ว่าที่เจ้าสาว เครียด แม่แฟนจะให้กู้เงินมาเป็นค่าสินสอด ทั้งที่รับปากดิบดีว่าไหวที่ 1.2 ล้าน งานนี้โซเชียลตอบรัว ๆ ลั่น จะตกถังข้าวสารยังจะจับเสือมือเปล่า แนะเลิกกันตอนนี้ดีกว่าได้สามีแย่ ๆ
ปัญหาอันดับหนึ่งในงานแต่งงานไม่ว่าจะคู่ไหน ๆ ต่างก็ต้องถูกยกมาเป็นหัวข้อในการพูดคุยเสมอ ๆ นั่นก็คือเรื่องสินสอด บางคู่ก็สะดวกที่เป็นพ่อ-แม่ ฝ่ายชายดำเนินการเรื่องนี้ แล้วฝ่ายหญิงก็รับหน้าที่จัดงาน แต่บางคู่ก็เป็นหน้าที่บ่าว-สาวทั้งหมด ซึ่งถ้าใช้เงินตัวเองแบบไม่ต้องกู้หนี้ยืมสิน ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่กับเรื่องราวที่จะนำเสนอนั้นนับว่าเป็นเรื่องราวสินสอดที่น่าปวดหัวเนื่องจากแม่ฝ่ายชายจะให้บ่าว-สาวกู้เงิน เพื่อเป็นสินสอดในวันแต่งงาน
เรื่องนี้ วันที่ 26 พฤษภาคม 2565 คุณ สมาชิกหมายเลข 7050856 สมาชิกเว็บไซต์พันทิป ได้ตั้งกระทู้ชื่อ "แม่แฟนให้กู้เงินมาเป็นสินสอดเพื่อแต่งตัวเอง" ซึ่งเจ้าของเรื่องเล่าว่าตนและแฟนหมั้นกันไว้ก่อนหน้านี้ 2 ปี มีและจะแต่งงานกันในกลางปีนี้ โดยแม่แฟนรับปากว่าจะให้สินสอดทองหมั้น ซึ่งแม่ของคนเรียกสินสอดไป 1.2 ล้านบาท ขณะที่ตอนหมั้นนั้นตนก็กู้เงินมาหมั้นตัวเอง 2 แสนบาทเช่นกันเพราะแม่แฟนบอกว่าหาเงินไม่ทัน
เจ้าของเรื่องเล่าว่าแม่ตนอยากให้รีบแต่งงานเพราะแม่สร้างธุรกิจไว้ให้ จะให้ตนและแฟนเข้าไปบริหาร แม่ลงทุนไป 20 กว่าล้านบาท และบอกว่าไม่เอาเงินสินสอด จะให้ยกให้ลูกลงทุนธุรกิจ แต่แม่แฟนกลับให้ตนกู้เงินมาเพื่อแต่งตัวเองโดยกู้เฉพาะเงินสินสอด เพราะเงินค่าจัดงานนั้นฝั่งแม่ตนเป็นคนจัด ส่วนของแฟนตนนั้นก็บอกว่าไม่มีเงิน แต่จะช่วยกู้กับตนคนละ 5 แสนบาท
เจ้าของเรื่องระบุว่าทำไมตนต้องทำขนาดนี้ ในเมื่อแม่สร้างธุรกิจไว้ให้ ถ้ากู้แล้วมัวมาใช้แต่หนี้ เมื่อไหร่่จะได้ตั้งตัวสักที ตนควรจัดการกับปัญหานี้ยังไง ตนเครียดมา อย่างน้อยแม่แฟนควรช่วยสักหน่อยไหม ไม่ใช่ให้ตนกับแฟนจัดการกันเองแบบนี้
ขณะที่สมาชิกหลาย ๆ
คนก็มาแสดงความคิดเห็นซึ่งบางคนมองว่าฝ่ายชายดูเหมือนไม่เห็นคุณค่าของเจ้าของเรื่องเลย
ที่รับปากเรื่องสินสอดก็เหมือนจะรับปากแบบขอไปที
จะตกถังข้าวสารทั้งทีก็ยังจะมาจับเสือมือเปล่า ไม่ลงทุนอะไรเลย
ดูเป็นผู้ชายที่ไร้สัจจะ
ด้านเจ้าของเรื่องก็มาตอบคอมเมนต์เหล่านี้ว่าฝ่ายชายฐานะพอมีพอกิน เขาดีกับตนทุกอย่างทำให้ไม่สามารถเลิกกับเขาได้ แต่เขาหาทางออกปัญหานี้ให้ตนไม่ได้ คิดว่าจะกู้มาแต่งก่อนแล้วค่อยหาใช้หนี้ไปด้วยกัน แม่แฟนมองว่าเงิน 1.2 ล้านบาท มันมากสำหรับเขา แต่ตนสงสัยว่าทำไมถึงเพิ่งมาพูดตอนนี้ วันหมั้นก็รับปากว่าไหว แต่ถ้าให้แม่แฟนกู้ ตนกับแฟนก็คงต้องผ่อนกันเองอยู่ดี ถ้าเขากู้ให้แต่เราจ่ายเองก็คงไม่ต่างกัน ถ้าได้แต่งกันแล้วตนคงเอาแค่แฟน ไม่เอาครอบครัวเขา และไม่ช่วยเหลือเรื่องนี้
ทั้งนี้บางความเห็นระบุว่าเจ้าของเรื่องเอาความมั่นใจมาจากไหนที่แฟนจะทิ้งแม่ตัวเองมาหาเมีย ซึ่งเจ้าของกระทู้ก็ระบุว่าตนลืมคิดเรื่องนี้ไป และขอบคุณที่คอมเมนต์เตือน ถ้าเขายังเป็นแบบนี้อยู่ ไม่จัดการอะไรให้เด็ดขาด ตนก็คงต้องตัดสินใจใหม่อีกที
ขณะที่บางความคิดเห็นก็ระบุว่าเข้าใจแม่ฝ่ายชายที่ไหนจะต้องเสียสินสอดแล้วลูกชายตัวเองต้องย้ายไปอยู่บ้านผู้หญิง แถมฐานะไม่ได้รวยเท่า ก็เป็นธรรมดาที่มองว่าเงิน 1.2 ล้านบาทนั้นจะเยอะไป แถมเศรษฐกิจแบบนี้ถ้าตนเป็นแม่ตนคงไม่เอาเงินเก็บไปช่วยลูกแต่งงาน และถ้าตนเป็นลูกก็ไม่เอาเงินจากแม่เช่นกัน
แต่บางความเห็นก็ระบุว่านาทีนี้เจ้าของเรื่องคงต้องทำใจแล้วว่าต้องเป็นฝ่ายซื้อเจ้าบ่าวมาแต่งงานด้วยเพราะแม่ฝ่ายชายพร้อมเอาเปรียบเต็มที่ ต่อให้แฟนแสนดีแค่ไหนแต่ตัดแม่ไม่ได้ ห่วงแม่เกินไปก็เป็นปัญหา
"เรามองว่าถ้าแม่คุณลงทุกธุรกิจให้คุณ ทำไมต้องให้แฟนคุณมาช่วยด้วยคะ คุณสามารถทำคนเดียวได้ในชื่อคุณ และจ้างคนงาน หรือจ้างแฟนมาช่วยแทนดีกว่า เพราะเขาไม่ได้ลงทุนอะไรเลยนะ ไม่แนะนำให้จดทะเบียน"
![คอมเมนต์ คอมเมนต์]()
![คอมเมนต์ คอมเมนต์]()
![คอมเมนต์ คอมเมนต์]()
![คอมเมนต์ คอมเมนต์]()
![คอมเมนต์ คอมเมนต์]()
![คอมเมนต์ คอมเมนต์]()
![คอมเมนต์ คอมเมนต์]()
ขอบคุณข้อมูลจาก คุณ สมาชิกหมายเลข 7050856 สมาชิกเว็บไซต์พันทิป
ปัญหาอันดับหนึ่งในงานแต่งงานไม่ว่าจะคู่ไหน ๆ ต่างก็ต้องถูกยกมาเป็นหัวข้อในการพูดคุยเสมอ ๆ นั่นก็คือเรื่องสินสอด บางคู่ก็สะดวกที่เป็นพ่อ-แม่ ฝ่ายชายดำเนินการเรื่องนี้ แล้วฝ่ายหญิงก็รับหน้าที่จัดงาน แต่บางคู่ก็เป็นหน้าที่บ่าว-สาวทั้งหมด ซึ่งถ้าใช้เงินตัวเองแบบไม่ต้องกู้หนี้ยืมสิน ก็อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่กับเรื่องราวที่จะนำเสนอนั้นนับว่าเป็นเรื่องราวสินสอดที่น่าปวดหัวเนื่องจากแม่ฝ่ายชายจะให้บ่าว-สาวกู้เงิน เพื่อเป็นสินสอดในวันแต่งงาน
เรื่องนี้ วันที่ 26 พฤษภาคม 2565 คุณ สมาชิกหมายเลข 7050856 สมาชิกเว็บไซต์พันทิป ได้ตั้งกระทู้ชื่อ "แม่แฟนให้กู้เงินมาเป็นสินสอดเพื่อแต่งตัวเอง" ซึ่งเจ้าของเรื่องเล่าว่าตนและแฟนหมั้นกันไว้ก่อนหน้านี้ 2 ปี มีและจะแต่งงานกันในกลางปีนี้ โดยแม่แฟนรับปากว่าจะให้สินสอดทองหมั้น ซึ่งแม่ของคนเรียกสินสอดไป 1.2 ล้านบาท ขณะที่ตอนหมั้นนั้นตนก็กู้เงินมาหมั้นตัวเอง 2 แสนบาทเช่นกันเพราะแม่แฟนบอกว่าหาเงินไม่ทัน
เจ้าของเรื่องเล่าว่าแม่ตนอยากให้รีบแต่งงานเพราะแม่สร้างธุรกิจไว้ให้ จะให้ตนและแฟนเข้าไปบริหาร แม่ลงทุนไป 20 กว่าล้านบาท และบอกว่าไม่เอาเงินสินสอด จะให้ยกให้ลูกลงทุนธุรกิจ แต่แม่แฟนกลับให้ตนกู้เงินมาเพื่อแต่งตัวเองโดยกู้เฉพาะเงินสินสอด เพราะเงินค่าจัดงานนั้นฝั่งแม่ตนเป็นคนจัด ส่วนของแฟนตนนั้นก็บอกว่าไม่มีเงิน แต่จะช่วยกู้กับตนคนละ 5 แสนบาท
เจ้าของเรื่องระบุว่าทำไมตนต้องทำขนาดนี้ ในเมื่อแม่สร้างธุรกิจไว้ให้ ถ้ากู้แล้วมัวมาใช้แต่หนี้ เมื่อไหร่่จะได้ตั้งตัวสักที ตนควรจัดการกับปัญหานี้ยังไง ตนเครียดมา อย่างน้อยแม่แฟนควรช่วยสักหน่อยไหม ไม่ใช่ให้ตนกับแฟนจัดการกันเองแบบนี้
ด้านเจ้าของเรื่องก็มาตอบคอมเมนต์เหล่านี้ว่าฝ่ายชายฐานะพอมีพอกิน เขาดีกับตนทุกอย่างทำให้ไม่สามารถเลิกกับเขาได้ แต่เขาหาทางออกปัญหานี้ให้ตนไม่ได้ คิดว่าจะกู้มาแต่งก่อนแล้วค่อยหาใช้หนี้ไปด้วยกัน แม่แฟนมองว่าเงิน 1.2 ล้านบาท มันมากสำหรับเขา แต่ตนสงสัยว่าทำไมถึงเพิ่งมาพูดตอนนี้ วันหมั้นก็รับปากว่าไหว แต่ถ้าให้แม่แฟนกู้ ตนกับแฟนก็คงต้องผ่อนกันเองอยู่ดี ถ้าเขากู้ให้แต่เราจ่ายเองก็คงไม่ต่างกัน ถ้าได้แต่งกันแล้วตนคงเอาแค่แฟน ไม่เอาครอบครัวเขา และไม่ช่วยเหลือเรื่องนี้
ทั้งนี้บางความเห็นระบุว่าเจ้าของเรื่องเอาความมั่นใจมาจากไหนที่แฟนจะทิ้งแม่ตัวเองมาหาเมีย ซึ่งเจ้าของกระทู้ก็ระบุว่าตนลืมคิดเรื่องนี้ไป และขอบคุณที่คอมเมนต์เตือน ถ้าเขายังเป็นแบบนี้อยู่ ไม่จัดการอะไรให้เด็ดขาด ตนก็คงต้องตัดสินใจใหม่อีกที
ขณะที่บางความคิดเห็นก็ระบุว่าเข้าใจแม่ฝ่ายชายที่ไหนจะต้องเสียสินสอดแล้วลูกชายตัวเองต้องย้ายไปอยู่บ้านผู้หญิง แถมฐานะไม่ได้รวยเท่า ก็เป็นธรรมดาที่มองว่าเงิน 1.2 ล้านบาทนั้นจะเยอะไป แถมเศรษฐกิจแบบนี้ถ้าตนเป็นแม่ตนคงไม่เอาเงินเก็บไปช่วยลูกแต่งงาน และถ้าตนเป็นลูกก็ไม่เอาเงินจากแม่เช่นกัน
แต่บางความเห็นก็ระบุว่านาทีนี้เจ้าของเรื่องคงต้องทำใจแล้วว่าต้องเป็นฝ่ายซื้อเจ้าบ่าวมาแต่งงานด้วยเพราะแม่ฝ่ายชายพร้อมเอาเปรียบเต็มที่ ต่อให้แฟนแสนดีแค่ไหนแต่ตัดแม่ไม่ได้ ห่วงแม่เกินไปก็เป็นปัญหา
"เรามองว่าถ้าแม่คุณลงทุกธุรกิจให้คุณ ทำไมต้องให้แฟนคุณมาช่วยด้วยคะ คุณสามารถทำคนเดียวได้ในชื่อคุณ และจ้างคนงาน หรือจ้างแฟนมาช่วยแทนดีกว่า เพราะเขาไม่ได้ลงทุนอะไรเลยนะ ไม่แนะนำให้จดทะเบียน"







ขอบคุณข้อมูลจาก คุณ สมาชิกหมายเลข 7050856 สมาชิกเว็บไซต์พันทิป






