ตำรวจจับกุมนักศึกษาสาววัย 22 ปี สร้างโปรไฟล์ปลอมหลอกขายกระเป๋าแบรนด์เนม เหยื่อโอน 7 แสน แต่ไม่ได้ของเลยแจ้งจับ พบใช้วิธีมุด VPN ซ่อนตัว พบมูลค่าความเสียหายกว่า 3 ล้านบาท
ภาพจาก Cop Hero Thailand Magazine
เมื่อวานนี้ (26 เมษายน 2565) Cop Hero Thailand Magazine รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สอท.4 จับกุมตัว นางสาวนิรภัฎ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา มีนบุรี ที่ จ.378/2565 ลงวันที่ 22 เมษายน 2565 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ซึ่งเป็นการกระทำต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
สืบเนื่องจากผู้เสียหาย อายุ 34 ปี แจ้งความว่าถูกหลอกขายกระเป๋าแอร์เมส (HERMES) มูลค่า 700,000 บาท แต่โอนเงินแล้วไม่ได้ของ และถูกบล็อกช่องทางติดต่อทันที จึงแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สน.คันนายาว ก่อนประสาน บก.สอท.4 เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดี
ภาพจาก Cop Hero Thailand Magazine
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ดำเนินการสืบสวนเส้นทางการเงิน จนพบว่าผู้ต้องหาโอนเงินไปยังบัญชีม้าต่าง ๆ โดยในการโอนแต่ละครั้ง จะใช้งาน VPN หลอกโลเคชั่น เพื่อไม่ให้ติดตามเจอได้ ก่อนพบมีการเคลื่อนไหวการใช้จ่ายผ่านบัญชีผู้ต้องสงสัย คือมีการกดเงินออกจากตู้ ATM แต่ใช้งาน VPN เพื่อปกปิดอำพรางตำแหน่งที่อยู่ที่แท้จริง แต่พบมี 3 ครั้ง ที่ไม่ได้เปิดใช้งาน VPN จึงสามารถตรวจสอบถึงตำแหน่งการใช้งานจริงได้ ซึ่งจากข้อมูล IP สอดคล้องกับข้อมูลเส้นทางการเงิน และข้อมูลกล้องวงจรปิด ตรงกับตัวผู้ต้องหาที่ปัจจุบันเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี
โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนเป็นบุคคลตามหมายจับจริง ซึ่งวิธีการคือจะสร้างบัญชีเฟซบุ๊ก และไอจี ปลอม โพสต์ภาพสร้างตัวตนให้น่าเชื่อถือ ตัดต่อภาพเอกสารใบเสร็จต่าง ๆ เพื่อหลอกลวง แต่อ้างว่าได้รับคำสั่งมาจากชายชาวจีน เมื่อทำงานสำเร็จจะต้องโอนเงินที่โกงได้บางส่วน ไปยังบัญชีม้าที่ของผู้สั่งการ ส่วนตนเองจะได้ส่วนต่างที่เหลือ
ภาพจาก Cop Hero Thailand Magazine
สำหรับของกลางที่ตรวจยึดได้ ได้แก่ ซิมการ์ด จำนวนกว่า 100 ซิม, โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง, โน้ตบุ๊ก, iPad, กระเป๋าแบรนด์เนม, หมวก, นาฬิกาข้อมือ และสมุดบัญชีธนาคารที่มีรายการเดินบัญชีจากผู้เสียหายมากกว่า 10 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 3 ล้านบาท และอื่น ๆ อีกรวม 42 รายการ