x close

ไฮโซลูกนัท แฉทริกปริญญ์หลอกข่มขืน ตั้งปฏิทินพรรคอื่นจนเหยื่อสับสน-ชี้เหตุเกิด 2 ปี ทำไมเพิ่งพูด


           ไฮโซลูกนัท จ่อฟ้องตำรวจปมไม่ให้ขึ้นชี้จุดเกิดเหตุ ทั้งที่โทร. ตามมาเอง พร้อมชี้แจงทำไมภรรยาเพิ่งเอาเรื่องทั้งที่เหตุเกิดตั้งแต่ปี 63 เผยแม่ยายเสียใจมาก ลูกชายตาย ลูกสาวถูกข่มขืนปีเดียวกัน

ข่าวปริญญ์ ข่มขืนผู้หญิง

           เมื่อวานนี้ (19 เมษายน 2565) รายการเป็นเรื่องใหญ่ ทางช่อง JKN18 ดำเนินรายการโดย เพชร กรุณพล เทียนสุวรรณ สัมภาษณ์ อี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมระหว่างเพศพรรคประชาธิปัตย์ และ นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือ ไฮโซลูกนัท ทายาทนักธุรกิจชื่อดังและนักกิจกรรม ถึงกรณีภรรยาของไฮโซลูกนัท และผู้เสียหายอีกกว่า 10 ราย แจ้งความเอาผิด นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในข้อหากระทำอนาจารและข่มขืน

           ทั้งนี้ เกิดเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึง กรณีไฮโซลูกนัทและภรรยา ถูกเจ้าหน้าที่โทร. ตามให้มาชี้จุดเกิดเหตุ คือภายในคอนโดมิเนียมของนายปริญญ์ แต่พอมาถึงกลับไม่ยอมให้ขึ้นไปบนคอนโด ซึ่งไฮโซลูกนัทมองว่า เป็นการพยายามทำให้สำนวนหลวม จึงอาจมีการฟ้อง


ก่อนหน้านี้มีภาพข่าวที่คุณลูกนัทไปชี้จุดที่เกิดเหตุ แต่ไม่สามารถที่จะเข้าไปดูห้องได้ อยากถามว่าเหตุการณ์มันเกิดจากอะไรครับ ?


           ลูกนัท : เกิดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจโทร. มาแจ้งให้เข้าไปชี้จุดเกิดเหตุ จริง ๆ การโทร. มาแจ้งเกิดขึ้นประมาณ 3 ครั้ง ตั้งแต่ที่สถานีตำรวจที่มีสื่อมวลชนอยู่ด้วย ทุกครั้งที่มีการโทร. นัดไปชี้จุดเกิดเหตุก็จะถามว่าผมสะดวกเมื่อไร ผมก็ถามว่าแล้วคุณจะไปเมื่อไร เขาก็ไม่ตอบไม่อะไร ผมก็เลยบอกครั้งสุดท้ายเมื่อวานตอนเช้าว่า เอาไว้คุณพร้อมจริง ๆ ที่จะไปแล้ว บอกนัดเวลากันแบบคนมีความรับผิดชอบ นัดสถานที่เวลาให้เรียบร้อยแล้วค่อยบอกผม คุณจะนัด ตี 3 ตี 4 ผมก็พร้อมหมดที่จะไปพิสูจน์หลักฐาน

           เขาก็โทร. มาแจ้งผมเวลาประมาณ 3 โมง 40 กว่า ๆ ว่า 4 โมงครึ่ง ให้เจอกันที่เกิดเหตุ ก็ขอบคุณมากนะครับที่แจ้งล่วงหน้าประมาณ 40 นาที กรุงเทพฯ ก็ไม่ได้เดินทางสะดวกขนาดนั้น ผมกับภรรยาทำธุระกันอยู่ข้างนอก เราไม่ได้มีเวลาที่จะกลับบ้านไปเปลี่ยนอะไรให้เรียบร้อย คนขับรถยังหยุดยาวอยู่ มันน่าตลกจริง ๆ ที่ภรรยาผมเคยถูกผู้กระทำผิด หลอกมาข่มขืนกระทำชำเราครั้งหนึ่งแล้ว และยังโดนตำรวจหลอกมาอีกครั้งหนึ่ง เพราะสุดท้ายเขาก็อ้างว่าเขามีหมายค้น คุณมีหมายค้นก็ไปค้นกันเองครับ ไม่ต้องเชิญเรามา แล้วสื่อมวลชนก็ไปทำข่าวผมกับแอนนาไปชี้จุดที่เกิดเหตุบนคอนโด ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะขึ้นไปไม่ได้

แล้วตอนแรกเขาบอกว่าเขามีหมายค้นก็คือตำรวจไปค้นในพื้นที่ห้องของคุณปริญญ์ใช่ไหม แล้วเชิญคุณลูกนัทกับคุณแอนนาให้ขึ้นไปบนห้องนั้นด้วย ?


           ลูกนัท : ผมเรียงลำดับเหตุการณ์ให้แบบนี้ คือตำรวจคุยไว้ตั้งแต่วันที่ 14-15 เมษายน ว่าเดี๋ยวต้องไปถ่ายรูปชี้พิสูจน์หลักฐานที่จุดเกิดเหตุ เหตุไม่ได้เกิดที่หน้าล็อบบี้คอนโด เหตุไม่ได้เกิดที่ลานจอดรถหรือร้านอาหาร หรือซอยทางเข้าในคอนโด เหตุเกิดข้างในคอนโดนะครับ พอถึงวันที่หลอกให้มา ก็บอกว่ายังขึ้นไปไม่ได้ ไม่ให้เหตุผลผมว่าทำไมขึ้นไปไม่ได้นะครับ ก็โอเค เราก็เลยไปชี้ที่ร้านอาหารที่นายปริญญ์ไปหลอกลวงผู้เสียหายให้ไปเจอที่ร้านนี้ แต่รู้ทั้งรู้ว่าร้านนี้ปิดอยู่ เพื่อที่ตัวเองจะได้มีโอกาสใช้อุบายก๊อกสอง ล่อลวงให้ขึ้นไปที่คอนโด เขาบอกว่าเดินเข้ามาในซอยนิดเดียว เดี๋ยวขึ้นไปคุยกันตรงนั้น เขาบอกว่าตึกนี้เป็นคอนโดและออฟฟิศเขาด้วย ก็บอกว่าขึ้นไปหยิบของนิดหนึ่ง ล่อลวงขึ้นคอนโด

           ดังนั้น ไปถึงเราชี้ที่ร้านอาหารก่อน แล้วกำลังจะขึ้นไปด้านบน สื่อมวลชนเป็นพยาน ตำรวจบอกว่ารอทีมพิสูจน์หลักฐานพิสูจน์เสร็จก่อนเราถึงจะขึ้นไปได้ จริง ๆ ตอนนั้นผมก็โวยวายแล้วแหละ เพราะเราคงไม่ขึ้นไปทำลายหลักฐานตัวเองหรอก อย่างที่สอง มันไร้สาระตรงที่คุณนัดเวลาผม แล้วไม่พร้อมให้ผมขึ้นไปชี้ สักพักหนึ่งบอกขึ้นไปไม่ได้แล้วเพราะทนายของผู้ต้องหาขอสิทธิคุ้มครองจากศาลมาแล้ว ไม่ให้เราขึ้น ผมก็เลยขอดูหมายนั้น ผมพอใจผมจึงจะกลับ ตอนแรกตำรวจทำท่าเหมือนจะให้ดู พอผมเข้าไปก็ทำท่าหลบเขาบอกว่าถ้าจะดูต้องให้ทนายฝ่ายตรงข้ามมาให้ดู เขาบอกทนายอยู่ข้างบน งั้นแสดงว่าตลอดเวลาทนายฝ่ายตรงข้ามอยู่ข้างบนกับตำรวจอยู่ด้วยกันเพียงลำพังบนคอนโดของนายปริญญ์

 

ตอนที่คุณปริญญ์เขาบอกว่าเดี๋ยวจะให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินต่อไป แต่การทำแบบนี้มันเหมือนการประวิงเวลา แบบนี้ทางพรรคพอที่จะบอกหรือแนะนำทางฝั่งคุณปริญญ์ได้ไหม ?


           อี้ : จริง ๆ เราคงไปแนะนำไม่ได้ และก่อนอื่นต้องขอโทษแอนนาด้วยนะครับ ฝากขอโทษด้วย ผมเองคิดว่าถ้าเป็นผม ผมก็คงทำและอาจจะมากกว่าที่นัททำด้วยซ้ำไป เพราะว่าผมคงไม่ยอมให้คนที่ผมรักต้องถูกกระทำฝ่ายเดียว เพราะฉะนั้นวันนี้มาพูดในฐานะที่เป็นผู้ชายคนหนึ่งแล้วกันครับ รู้สึกว่าพฤติกรรมแบบนี้ไม่ว่าจะอยู่กับใครก็เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ อย่างกรณีนี้ผมได้คุยกันนอกรอบและผมจะพูดตรงนี้ด้วยนะครับว่า ถ้าไว้ใจตำรวจไม่ได้ ผมว่ายังมีกลไกอื่น ๆ เช่น DSI เรื่องของกองปราบ

ได้ปรึกษาทนายไหมครับ ว่าสิ่งที่ตำรวจทำกับเราวันนี้มันถูกต้องและสามารถที่จะไปร้องเรียนหรือทำอะไรที่มันขยายผลได้มากกว่านี้ไหมครับ ?


           ลูกนัท : ทนายฟังอยู่ในที่เกิดเหตุนะครับ เราก็แจ้งทนายแล้วว่าเราจะดำเนินคดีกับความไม่ปกตินี้นะครับ ทนายกำลังจะรวบรวมประเด็นที่เข้าข่ายที่ฟ้องได้ทั้งหมดครับ

นอกจากจะจัดการกับคนที่เป็นต้นเหตุแล้ว จะฟ้องใครเพิ่มอีกไหม ?


           ลูกนัท : ตอนนี้ต้องทำการรวบรวมข้อมูลกับทนายนะครับ ยังต้องใช้ความรอบคอบกับคนที่เรียกว่ามีความรู้ประสบการณ์ด้านนี้จริง ๆ ส่วนผมจะตอบได้ไม่ชัดเจนครับ

ข่าวปริญญ์ ข่มขืนผู้หญิง

ในเคสนี้จริง ๆ แล้วคุณลูกนัทน่าจะได้ขึ้นไป ?


           อี้ : จริง ๆ แล้วสามีเป็นบุคคลเดียวกับภรรยา แล้วยิ่งกรณีแบบนี้ถือว่าเป็นสิทธิอันชอบธรรมที่ต้องเข้าไปคุ้มครอง เพราะว่าผู้เสียหายเป็นผู้หญิงที่ถูกกระทำขึ้นไปคนเดียว เรียกว่า ขอโทษนะครับเป็นการข่มขืนซ้ำ เพราะว่าต้องไประลึกความหลังต่าง ๆ สภาพจิตใจคงไม่พร้อม กรณีแบบนี้แปลกมากครับ

           ลูกนัท : ขอโทษนะครับพี่ ภรรยาผมเขาก็ไม่ให้ขึ้นครับเมื่อวาน แอนนาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไป บอกให้ชี้ที่ล็อบบี้พอ ผมได้ให้ทนายไปเช็กกับศาลแล้วเพื่อสอบถามว่าหมายคุ้มครองคืออะไร แล้วศาลเขาก็บอกว่าไม่มีหมายคุ้มครอง ทุกอย่างเป็นอำนาจของเจ้าหน้าที่สอบสวนที่พึงทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ

ถ้าเป็นแบบนี้จะเปลี่ยนชุดสอบสวนไหม จะเข้าไปร้องกองปราบ หรือ DSI แทนไหม ?


           ลูกนัท : คงต้องปรึกษาทั้งทางทนายและผู้เชี่ยวชาญว่าเราควรไปร้องที่ไหน รวมถึงทนายตั้มที่ทำคดีให้อีกเป็น 14-15 คน

หลายคนบอกว่าเหตุการณ์มันเกิดข้ามปีแล้ว แล้วก็ภรรยาของลูกนัทและตัวลูกนัทเองออกมาเพราะหวังผลทางการเมือง จริง ๆ แล้วได้รับการว่าจ้างมาหรืออยากทำลายพรรคการเมืองหนึ่ง ?


           ลูกนัท : ผมไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นประโยชน์อะไรนะครับ ที่จะทำลายพรรคการเมืองระดับ 5 แล้วเป็นพรรคการเมืองที่ทุกคนมีความเห็นตรงกันว่าในการเลือกตั้งรอบหน้าก็คงจะได้น้อยกว่าเดิม แล้วการจะเจาะจงทำลายรองหัวหน้าพรรคหนึ่งใน 12 หัวหน้าพรรค ไม่แน่ใจว่าจะทำไปเพื่ออะไรจริง ๆ ครับ

ข่าวปริญญ์ ข่มขืนผู้หญิง

เรามีความเห็นยังไงกับคำถามนี้ ?


           อี้ : ประเด็นอยู่ที่ผู้เสียหายมากกว่า ผมไม่ได้มองเรื่องการเมืองเลย สิ่งที่ผมเซนซิทีฟที่สุดคือเรื่องเด็กครับ ผมว่าการขืนใจก็แย่มากแล้ว แล้วการไปละเมิดเด็กที่ต่ำกว่า 18 หรือ 18 เนี่ย เป็นเรื่องที่ผมรับไม่ได้ แล้วเรื่องนี้ต่อให้ไม่โจมตีทางการเมือง คนในพรรคเองยิ่งต้องตั้งข้อรังเกียจแล้วควรจะรีบขจัดให้เร็วที่สุด

คดีเป็นแค่ความรู้สึกที่คนจะตัดสินกันเอง คิดว่าคดีมีมูลไหมครับ ?


