สรุปดราม่ายกเลิกใช้ ตัวเลขไทยในเอกสารราชการ ทำโซเชียลเถียงกันสนั่น
ก่อนบานปลายโยงเลขไทยลอกมาจากเขมร เผยความเป็นมาทางประวัติศาสตร์
ทำไมเลขไทยปัจจุบัน และเลขเขมรปัจจุบัน เหมือนกันอย่างกับแกะ
ภาพจาก change.org
กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2565
หลังมีการผุดแคมเปญรณรงค์หัวข้อ "ขอให้ใช้เลขอารบิกในเอกสารราชการไทย
เพื่อความพัฒนาในด้านดิจิทัล" เพื่อขอรายชื่อสนับสนุนผ่านเว็บไซต์ www.change.org โดยผู้สร้างแคมเปญให้เหตุผลว่า...
"ในฐานะคนทำงานด้านดิจิทัล ที่ต้องประสานงานกับภาครัฐ ขอเสนอข้อเรียกร้องไปยังหน่วยงานราชการระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ ให้ปรับมาใช้เลขอารบิกในเอกสารราชการเป็นหลัก เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน เพื่อความเป็นสากล และส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงและประมวลผลข้อมูลดิจิทัล
"ในฐานะคนทำงานด้านดิจิทัล ที่ต้องประสานงานกับภาครัฐ ขอเสนอข้อเรียกร้องไปยังหน่วยงานราชการระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ ให้ปรับมาใช้เลขอารบิกในเอกสารราชการเป็นหลัก เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน เพื่อความเป็นสากล และส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมโยงและประมวลผลข้อมูลดิจิทัล
ภาพจาก ทวิตเตอร์ @PMOC10
ส่วนราชการก็สามารถพิจารณาใช้เลขอารบิกได้ โดยไม่เป็นการบังคับว่าส่วนราชการจะต้องใช้เลขไทยอย่างเดียวเท่านั้น แต่ปัญหาคือพอไม่ได้บังคับ หน่วยงานราชการก็คิดเอาเองว่าจะใช้หรือไม่ใช้ โดยไม่ได้คำนึงว่ามันเอื้อหรือไม่เอื้อ บางหน่วยเผยแพร่ตารางทุกสิ่งอย่างโดยใช้เลขไทย แถมเป็น PDF หรือ JPEG ทำให้ไม่สะดวกในการนำไปใช้งานต่อและประมวลผล
ทั้งนี้ ลองจินตนาการว่า ถ้ารายงานงบการเงิน, สถิติหุ้นในตลาดหุ้น ตัวเลขในภาคเอกชนทั้งหมดเปลี่ยนไปใช้เลขไทยแบบที่หน่วยงานราชการทำ (บางหน่วย) จะเกิดอะไรขึ้น จริง ๆ ยุคนี้มันยุคแห่ง open data, open government แล้ว ประชาชนจะเรียกร้องให้ข้อมูลสาธารณะทุกอย่างอยู่ในรูปดิจิทัลที่ใช้งานและอ่านง่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าภาครัฐปรับตัวได้ก็จะดีมาก
อย่างไรก็ตาม เลขไทยไม่ต้องหายไปไหน อยู่ในข้อเขียน, บทกลอน, เอกสารประชาสัมพันธ์ของรัฐ, เอกชน ประชาชนต่อไป แต่งานประมวลผลตัวเลขนี่ควรทำให้ใช้ง่ายเข้าไว้ และคิดถึงประโยชน์ของผู้ใช้ก่อน
ชาวเน็ตดราม่า เข้าใจว่าให้ยกเลิกการใช้ตัวเลขไทย ติดแฮชแท็ก #เลขไทย ในทวิตเตอร์
จากแคปเปญดังกล่าว ชาวเน็ตบางส่วนเข้าใจว่าให้ยกเลิกการใช้ตัวเลขไทย นำมาซึ่งดราม่า เสียงวิพากษ์วิจารณ์โต้แย้งกันถึงประเด็นนี้เป็นจำนวนมาก พร้อมติดแฮชแท็ก #เลขไทย ในทวิตเตอร์
ขณะที่ เฟซบุ๊ก พลัม - จุฑาฑัตต เหล่าธรรมทัศน์ Chutathut Laothamatas ส.ส. พรรครวมพลังประชาชาติไทย ก็ได้โพสต์ข้อความถึงประเด็นนี้ด้วยเช่นกัน โดยระบุว่า ๒๘ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ เลขไทย เอกลักษณ์ทางภาษาไทยประดิษฐ์ขึ้นโดยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เป็นสิ่งหนึ่งที่สะท้อน "ความเป็นไทย" เมื่อมีผู้ใดไม่เห็นคุณค่า พลันให้นึกถึงประโยคของมณีจันทร์...
ด้านทวิตเตอร์ @PMOC10 ทวิตเตอร์ข่าวสารนายกฯ และรัฐบาล ตรงจากตึกไทยคู่ฟ้า_ทำเนียบรัฐบาลโดยศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี ก็ได้ทวีตข้อความว่า "ภูมิใจในเอกราชทางภาษา ด้วยอักษรไทย เลขไทย ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๐"
ดราม่าไม่จบ ลามโยงเลขไทยลอกมาจากเขมร - เผยความเป็นมา แท้จริงแล้ว...
