เจ๊ข้าว เผยสาเหตุโมโหจนต้องฉี่ใส่หน้าคู่กรณี รับทำจริง แต่ไม่ได้นั่งฉี่กรอกปาก

          รายงานข่าวระบุว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำสมุดหนังสือมอบอำนาจ และเช็คเงินสดจำนวน 300,000 บาท, โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่องของ น.ส.เพ็ญศิริ หรือเจ๊ข้าว และนายจิรายุทธ สามี พร้อมด้วยเซิฟเวอร์กล้องวงจรปิดมาตรวจสอบ ก่อนที่จะเชิญตัว เจ๊ข้าวและสามี ไปยัง สภ.เมืองสระบุรี เพื่อสอบหาสาเหตุเกี่ยวกับการยืนฉี่รดหน้า นายอาร์ม ผู้เสียหายที่ไปร้องเรียนกองปราบปราม

          เจ๊ข้าว เผยว่า นายอาร์ม เป็นคู่กรณีของลูกน้องตน เข้านอกออกในบ้านตนได้ตลอด วันเกิดเหตุ นายอาร์มได้เอากระเป๋าแบรนด์เนมมาขายให้ 3 ใบ ในราคา 80,000 บาท ซึ่งกระเป๋านั้นตนซื้อไว้แล้วทุกรุ่น จึงบอกไปว่าสภาพของแบบนี้ราคาไม่ถึง 80,000 บาท นายอาร์ม ก็ถามกลับว่าจะให้ราคาเท่าไหร่ ตนก็ไม่ได้บอกไปเพราะไม่คิดจะซื้อ

          หลังจากนั้น นายอาร์ม ก็ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า "คนจริงไม่พูดเยอะ 3 ใบ 90,000 บาท" ทำเหมือนว่าขายได้แล้ว แต่จริง ๆ ยังขายไม่ได้ ตนก็รู้ว่าเป็นกระเป๋าของใคร ทั้งนี้ หากใครติดตามนายอาร์ม ก็จะรู้ว่าเขามีปัญหากับคนไปทั่ว เหมือนคนที่ปากไม่ค่อยดี พอเห็นโพสต์แบบนั้น ตนจึงโมโหว่าเอากระเป๋ามาขายให้ตนแล้วโพสต์แบบนี้ เป็นการต่อว่าตนหรือเปล่า ยอมรับว่าโมโหที่ถูกโพสต์แขวะ ตนจึงบอกว่าขายกระเป๋าได้เงินแล้วให้เอาเงินมาใช้หนี้ ตนไม่คิดว่าจะถูกนายอาร์ม เอาไปด่าขนาดนี้ จากนั้นก็มีการท้าทายกัน

          เจ๊ข้าว ยอมรับว่าฉี่รดหน้านายอาร์มจริง เนื่องจากเจ็บใจที่ถูกท้าทาย แต่ตนไม่ได้นั่ง ตนใส่ชุดนอนแล้วนุ่งผ้าเช็ดตัวยาวถึงเข่าทับอีกที แล้วก็เดินตั้งแต่เท้าขึ้นไปจนถึงใบหน้าแล้วก็เดินลงมา แต่ไม่ได้นั่งฉี่กรอกปาก โมโหมากที่ถูกท้าทาย ด่าว่าเราไม่มีปัญญา น้ำหน้าอย่างมึงจะทำอะไรกูได้ ตนเองก็เลยทำแบบนี้ ซึ่งไม่อยากให้เขาเจ็บตัว แต่อยากให้จำ ตนมีความแค้นมากจึงได้ทำแบบนี้ออกไป

          ตนรู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ รู้ว่าทำไปก็ผิด ยอมรับข้อกล่าวหาของทำตำรวจ คือ หมิ่นประมาท ทำร้ายร่างกายโดยไม่ได้รุนแรง ดูหมิ่นโดยการโฆษณา ซึ่งทางตนก็ยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา

          ส่วนเรื่องของ น.ส.ปั๊บ คู่กรณีอีกหนึ่งคนนั้น เป็นเลขาของตน ซึ่งเขาโกงเงินตนมา 3 รอบ แล้ว ตนก็ให้อภัยมาตลอด เขาโกงตนไปเยอะมาก และยอดเงินก็ไม่เป็นไปตามที่กล่าวอ้าง ที่เขาพูดไม่มีมูลความจริงเลย ตนจะปล่อยให้เป็นกระบวนการของกฎหมาย แต่ที่บอกว่าตนเป็นหนี้ปั๊บ 50,000 บาท นั้น ไม่ใช่แน่นอน ตนมีหลักฐาน และขอให้การกับตำรวจ เงินที่ยืมไปในแต่ละครั้งเป็นเงินแสน ซึ่งครั้งแรกประมาณ 4-5 ปีมาแล้ว ตนเองไม่มีหลักฐานก็ยกยอดไป ตอนนี้ยอดเงินคงเหลืออีกประมาณ 6 หมื่นกว่าบาท ครั้งที่ 2 เป็นเงิน 1.5 แสนบาท ใช้มาบ้างแล้วเหลือประมาณ 1.1 แสนบาท และครั้งที่ 3 ล่าสุดที่เลิกคบกันแล้วไล่ออกไป 6 หมื่น แต่ใช้มาแล้วประมาณ 3 หมื่น สรุปแล้วยังคงเหลือยอดอยู่อีกประมาณ แสนกว่าบาทซึ่งรายละเอียดตนเองไม่ขอพูดถึง

          ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ กล่าวว่า เจ๊ข้าวยอมรับว่าทำผิดจริงตามที่ผู้เสียหายแจ้งความ ซึ่งจะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ข้อกล่าวหายังอยู่ระหว่างการสอบสวนอยู่ เนื่องจากว่าทางตัวผู้เสียหายยังสอบสวนไม่เสร็จ ต้องรอสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมดก่อน และพร้อมจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย

          "เรื่องที่เกิด เป็นเรื่องที่ไม่ถูกใจกันจึงเกิดการทะเลาะกัน ซึ่งในเบื้องตนที่สอบสวนไว้ก็จะมี ข้อหาทำร้ายร่างกายไม่ถึงกับได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ, ดูหมิ่นซึ่งหน้า และหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามที่ข้อเท็จจริงปรากฏอยู่ในขณะนี้ โดยจะต้องสอบสวนให้แน่ชัดอีกครั้ง ส่วนในเรื่องแชร์ หรือเงินกู้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะต้องตรวจสอบทั้งหมดด้วย"

ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว