หมอเผยสาเหตุ ทำไมกัญชาแบบกิน อันตรายกว่าแบบสูบ
หลังเปิดกัญชาเสรีได้ไม่นาน คนป่วยเพียบ เสียชีวิตแล้ว 4 รายในกรุงเทพฯ
เตือนพฤติกรรมแบบนี้อย่าหาทำ ด้านมหาวิทยาลัยมหิดลร่วมด้วยช่วยเตือน
เผยวิธีการอย่างเคร่งครัด
ภาพจาก AChanFoto / Shutterstock.com
หลังจากที่มีการเปิดกัญชาเสรีตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 นับตั้งแต่นี้ไป ทุกส่วนของกัญชา กัญชงที่ปลูกภายในประเทศ ไม่ใช่ยาเสพติดประเภทที่ 5 ประชาชนสามารถปลูกกัญชาได้ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เปิดเสรีได้ไม่กี่วันก็พบปัญหาการใช้งาน เช่น ร้านอาหาร ร้านขนม เอาไปใส่ในผลิตภัณฑ์โดยที่ลูกค้าไม่รู้ พอกินไปก็เกิดอาการแพ้ บางคนก็กินกัญชาเกินขนาดจนทำให้เสียชีวิตแล้ว 4 รายในกรุงเทพฯ
ขณะเดียวกัน โจอี้ บอย นักร้องชื่อดัง ก็เคยออกมาเตือนว่า คนที่คิดลองกัญชา ควรทดลองด้วยการสูบก่อน อย่าไปกินมันโดยตรง เพราะเห็นหลายคนที่กินมันเข้าไปถูกหามส่งโรงพยาบาลกันเยอะแล้ว
อ่านข่าว : โจอี้บอยเตือน ! กัญชาเสรี ลองสูบก่อน อย่าริกิน เห็นโดนหามเข้า รพ. ไปเยอะแล้ว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Sigtyra Schroeter
ล่าสุด วันที่ 15 มิถุนายน 2565 เฟซบุ๊ก Sigtyra Schroeter ของคุณหมอท่านหนึ่ง มีการโพสต์เปิดประเด็นว่า การใช้กัญชาแบบกินอันตรายกว่าแบบสูบ พร้อมยกตัวอย่างข่าวคนเสียชีวิต คนป่วยที่เข้าโรงพยาบาลอยู่ในขณะนี้ เกิดจากการกินทั้งนั้น อาจจะไม่ได้กินโดยตรง แต่เอาไปเป็นส่วนผสมในขนมก็ไม่รอด แล้วยิ่งบางคนเอาส่วนที่เป็นดอกกัญชาใส่ลงไปในของกิน ทำแบบนี้ยิ่งมีความเสี่ยงเสพเกินขนาดได้ง่าย
เปรียบเทียบแบบกิน - สูบ กระบวนการต่างกันอย่างไร
คุณหมอระบุว่า การกินกัญชานั้น เมื่อกัญชาลงไปสู่กระเพาะอาหาร สาร THC หรือ Tetrahydroconnabinol ซึ่งมีคุณสมบัติที่ช่วยทำให้คนเสพเคลิบเคลิ้ม จะถูกส่งผ่านไปยังตับ และตับจะเปลี่ยน THC ให้ออกฤทธิ์รุนแรงขึ้น นานขึ้น เป็นพิษมากขึ้น ส่วนการสูบกัญชา สารดังกล่าวจะออกฤทธิ์แบบไม่ผ่านตับ ทำให้ฤทธิ์เบากว่า และหมดฤทธิ์ได้ไวกว่า แต่วิธีที่ดีที่สุดคือ การสูบแบบ vape จะมีผลกับปอดน้อยกว่าแบบจุดไฟเผา
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากใครจะกินกัญชา วิธีกินแล้วไม่เกิดปัญหาคือ ต้องรู้ขนาดและปริมาณของมันว่าควรอยู่ที่ไหน ไม่สูงจนเป็นพิษ
พฤติกรรมแบบนี้ อย่าหาทำ
นอกจากนี้ สาเหตุที่คนกินกัญชาแล้วเกิดอาการป่วยรุนแรงอีกอย่างหนึ่งก็คือ กัญชาที่ปลูกในไทยมีฤทธิ์ค่อนข้างแรงจากสภาพอากาศ ควบคุมค่า THC ได้ยาก โดยเฉพาะพวกที่ไม่อยากสูบ เพราะรังเกียจภาพลักษณ์บุหรี่ เลยหากินแบบหยอดโดยที่ไม่รู้ปริมาณ ยิ่งไม่ควรทำ
ส่วนคนที่ทำขนมใส่กัญชาเอง แล้วอวดความแรงใครจะทำเพื่อนร่วงได้ไวกว่า แกล้งหลอกเพื่อนให้กิน หัวเราะกันสนุกคิกคัก ถ้าเพื่อนตายหรืออาการสาหัส นี่ก็คุกเหมือนกัน ส่วนพ่อครัวแม่ครัว ถ้าอยากใส่ใบกัญชาชูรสน้ำก๋วยเตี๋ยวหรือน้ำแกง ก็ควรแปะป้ายหน้าร้านเตือนลูกค้าให้ชัดเจนด้วย เพราะคนแพ้กัญชาก็มี ถ้าเกิดเขากินด้วยไม่ได้จะโดนฟ้องร้องแบบไม่รู้ตัว
สุดท้าย ประเทศอื่นที่เสรีกัญชาแล้วไม่มีปัญหา นั่นเป็นเพราะเขามีกฎหมายควบคุมเรื่องอายุผู้ซื้อ ผู้เสพที่รุนแรง มีข้อกำหนดเรื่องปริมาณสารปนเปื้อน ปริมาณที่ใส่ในอาหาร ไม่ได้ทำแบบไม่มีแนวทางแบบไทย
มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดข้อห้ามการใช้กัญชา
ขณะที่ เฟซบุ๊ก Mahidol University ของมหาวิทยาลัยมหิดล มีการโพสต์เตือนเรื่องการใช้เสรีกัญชาว่า มีข้อห้ามอะไรบ้าง ดังนี้
1. ไม่ใช้ในหญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร เด็กและเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี เพราะมีผลต่อการพัฒนาการทั้งแม่และเด็ก
2. ไม่ใช้กัญชาในเชิงสันทนาการโดยเด็ดขาด
3. ไม่ใช้ช่อดอกของกัญชาเพื่อผสมในอาหารและเครื่องดื่ม หากต้องการใช้ ต้องแจ้งให้ผู้บริโภคทราบล่วงหน้าอย่างชัดเจน
4. คนที่ใช้กัญชา ไม่ควรขับรถหรือทำงานกับเครื่องจักรในระยะ 6 ชั่วโมงหลังได้กัญชา เพราะมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุได้สูง
5. ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคจิตประสาท โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด ขอให้ปรึกษากับแพทย์ก่อนใช้กัญชา เพราะอาจมีผลต่อยาและการรักษาที่ได้รับอยู่
สุดท้าย ผู้ต้องการใช้กัญชา ต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับอันตรายที่เกิดขึ้นก่อนเสมอ หากมีอาการผิดปกติให้รีบพบแพทย์โดยด่วน