สรยุทธ สุทัศนะจินดา โพสต์ข้อความขอโทษ แอนนา ปมเผยแพร่คลิปนาทีถูกรวบคาสนามบิน เผยที่มาคลิป พร้อมชี้แจงเข้าข่ายกฎหมาย PDPA หรือไม่ ? ก่อนทิ้งท้ายแรงถึง ศาสดาสื่อ ตาฝ้า เดือดมาก
ภาพจาก เฟซบุ๊ก แอนนา
จากกรณีที่ แอนนา ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองคุมตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิหลังถูกออกหมายจับคดีหวยทิพย์ โดยที่เพจเฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้มีเปิดเผยคลิปนาทีควบคุมตัว
ในเวลาต่อมา แอนนา ได้มีแชร์โพสต์ดังกล่าวพร้อมระบุข้อความถึงนายสรยุทธ ว่า ตนเองได้ขอความกรุณาเจ้าหน้าที่แล้วว่าขอใช้สิทธิ PDPA แต่สุดท้ายกลับถูกละเมิดสิทธิตั้งแต่เจ้าหน้าที่รัฐจนถึงสื่อใหญ่ ด้วยการถูกถ่ายคลิปตั้งแต่นาทีลงเครื่อง จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ในวันเดียวกัน (6 มิถุนายน 2565) นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้มีการโพสต์ข้อความขอโทษแอนนา ผ่านเพจเฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ระบุว่า ขออภัยแอนนา กรณีที่แอนนาขอความเป็นธรรม ด้วยความเข้าใจความรู้สึกของแอนนา คลิปนี้ได้มาจากระบบข่าวปกติ ซึ่งตนก็เชื่อว่า เจ้าหน้าที่เป็นผู้ถ่ายและนำมาให้สื่อ และเมื่อแอนนาได้ทักท้วงมา ตนก็ลบคลิปดังกล่าวทันที และต้องขออภัยที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ
ส่วนประเด็นเรื่อง พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA ซึ่งบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมา ในกรณีนี้ เข้าใจว่ายังคงเป็นที่ถกเถียงหรือตีความกันอยู่ เรื่องการเปิดเผยภาพหรือชื่อผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญา ซึ่งที่แล้วมา ปกติทั่วไปในแวดวงสื่อ ถ้าเป็นกรณีเป็นบุคคลสาธารณะเป็นที่รับรู้อยู่แล้ว ก็ไม่มีเหตุจะต้องบังชื่อหรือใบหน้า เหมือนเมื่อครั้งที่แอนนาเคยบอกให้ผมเปลี่ยนรูปในหมายจับที่มีการคาดดวงตา (ซึ่งเป็นภาพจากเจ้าหน้าที่) ให้มาใช้ภาพแอนนาสวย ๆ ไม่ต้องคาดตา แต่หากกรณีผู้ต้องหาทั่วไป ก็จะปิดบังใบหน้า (ซึ่งสังคมก็มักจะตั้งคำถามว่าปิดทำไม)
ไขข้อสงสัยประเด็นแอนนา เข้าข่ายกฎหมาย PDPA หรือไม่ ?
ประเด็นของแอนนา ไม่ใช่ประเด็น PDPA แต่เป็นประเด็นการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ถ่ายคลิปเหตุการณ์แล้วนำมาให้สื่อ และสื่อที่นำมาเผยแพร่ อาจสุ่มเสี่ยงว่าจะเป็นการละเมิดต่อบุคคล ตามมาตรา 29 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบัน ว่า "ในคดีอาญา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุด แสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้" ยกตัวอย่างกรณี ตำรวจออกกฎเกณฑ์ ห้ามไม่ให้เอาผู้ต้องหามาแถลงข่าว ก็เพราะหลักตรงนี้ครับ
ต้องขอบคุณแอนนาที่ทักท้วง และผมยินดีเสมอที่จะรับฟังคำท้วงติง และพร้อมจะแก้ไขบรรเทาความเสียหายโดยทันที เพราะโดยส่วนตัวถือหลักว่า เมื่อได้รับการทักท้วงที่มีเหตุผล ต้องแก้ไข โดยไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน โดยเฉพาะที่มีผลกระทบต่อบุคคลในคดีอาญา เพราะผมเองก็เคยเป็นผู้ถูกกระทำจากสื่อมาก่อน
สรยุทธ ซัดเดือด ศาสดาสื่อ ตาฝ้า ก่อนทิ้งท้ายแรงมาก ถถถถถถถ… ุย
สรยุทธ ทิ้งท้ายว่า เหตุการณ์นี้ได้มีผู้ที่พยายามแสดงความเห็น ประหนึ่งอยากเป็นศาสดาของสื่อ หยิบยกเอาประเด็นนี้ไปนำเสนอ ทำนองว่า พีดีพี ? ตม. หรือ แอนนา หรือ สื่อใหญ่ ใครผิดใครถูก
"กรณีนี้ ขออนุญาตขำ เห็นเป็นผมเท่านั้นแหละเอาใหญ่ แข็งขันขึ้นมาทีเดียว ทั้ง ๆ ที่สื่อที่เบิกประจานผู้เสียหายในคดีอาญา ก็มีอยู่มากมาย ร้ายแรงยิ่งกว่านี้ ชัดเจนยิ่งกว่านี้มาก จะเป็นคนเด่นคนดังหรือตาสีตาสา ไปอยู่ไหนมาถึงไม่เคยเห็น หรือการพาดหัวเหยียดเพศล่ะ ผู้อยากเป็นศาสดาสื่อกล้าไหม ข่าวใส่ร้ายป้ายสีดารา ทำทีพาดหัวตั้งคำถาม "นาง ก. เป็นชู้กับชาวบ้านจริงมั้ย ?" แล้ว นาง ก. ก็เสียหายไปแล้ว อยากเป็นศาสดาข่าวจนตัวสั่น แต่ตาฝ้า
...ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้" มีมาก่อน 1 มิถุนายน ตั้งนานแล้วครับ
เคยทำอะไรมั้ยครับ หรือต้องเกิดเฉพาะกับผม แล้วก็ยกให้เป็นสื่อใหญ่ ตีฟูทันทีทันควัน ขออนุญาตนะครับ 5555555+"









