ปวีณ พงศ์สิรินทร์ เปิดใจ สาเหตุที่ต้องลี้ภัย หลังถูกบีบให้เลิกคุ้ยคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา พร้อมปมสัมภาษณ์พาดพิงถึงคนมีสีระดับบิ๊ก ๆ ด้านทูตรัศมิ์ ท้ารัฐบาล ถ้าเป็นเรื่องไม่จริง เหตุใดถึงไม่ฟ้องสื่อ อัลจาซีรา
![เปิดใจ ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ต้องการอะไร หลังให้สัมภาษณ์อัลจาซีรา ชี้เป้าทหารบีบให้ต้องลี้ภัย]( "เปิดใจ ปวีณ พงศ์สิรินทร์ ต้องการอะไร หลังให้สัมภาษณ์อัลจาซีรา ชี้เป้าทหารบีบให้ต้องลี้ภัย")
จากประเด็นค้ามนุษย์โรฮีนจา ที่ถูกปลุกขึ้นมาเป็นกระแสอีกระลอก น่าจะส่งผลต่อรัฐบาลไม่น้อย โดยเฉพาะในช่วงที่กำลังจะเข้าสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ และน่าจะถูกหยิบยกเข้าไปซักฟอกในสภาด้วย
ย้อนไปเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว พล.ต.ต. ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 อดีตตำรวจมือทำคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา ออกมาเปิดใจกับไทยพีบีเอส ถึงสาเหตุที่ต้องลี้ภัยไปต่างแดน หลังถูกแทรกแซงและกดดันจากผู้มีอำนาจ ทั้งรัฐบาล ตำรวจ และกองทัพ (ชมคลิปได้ที่นี่)
ล่าสุด 27 เมษายน 2565 พล.ต.ต. ปวีณ เปิดใจกับไทยพีบีเอสเป็นครั้งที่ 2 หลังให้สัมภาษณ์กับสื่อนอกหัวดังอย่าง Al Jazeera (อัลจาซีรา) เปิดเผยทั้งรายชื่อและพฤติกรรมของคนที่เกี่ยวข้องกับคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา อาทิ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รวมถึงรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมในยุคนั้น รวมไปถึงนายตำรวจยศใหญ่ที่มีความพยายามจะเข้ามาแทรกแซง ซึ่งคุณเจษฎา จี้สละ ได้ถามย้ำกับ พล.ต.ต. ปวีณ ว่าข้อกล่าวหาทั้งหมดเป็นความจริงและมีหลักฐานหรือไม่ ?
"ผมต้องการให้คนทั่วโลกได้รับทราบข้อเท็จจริงว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร เราจะแก้ปัญหากันอย่างไร ทั้งชีวิตของผมเป็นพนักงานสืบสวนสอบสวนมาตลอด ผมรู้ว่าคำพูดที่ผมกล่าวออกมาแต่ละคำนั้้นมันมีความหมาย และต้องรับผิดชอบกับคำพูดของตัวเอง ไม่ได้พูดเลื่อนลอย ซึ่งทุกอย่างผมมีหลักฐานรองรับทั้งหมด" พล.ต.ต. ปวีณ กล่าว
รอบนี้ออกมาพูดอีกครั้ง รัฐบาลก็ออกมาพูดอีกครั้งเหมือนกัน ว่าพร้อมที่จะให้คุณปวีณกลับมาไทย รอบนี้พร้อมจะกลับไทยไหม ?
พล.ต.ต. ปวีณ : (หัวเราะก่อนจะตอบไปว่า) ชี้แจงหลายครั้งแล้วตราบใดที่ยังเป็นรัฐบาลนี้อยู่ คงไม่กลับมา
ข้อกล่าวหาที่คุณปวีณให้สัมภาษณ์กับอัลจาซีรา ค่อนข้างรุนแรงเรื่องของการขัดขวางให้เข้าถึง และเรื่องเส้นทางการเงิน พล.ท. มนัส คงแป้น จนถึงเวลานี้ยังยืนยันตามคำพูดเดิมไหม ?
พล.ต.ต. ปวีณ : ไม่อยากเอาหลักฐานมาแฉเท่านั้นแหละ เพราะมันยังไม่ถึงเวลาตรงนั้น จริง ๆ เขามีมากกว่านั้นอีกเยอะแยะที่ควรจะพูด
เหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจลี้ภัยออกจากประเทศไทยไปประเทศออสเตรเลีย จังหวะนั้นมีบุคคลหรือใครพยายามแทรกแซงคดีนี้จนทำให้เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว ?