อย่างไรก็ตาม จากกระแสวิพากษ์วิจารณ์บานปลายไปอีก เนื่องจากมีคนโยงเลขไทยนั้นลอกมาจากเขมร พร้อมกับแนบรูปตัวเลขเขมรในปัจจุบันเป็นภาพประกอบ ทำให้หลายคนสงสัยความเป็นมา ทำไม "เลขไทยปัจจุบัน" และ "เลขเขมรปัจจุบัน" เหมือนกันอย่างกับแกะ
ล่าสุด (30 พฤษภาคม) เฟซบุ๊ก โบราณนานมา ได้โพสต์ข้อมูลและคำอธิบายทางประวัติศาสตร์ในเรื่องของการมีอิทธิพลทางด้านวัฒนธรรม ว่า
ก่อนหน้า "เขมร" จะรับอิทธิพลทางด้านวัฒนธรรมจาก "ไทย" ไป ไทยเองก็เคยรับอิทธิพลทางด้านวัฒนธรรมจากหลาย ๆ แหล่งด้วยกัน รวมถึง "เขมรโบราณ" (คนละกลุ่มกับเขมรปัจจุบัน ถ้าอธิบายคงยาว) ด้วย
"ไทย" เริ่มเข้าไปมีอิทธิพลทางด้านวัฒนธรรมใน "เขมร" แบบจริงจังก็ช่วงปลายยุคกรุงธนบุรีและต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งสมัยก่อนเมื่อต้นกรุงรัตนโกสินทร์ จะมีประเพณีหนึ่ง คือ การชุบเลี้ยงดูองค์รัชทายาทเขมรเป็นพระราชบุตรบุญธรรม ในฐานะลูกเจ้าเมืองประเทศราช (เมืองขึ้น) ซึ่งเป็นธรรมเนียมเก่าแก่ มีมาแต่โบราณ เพื่อมิให้เขมรเกิดความกระด้างกระเดื่องต่อสยาม (ไทย) เหตุการณ์และประเพณีนี้เริ่มตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 จนถึงรัชกาลที่ 4 รวมเวลาทั้งสิ้น 73 ปี
ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างพระราชวงศ์ไทยกับราชวงศ์กัมพูชา ได้เกิดขึ้นตั้งแต่นั้นต้นกรุงรัตนโกสินทร์ มีความแน่นแฟ้นและยั่งยืนจนมาถึงรัชกาลที่ 4 เพราะในอดีตนั้นเจ้านายหลายพระองค์ของราชวงศ์กัมพูชาล้วนมาพำนักที่กรุงเทพทั้งสิ้น
กระทั่งในรัชกาลที่ 5 กัมพูชาที่เคยเป็นประเทศราชของสยามนั้น ก็ได้ตกไปเป็นของส่วนหนึ่งของจักรวรรดิอาณานิคมฝรั่งเศส เพราะพระเจ้านโรดม ตีตัวออกห่างจากสยามและยกกัมพูชาให้เป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส
อย่างไรก็ตาม นับจากรัชกาลที่ 4 เป็นต้นมา กัมพูชาใช้ศิลปะและวัฒนธรรมแบบอย่างสยามเป็นต้นมา ไม่ว่าจะเป็นด้านการปกครอง, การใช้ฉัตร, พระราชลัญจกร, เครื่องราชกกุธภัณฑ์ อันมีพระมหามงกุฎเป็นเครื่องยศสูงสุด, การใช้ศาสนาพุทธนิกายแบบสยามหรือนิกายธรรมยุติ, การใช้เลขไทยและนับฐานเลขแบบไทย รวมถึงการรับท่ารำและการแสดงโขนกลับไปด้วย เป็นต้น ฯลฯ
สรุป คือ เลขไทยในยุคต้นได้รับอิทธิพลมาจากเขมรโบราณ ซึ่งเขมรก็รับมาจากอักษรอินเดียใต้ (หรืออักษรสมัยราชวงศ์ปัลลวะ) อีกทีหนึ่ง มีลักษณะคล้ายคลึงกับอักษรทวารวดี ที่พบในภาคกลางของประเทศไทย ส่วนของอักษรไทยนั้น ศาสตราจารย์ ยอช เซเดส์ กล่าวว่า ระบบอักษรไทยสุโขทัย ถูกพัฒนาจากอักษรขอมหวัด + อักษรมอญ
ขณะที่ เลขเขมรปัจจุบัน ได้รับอิทธิพลมาจากเลขไทยในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ที่เวลานั้นเขมรเป็นประเทศราชของสยาม จึงทำให้เลขไทยปัจจุบัน และเลขเขมรปัจจุบันเหมือนกันอย่างกับแกะ
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก Sarinee Achavanuntakul - สฤณี อาชวานันทกุล, พลัม - จุฑาฑัตต เหล่าธรรมทัศน์ Chutathut Laothamatas, ทวิตเตอร์ @PMOC10, โบราณนานมา, ศิลปวัฒนธรรม