           อี้ : ผมเองที่ยืนยันว่ามีมูล เอาเป็นว่าผมเชื่อความเป็นนัทมากกว่าคุณปริญญ์ ผมไม่มีเจตนาเอาใจหรือย้ายพรรคใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ผมว่าคนคนนี้น่าเชื่อถือมากกว่า ผมสนิททั้งทางพี่ปริญญ์แล้วก็นัท แต่ผมคิดว่า ณ จุดนี้นัทเขาไม่มีทางมาเล่นสกปรก

ข่าวปริญญ์ ข่มขืนผู้หญิง

มีคนสงสัยว่าคนเราเวลาถูกล่วงละเมิด บางครั้งต้องต่อสู้ ทำไมเมื่อถูกล่วงละเมิดแล้วไม่ออกมาโวยวาย ทำไมถึงปล่อยเวลาให้เนิ่นนาน ?


           ลูกนัท : ย้อนกลับไปเมื่อปี 63 ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ น้องชายของภรรยาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ ซึ่งเป็นโศกนาฏกรรมของครอบครัวอย่างมาก ทุกคนสภาวะจิตใจย่ำแย่ เรียกว่าเป็นเวลาที่ยากลำบาก พอมาถึงเหตุการณ์ นายปริญญ์ได้เข้ามาแนะนำตัวกับภรรยาว่าชื่อนายแดน หลังจากนั้นพอล่อลวงไปในห้องนั้น มีปฏิทินของพรรคหนึ่งซึ่งไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์อยู่บนโต๊ะ ภรรยาผมเลยจำว่าคนที่ข่มขืนเขาชื่อนายแดนและมาจากอีกพรรคหนึ่ง ต่อให้คุณจะกูเกิลหาก็หาไม่เจอ แต่ว่าเขาจำหน้าและเสียงได้ชัด

           มี 2 เหตุผลตอนนั้นคือ เขาเป็นคนธรรมดาตัวเล็ก ๆ จะไปสู้อะไรกับนักการเมืองได้ ยิ่งเป็นพรรคฝ่ายรัฐบาลเขาไม่คิดจะสู้เลย แม่ยายผมก็ยังโทร. มาร้องไห้ว่าลูกชายก็เสียชีวิต ลูกสาวก็ถูกข่มขืน แล้วก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะพร้อมแจ้งความหรือพูดถึงมันทันที อาจรู้สึกสิ้นหวังมาก ใช้เวลาหลายปีกว่าจะพูดได้ กฎหมายเขาให้เหตุผลนี้ไว้แล้วโดยการให้อายุความตั้ง 20 ปีนะครับ


คุณกลัวไหมที่จะโดนแจ้งความกลับในข้อหาหมิ่นประมาท ?


           ลูกนัท : ไม่เคยกลัวอะไรกับอำนาจแบบนี้ ผมพร้อมสู้ ใครคิดจะฟ้องก็ฟ้องมา เพราะนี้คือหน้าที่ของเรา

คุณอี้คิดไหมว่าเหตุการณ์แบบนี้เกิดบ่อยมาก ในมุมมองของนักการเมืองมีความเห็นอย่างไรครับ ?


           อี้ : 3 อย่างนะครับ 1. ผมคิดว่าเป็นการอบรมเลี้ยงดูจากครอบครัว คนที่มีปัญหาทางสุขภาพจิตมักเกิดจากปัญหาทางครอบครัว

           2. เป็นโครงสร้างสังคมที่ให้ผู้ชายเป็นใหญ่มากเกินไป การยกระดับสิทธิสตรีหรือความหลากหลายทางเพศจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมากขึ้น

           3. คือเรื่องกฎหมาย ประเทศไทยไม่เคารพกฎหมายและกฎหมายเราล้าหลัง กฎหมายน่าจะไปจัดการในเชิงของกายภาพ เช่น ทำให้หมดสมรรถภาพทางเพศ หรือดูแลบางคนที่มีปัญหาเรื่องทางจิต เพราะบางกรณีเกิดการข่มขืนซ้ำซาก ครอบครัวสำคัญต้องช่วยกันประคับประคองและเข้าใจเด็กสมัยใหม่ ให้เขามีเสรีภาพที่สร้างสรรค์ภายใต้กฎเกณฑ์ที่เคร่งครัด

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ไฮโซลูกนัท แฉทริกปริญญ์หลอกข่มขืน ตั้งปฏิทินพรรคอื่นจนเหยื่อสับสน-ชี้เหตุเกิด 2 ปี ทำไมเพิ่งพูด อัปเดตล่าสุด 20 เมษายน 2565 เวลา 16:09:56 24,201 อ่าน
TOP