พล.ต.ต. ปวีณ : มีครับ พูดในทำนองว่า ขอให้หยุดทำคดีเถอะ เหมือนอย่างมีนายทหารยศ "พลตรี" ติดต่อคุยกับผม บอกว่า มนัสเป็นลูกน้องของพี่ป้อม (พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ) พี่ยุทธ (พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา) พี่ป็อก (พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา) เขาบอกหมดว่าอย่าตามไป มันอันตราย ให้หยุดมันเสี่ยงเกินไป ซึ่งการพูดแบบนี้ วันเวลาไหน ตำแหน่งอะไร เมื่อเวลาเท่าไรโทร. มาหาก็บันทึกไว้หมด แล้วก็กลุ่มนายตำรวจที่เป็นชั้นนายพล ที่ทำงานใกล้ชิดกับ พล.อ. ประวิตร ก็มาบอกกับผมว่า ทหารก็ไม่พอใจนะที่มาออกหมายจับทหารเขาเนี่ย
ทั้งนี้ ตอนนั้นผมซึ่งเป็นพนักงานสอบสวน ก็งงมากว่าคุณเป็นตำรวจหรือเป็นใคร เพราะที่ผมออกหมายจับผมไม่ได้กลั่นแกล้งใคร ผมทำตามหน้าที่ทำไมถึงมาพูดกับผมแบบนี้ ซึ่งแต่ะคนเรียกผมไปเพื่อรีดเอาข้อมูล ไปเข้าค่ายทหารเจอพันเอก ร้อยโท ซึ่งเมื่อไร เวลาไหนผมบันทึกไว้ทั้งหมด
"ผมไม่ได้ออกมาพูดลอย ๆ หรือเล่น ๆ คุณทำอะไรไว้กับบ้านเมือง คุณอาจจะทำกับคนอื่นได้ แต่ทำกับผมซึ่งเป็นอาชีพที่เก็บรวบรวมพยานหลักฐาน คุณทำไม่ได้"
ขณะที่ นายรัศมิ์ ชาลีจันทร์ อดีตเอกอัครราชทูตไทย เจ้าของเพจ ทูตนอกแถว The Alternative Ambassador Returns ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ อัลจาซีรา นำเสนอสารคดี พล.ต.ต. ปวีณ ว่า ไม่จริงต้องฟ้อง สำนักข่าวอัลจาซีราของกาตาร์นั้น ถือเป็นหนึ่งในสำนักข่าวต่างประเทศที่ทรงอิทธิพลที่มีผู้ติดตามมหาศาลทั่วโลก การนำเสนอเช่นนี้เกี่ยวกับประเทศไทย จึงไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ และปฏิเสธไม่ได้ว่าย่อมมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของทั้งประเทศและรัฐบาลในแง่ลบ ที่ถือว่าฉาวโฉ่น่าอับอายอย่างที่สุดต่อประชาคมโลก
ผมไม่ขอลงรายละเอียดในเรื่องนี้ เพราะไปหาชม/อ่านกันได้เองไม่ยากนัก และขอบอกว่าผมเองมองไม่เห็นว่าคนระดับ พล.ต ต. ที่ต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศ แล้วต้องไปทำงานเป็นคนทำเบาะเก้าอี้ เขาจะมาโกหกเพื่ออะไร ทั้งนี้ ผมอยากจะนำเสนอข้อสังเกตและข้อคิดเห็นบางประการที่หลายคนอาจหลงลืม หรือจงใจทำเป็นหลงลืม ไม่อยากพูดถึง ดังนี้
- การค้ามนุษย์นั้นปกติถือเป็นอาชญากรรมที่รุนแรงชั่วร้ายที่สุดประการหนึ่งในบรรดาอาชญากรรมทั้งมวล ยิ่งเป็นการค้ามนุษย์โดยมีหลักฐานว่ามีการทารุณโหดร้าย ทรมาน ข่มขืน ฆ่า ทั้งชายหญิงรวมทั้งเด็ก จำนวนมากมาย ระดับความชั่วร้ายย่อมทวีคูณ และยิ่งไปกว่านั้นถ้าปรากฏว่าคนของรัฐที่มีตำแหน่งสูง หรือคนในรัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้องร่วมมือทำเป็นขบวนการอย่างเป็นล่ำเป็นสัน นี่คือความชั่วร้ายที่ต่ำช้าถึงที่สุดที่ประเทศหนึ่งจะมีได้ตามมาตรฐานโลก
- แม้จะมีคนไทยไม่น้อยที่สนใจข่าวนี้ แต่ดูเหมือนคนจำนวนมากไม่ได้สนใจหรือตระหนักถึงระดับความเลวร้ายของสิ่งนี้ ว่ามันคือการประจานถึงความฟอนเฟะและการคอร์รัปชันถึงขีดสุดของระบบการบริหาร ที่คือการบ่อนทำลายประเทศชาติอย่างหนึ่งบนความโลภโมโทสันของคนที่มีอำนาจโดยแท้
แล้วถ้าเรื่องนี้ไม่จริง รัฐบาลควรต้องฟ้องสำนักข่าวอัลจาซีรานะครับ กล้าไหม ?
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ขอบคุณข้อมูลจาก Thai PBS, เฟซบุ๊ก ทูตนอกแถว The Alternative Ambassador Returns
