มาทำเอง จนโรงแรมส่งตัวกลับและคณะให้ไปฝึกงานใหม่ปีหน้า หลุดแชตพูดจริง พร้อมเผยความจริงอีกด้าน จะฝึกงานอย่างหนึ่ง กลับให้มาทำงานอีกอย่าง ใช้งาน 7 วัน วันละ 10 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด ?
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
กำลังเป็นดราม่าร้อนแรงสุด ๆ กับเรื่องราวของนิสิตจากรั้วมหาวิทยาลัยชื่อดัง ไปฝึกงานที่โรงแรมแห่งหนึ่ง และไปต่อว่าผู้บริหารว่า ให้มาทำงานเองสิ จนทางโรงแรมส่งตัวกลับ และนิสิตต้องไปฝึกงานใหม่อีกครั้งปีหน้า จนทำให้ไม่สามารถเรียนจบพร้อมเพื่อน
เปิดแชตพบ นิสิตพูดจริง ให้ผู้จัดการมาทำเองสิ จนผู้จัดการงง นี่พูดเล่นหรือเปล่า
ล่าสุด โลกออนไลน์ได้มีการเผยแพร่แชตที่เป็นปัญหา ซึ่งพบว่า ทางผู้จัดการ ได้ส่งข้อความมาบอกนิสิต ซึ่งแปลออกมาได้ดังนี้
ผู้จัดการ : ผมอยากให้คุณกางร่มที่พัง แล้วถ่ายรูปส่งมาให้หน่อย
นิสิตฝึกงาน : ผมเอาร่มไปเก็บในห้องเก็บของแล้ว ห้องก็เหม็นอับด้วย ผมว่าถ้าผู้จัดการอยากจะเห็นว่าร่มพังยังไง ก็เข้ามากางร่มเองแล้วถ่ายรูปเองสิ
ผู้จัดการ : เดี๋ยวนะ คุณอยากให้ผมเข้าไปกางร่มเองเหรอ ?
นิสิตฝึกงาน : ใช่
ผู้จัดการ : นี่พูดเล่นหรือเปล่าครับ ทำไมคุณไม่ทำเองล่ะครับ นี่คืองานแผนกคุณนะ แผนกคุณมี 3 คนและไม่ต้องรับแขกด้วย
นิสิตฝึกงาน : แล้วผู้จัดการคิดว่าผมไม่มีอย่างอื่นต้องทำเหรอครับ
คณะกรรมการบอก นิสิตสร้างวีรกรรมเพียบ ด่าผู้จัดการ-ด่าฝ่ายบุคคล จนคณะต้องยกกระเช้าขอโทษโรงแรม
จากนั้น ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กนามว่า จรวยพร ธรณินทร์ อดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ที่เผยว่า หลังจากที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ทางอาจารย์ผู้สอนได้เข้ามาชี้แจงทางไลน์ว่า ทางนิสิตเลือกไปฝึกงานที่นี่เอง แต่เมื่อฝึกงานไป 1 อาทิตย์ นิสิตมาขอเปลี่ยนสถานที่ฝึกงาน ทั้งอาจารย์และนิสิตได้พูดคุยกันแต่ไม่ใช่การทำเรื่อง ทางอาจารย์เลยแนะนำว่าเพิ่งอาทิตย์เดียว ฝึกงานไปก่อน และให้ไปคุยกับหน่วยงานให้ชัดเจน นิสิตเลยตัดสินใจไม่เปลี่ยนงาน
อย่างไรก็ตาม พบว่าวันหนึ่งทางผู้จัดการใช้นิสิต และนิสิตก็ย้อนกลับว่า ให้มาทำเองสิ และตอนเย็นก็ไปชี้หน้าด่าฝ่ายบุคคล ซึ่งทำให้ทางมหาวิทยาลัย ต้องไปพูดคุยกับผู้จัดการเพื่อขอโทษ จึงทำให้ทราบข้อมูลว่า มีลูกค้าของโรงแรมร้องเรียนมาเพิ่มด้วย และนิสิตมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม จึงขอส่งตัวนิสิตกลับ
จากนั้น ทางคณะจึงตั้งกรรมการเพื่อสอบสวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น มีการสอบถามกับทางโรงแรม สอบถามนิสิต ให้นิสิตสรุปทำชั่วโมงส่งกรรมการ และผลคือว่า นิสิตต้องฝึกงานใหม่ในปีหน้า เพราะการฝึกงานไม่สมบูรณ์ ส่วนที่นิสิตบอกว่า ติดต่อฝึกงานที่ใหม่แล้ว พบว่านิสิตยังไม่ได้ขอเอกสาร และไม่ได้ทำเรื่องมาที่คณะ และคณะก็ต้องรอผลการพิจารณาด้วย
เปิดอีกด้าน นิสิตโดนใช้แรงงานหนัก ทำงาน 7 วันไม่มีวันหยุด แถมงานที่ได้คืองานเก็บกวาด
ในขณะเดียวกัน ทางนิสิตได้ออกมาตอบกลับความคิดเห็นนี้เช่นกันว่า สาเหตุที่ตนติดต่อขอเปลี่ยนงานตั้งแต่อาทิตย์แรก ก็เพราะว่าโรงแรมใช้งานเกินควร จากที่ทำงาน 8 ชั่วโมง พอทำจริงกลับให้ทำ 10 ชั่วโมง หักเวลาพัก 1 ชั่วโมงออกเหลือทำงานจริง 9 ชั่วโมง
นอกจากนี้ ลักษณะงานที่ฝึกนั้น ไม่ตรงกับที่นิสิตเรียนมา การที่นิสิตมาฝึกงานที่โรงแรมแห่งนี้ เพราะนิสิตเรียนด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา และที่นี่มีแผนกกิจกรรมนันทนาการให้ลูกค้า แต่เมื่อทำงานจริง พบว่านิสิตต้องทำงานกางร่ม หุบร่ม ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ ร่อนหินออกจากทราย ปาดทรายให้เรียบ ขัดพื้น ทำความสะอาดพื้น บางวันต้องไปช่วยเสิร์ฟ และในอาทิตย์แรก นิสิตไปทำงาน 7 วันไม่พัก ไม่มีวันหยุด ซ้ำยังเลิกงานเกินเวลาอีก แต่พอไปขอกับทางคณะเพื่อเปลี่ยนสถานที่ฝึกงาน กลับพบว่าทางคณะไม่ยอมให้เปลี่ยน เพราะไม่มีน้ำหนักมากพอ
นอกจากนี้ ยังมีบางคนที่รู้จักนิสิต ออกมาเสริมว่า เรื่องการทำงานเกินเวลานั้น ทางนิสิตได้ไปขอตกลงกับทาง HR ว่า ถ้าทำงานเกินเวลาแล้ว จะขอฝึกงานจบก่อนเวลาได้ไหม โดยเอาเวลาที่เกินมาคิดทบ ทาง HR คนเก่าก็บอกว่าได้ แต่เมื่อมีการเปลี่ยน HR ข้อตกลงนี้ก็เปลี่ยนไปด้วย
ในขณะที่บางคนอ้างว่า เป็นเพื่อนกับนิสิตคนดังกล่าว ได้ออกมาเสริมว่า เรื่องที่ผู้จัดการสั่งให้ทำงานแล้วนิสิตไม่ทำนั้น ในความเป็นจริงแล้ว ผู้จัดการได้เข้าไปในห้องเก็บของ กางร่ม แล้วถ่ายรูปร่มมา แล้วมาสั่งให้นิสิตกางร่มแล้วถ่ายรูปร่มกลับมาใหม่ นิสิตมองว่าจะใช้ให้ทำงานซ้ำซ้อนอีกทำไม ในเมื่อนิสิตไม่ได้อยู่ตรงนั้น และเรื่องที่บอกว่าลูกค้าคอมเพลนนิสิตคนนี้ ก็ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องจริง นิสิตเรียกลูกค้าว่า "คุณ" ตลอด ไม่เคยพูดไม่ดีแต่อย่างใด
เสียงแตกออกเป็นสองฝ่าย นิสิตปากแจ๋วเกินไป หรือ โรงแรมใช้งานเกินควร
เมื่อทั้งแชตและเรื่องราวต่าง ๆ หลุดออกมาแบบนี้ จึงเกิดคำถามว่า โรงแรมใช้งานเกินควรหรือไม่ และจะมีมาตรการอย่างไรที่จะออกมาคุ้มครองแรงงาน นิสิตเองเมื่อถูกใช้ให้ทำงานเกินเวลา เกินหน้าที่ และไม่ตรงกับสายงานที่ได้รับมอบหมาย ก็แสดงออกและขอคำปรึกษาจากทางคณะแล้ว แต่กลับเป็นคณะที่เมินเฉยแล้วไม่ช่วย ปล่อยให้นิสิตต้องเผชิญชะตากรรมลำพัง แถมยังไม่ได้เงินอีก ทุกคนมองแต่เรื่องคนทำงานต้องอ่อนน้อมถ่อมตน แต่ไม่มองเรื่องที่นิสิตโดนเอาเปรียบจนเกินควร จนสุดท้ายนิสิตก็ไประเบิดใส่ผู้จัดการแทน
อย่างไรก็ตาม ก็มีอีกฝั่งที่มองว่า การฝึกงานคือการฝึกเพื่อเข้าสู่โลกของการทำงานจริง ใด ๆ เลยคือ นิสิตไม่ควรไปปากแจ๋วใส่ผู้จัดการ เพราะนี่คือการฝึกการคิดแก้ปัญหา และการทำงานร่วมกัน การที่นิสิตไปพูดแบบนี้ใส่ผู้จัดการ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเช่นกัน